ตอนที่ 4: นวัตกรรมผ้าขาวม้า และคืนแรกในนรก (หรือสวรรค์?)

2027 Words
"ใครบางคนอยากให้คุณตาย" หลังจากที่ตะวันทิ้งระเบิดลูกใหญ่ ภาคินถึงกับหน้าชาไปครึ่งแถบ ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณอยู่ครู่ใหญ่ เสียงลมที่พัดพาใบไม้ให้สั่นไหวภายนอกดูจะดังชัดในความรู้สึกขึ้นมาทันที "นะ... นายพูดจริงเหรอ?" ภาคินถามเสียงสั่น แววตาที่เคยถือดีวูบไหวด้วยความตระหนก "มีคนแฮกรถฉันจริงๆ เหรอ? ไม่ใช่ว่านายแต่งเรื่องเพื่อจะโก่งราคาค่าซ่อมนะ?" ตะวันถอนหายใจพรืด มองหน้าคุณชายขี้ระแวงด้วยสายตาว่างเปล่า "ผมดูว่างขนาดนั้นเลยเหรอคุณ? ถ้าผมอยากได้เงินคุณ ผมปล้นนาฬิกาปาเต็กไปขายตั้งแต่ตอนที่คุณสลบแล้ว ไม่มานั่งอธิบายให้เปลืองน้ำลายหรอก" พูดจบเขาก็ปิดหน้าจอแท็บเล็ต ก่อนจะวางกระแทกลงบนโต๊ะ ปัง! เสียงนั้นเรียกสติภาคินให้สะดุ้งโหยง "ถ้าอยากรอดไปจากเกาะนี้แบบครบ 32 ก็ฟังผม... ส่งมือถือคุณมา" "หา? จะเอาไปทำไม?" ภาคินกอดสมาร์ตโฟนเครื่องละห้าหมื่นไว้แน่นราวกับมันเป็นอวัยวะที่ 33 "นี่มันของส่วนตัวนะ! ในนี้มีความลับบริษัท! มีรูปน้องริชชี่! มีแอปธนาคาร! นายจะเอาไปแฮกเงินฉันใช่ไหม!" "เอามาเถอะน่า!" ตะวันเริ่มหมดความอดทน น้ำเสียงจึงกดต่ำลง "ในนั้นมี GPS! ถ้าคนที่แฮกรถคุณรู้ว่ารถหยุดอยู่ที่นี่ เดี๋ยวเขาก็ส่งคนมาเก็บงานหรอก อยากโดนจับไปถ่วงน้ำหรือไง?" คำว่า 'ถ่วงน้ำ' ได้ผลชะงัด ภาคินหน้าซีดเผือด รีบยื่นมือถือให้ตะวันทันทีราวกับมันเป็นก้อนถ่านร้อนๆ ตะวันรับไปจัดการถอดซิมการ์ดออกอย่างชำนาญ จากนั้นก็โยนตัวเครื่องลงในปี๊บขนมปังเก่าๆ สนิมเกรอะที่วางอยู่มุมห้อง ก่อนจะปิดฝาปี๊บดัง 'ปัง!' "เฮ้ย! นั่นปี๊บขนมนะ! นายเอามือถือเครื่องละห้าหมื่นไปดองรวมกับเศษขนมปังเนี่ยนะ!" "นี่เขาเรียกว่า Faraday Cage ฉบับภูมิปัญญาชาวบ้าน" ตะวันตบฝาปี๊บเบาๆ แล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ "คลื่นวิทยุผ่านไม่ได้ ปลอดภัยหายห่วง... เลิกโวยวายแล้วไปจัดการตัวเองซะ สภาพคุณตอนนี้ดูไม่ได้เลย" นายช่างหนุ่มทำจมูกฟุดฟิด เดินเข้ามาใกล้ภาคินแล้วเบ้หน้าอย่างเปิดเผย "เหม็นเปรี้ยวหึ่งเลย ใครได้กลิ่นคงนึกว่ารถขยะพลิกคว่ำ... ไปอาบน้ำซะ" "นี่นายว่าฉันเหม็นเหรอ!" ภาคินยกแขนขึ้นดมรักแร้ตัวเอง แล้วก็ต้องชะงัก... อือหือ... เหม็นจริง กลิ่นเหงื่อเปรี้ยวๆ ผสมกลิ่นดินลูกรังหมักหมมใต้เสื้อสูทมาร่วมวัน อานุภาพรุนแรงทำลายล้างมาก "ห้องน้ำอยู่หลังบ้าน ตักน้ำในโอ่งอาบเอา" ตะวันชี้นิ้วไปทางประตูหลัง แล้วโยนผ้าผืนบางลายตาหมากรุกสีแดงสลับขาวมาให้ ภาคินรับผ้าผืนนั้นมาคลี่ดูด้วยความงุนงง "นี่อะไร? ผ้าปูโต๊ะ?" "ผ้าขาวม้า" ตะวันตอบหน้าตาย "คอลเลกชันฤดูร้อน เอาไว้นุ่งอาบน้ำ" "นุ่ง?" ภาคินทำหน้าเหมือนตะวันบอกให้เขาใส่ใบตองอาบน้ำ "นายจะบ้าเหรอ! ผ้าผืนแค่นี้เนี่ยนะ? มันจะไปปิดอะไรมิด! แล้วกางเกงในล่ะ? ฉันต้องเปลี่ยนกางเกงในนะ!" "ไม่มี" "ไม่มีได้ไง!" "นี่บ้านคนนะคุณไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า ใครจะไปเตรียมของแบบนั้นไว้ หรือคุณจะยืมของผม?" "อี๋... ไม่เอาหรอก ใครจะไปใส่ของแบบนั้นกัน" ภาคินนึกภาพตามแล้วก็ถึงกับขนลุกเกรียว "ใช่ไหมล่ะ... ผมก็ไม่ให้คุณยืมใส่ด้วย ของส่วนตัว" ตะวันตอบเรียบๆ "ใส่ของเดิมกลับด้านเอา หรือไม่ก็ Free ball ไปเลย ปลอดโปร่งโล่งสบาย" "ไอ้... ไอ้คนลามก!" ภาคินหน้าแดงแปร๊ด ด่ากลบเกลื่อนความขัดเขิน "แล้วผ้าเนี่ย มันใส่ยังไง! มันไม่มีซิป! ไม่มีกระดุม! ไม่มีสายรัด! ถ้ามันหลุดขึ้นมาจะทำยังไง!" ตะวันกรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเดินดุ่มๆ เข้ามาประชิดตัว แล้วกระชากผ้าขาวม้าไปจากมือภาคิน "เรื่องมากจริง... กางแขนออก!" "จะทำอะไร?" "บอกให้กางแขนออก!" เสียงเข้มดุจนภาคินสะดุ้ง ยอมกางแขนออกเหมือนหุ่นไล่กา ตะวันอ้อมไปด้านหลัง วงแขนแกร่งโอบรอบเอวสอบของภาคินเพื่อส่งชายผ้ามาด้านหน้า จังหวะนั้น แผ่นอกกว้างภายใต้เสื้อยืดสีดำของตะวันแนบชิดกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของภาคินโดยไม่ตั้งใจ ภาคินสัมผัสได้ถึงไอร้อนผ่าวและจังหวะชีพจรจากตัวอีกฝ่าย จนเผลอแขม่วท้องเกร็งตัวแข็งทื่อ ลมหายใจสะดุดไปชั่วขณะ "จับปมไว้" ตะวันสั่งเสียงห้วน ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอภาคิน ทำเอาขนลุกซู่ เขารีบตะครุบชายผ้าไว้ ตะวันจัดการม้วนปมผ้าขาวม้าแล้วขมวดปมบริเวณหน้าท้องที่มีลอนกล้ามชัดเจนของภาคินจนแน่น ลองกระตุกปมแรงๆ หนึ่งทีเพื่อความชัวร์ กึก! "โอ๊ย! แน่นไป! ไส้จะขาดแล้วโว้ย!" ภาคินร้องลั่น "ก็เอาให้แน่น เดี๋ยวหลุดโชว์หนอนชาเขียวให้ขายขี้หน้าสิงสาราสัตว์แถวนี้" "หนอนชาเขียวบ้านป้านายสิ! นี่มันพญานาคราช! ไซส์มาตรฐานชายไทยบวกสองนิ้วโว้ย!" ตะวันกวาดตามองต่ำอย่างจงใจ ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอ "หึ... ครับๆ พญานาคก็พญานาค..." เขาผละออกมายืนกอดอกมองผลงาน พลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "สภาพดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย... ไป รีบไปอาบน้ำ อย่าให้ดึกกว่านี้ เดี๋ยวตัวเงินตัวทองมันจะออกมาเดินเล่น" "ตัว... ตัวอะไรนะ!" ภาคินตาเหลือก "ไป๊!" ตะวันไล่เหมือนไล่หมูไล่หมา ภาคินจำใจเดินกุมปมผ้าขาวม้า เดินหนีบขาเหมือนเพนกวินมุ่งหน้าสู่ความมืดหลังบ้านด้วยความหวาดระแวง ... .. เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในเขตที่อีกฝ่ายเรียกว่า 'ห้องน้ำ' สภาพความเป็นจริงก็กระแทกตาภาคินจนอยากจะกรีดร้อง ไม่มีอ่างจากุซซี่ ไม่มีฝักบัว Rain Shower และแน่นอน... ไม่มีแผงควบคุมอุณหภูมิดิจิทัล สิ่งที่รอต้อนรับเขาคือห้องน้ำสังกะสี พื้นปูนเปลือยที่มีตะไคร่น้ำสีเขียวคล้ำเกาะตามมุม โอ่งมังกรใบใหญ่ที่ปากโอ่งมีแมงมุมชักใยรอเหยื่อ และที่พีคที่สุดคือ... ตุ๊กแกตัวลายพร้อยที่เกาะนิ่งอยู่บนขื่อ จ้องมองมาที่เขาตาแป๋ว "อย่ามองนะเว้ย! หันไปทางอื่น!" ภาคินชี้หน้าด่าตุ๊กแก "ฉันเป็น CEO นะ! ฉันสั่งซื้อบริษัทผลิตยากำจัดแกได้เลยนะ!" ตุ๊กแกร้อง ตั๊บแก! ตอบกลับมาเหมือนจะบอกว่า 'เรื่องของมึง' ภาคินหายใจเข้าลึกๆ จนกลิ่นสบู่สมุนไพรราคาถูกลอยมาแตะจมูก เขาก้าวไปยืนหน้าโอ่งมังกร หยิบขันสีแดงขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย จ้องมองผิวน้ำราวกับกำลังเจรจาธุรกิจพันล้านที่เดิมพันด้วยชีวิต "เอาล่ะ... แกกับฉัน เรามาจบเรื่องนี้กันเร็วๆ ดีกว่า" เขากลั้นใจตักน้ำขันแรกขึ้นมาราดตัว ซ่า!!! "ว๊ากกกกก! แม่จ๋า! เย็นบรรลัยเลยโว้ยยยย!" เสียงแขก VVIP ตะโกนลั่นห้องน้ำ ทำเอาตะวันทีนั่งซ่อมวิทยุอยู่หน้าบ้านต้องหลุดขำออกมาเบาๆ "อาบๆ ไปเถอะคุณ! ยิ่งดึกน้ำยิ่งเย็นนะ!" ตะวันตะโกนแข่ง ภาคินยืนสั่นงั่กๆ ปากคอสั่นเป็นเจ้าเข้า เขาใช้ขันตักน้ำราดตัวด้วยความเร็วแสง ถูสบู่ลวกๆ แบบที่ชีวิตนี้ไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้มาก่อน ผิวหนังสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกของน้ำที่เหมือนจะบาดผิวให้เป็นแผล "ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ช่างซ่อม... ฮัดชิ้ว! หนาววว!" *** หลังผ่านสงครามขั้วโลกมาหมาดๆ ภาคินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพตัวซีดปากสั่น เขาสวมเสื้อยืดตราห่านคู่เก่าๆ ย้วยๆ กับกางเกงเลสีน้ำเงินที่ตะวันหามาให้ "หิวแล้ว..." ภาคินบ่นอุบ นั่งจุมปุ๊กอยู่บนเสื่อน้ำมันลายดอกไม้ ตะวันวางข้าวสองจานลงตรงหน้า... เมนูคือข้าวไข่เจียวที่ดูเกรียมๆ นิดหน่อยกับถ้วยพริกน้ำปลา "มีแค่นี้แหละ กินกันตายไปก่อนแล้วกัน" ภาคินมองไปที่จานข้าว "ไข่เจียว? ไม่มีซอสเหรอ? ทรัฟเฟิลออยล์หรือซอสมะเขือเทศก็ได้" "มีแต่น้ำปลาพริก" ภาคินถอนหายใจ ตักไข่เจียวคำโตเข้าปาก... ทันทีที่ลิ้นสัมผัสรสชาติ ความหิวโหยทำให้ความเค็มปะแล่มและความมันของน้ำมันหมูในไข่เจียวธรรมดา กลายเป็นอาหารรสเลิศระดับมิชลินสตาร์ เขาตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เคี้ยวหนุบหนับจนแก้มตุ่ย "ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก" ตะวันมองแล้วส่ายหัว "กินเสร็จแล้วก็ล้างจานด้วยนะ ถือเป็นค่าที่พัก" "ล้างจาน?" ภาคินตาโต ทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก เขารีบกลืนลงคอแล้วพูดว่า "มือฉันมีประกันนะ! ถ้าโดนน้ำยาล้างจานกัดจนมือลอก บริษัทประกันฟ้องนายหมดตัวแน่!" "งั้นพรุ่งนี้ก็ไปช่วยผมขัดสนิมเหล็กดัดแทน เลือกเอา" "ล้างจานก็ได้วะ!" ภาคินกระแทกช้อนอย่างขัดใจ *** เวลา 21.30 น. ความมืดมิดเข้าปกคลุมเกาะธาราอย่างสมบูรณ์ มีเพียงแสงจันทร์สลัวๆ ลอดผ่านรอยรั่วของหลังคา ภาคินยืนมองมุ้งหลังเก่าสีซีดที่ตะวันกางครอบฟูกนอนเอาไว้อย่างหวาดระแวง "นี่เรา... ต้องนอนในนี้เหรอ?" "ใช่" ตะวันมุดเข้าไปก่อน แล้วตบที่ว่างข้างๆ "เข้ามาเร็วๆ เดี๋ยวยุงเข้า" ภาคินค่อยๆ คลานเข่ามุดเข้าไป พื้นที่ในมุ้งแคบกว่าที่คิด เมื่อผู้ชายตัวโตสองคนเข้าไปอยู่ด้วยกันก็แทบจะไหล่ชนไหล่ กลิ่นแป้งเย็นจากตัวตะวันลอยมาแตะจมูก ภาคินพยายามเบียดตัวเองไปชิดขอบมุ้งให้มากที่สุดเพื่อรักษาระยะห่างจาก 'คนแปลกหน้า' ที่เขาเพิ่งจะรู้จักได้เพียงวันเดียวด้วยความไม่ชิน "ขยับมาหน่อยสิคุณ เดี๋ยวก็ตกฟูกหรอก" ตะวันดุ "ไม่! ฉันไม่ไว้ใจนาย!" ภาคินกอดอกแน่น "เกิดนายลวนลามฉันขึ้นมาจะทำไง หุ่นฉันยิ่งน่าปล้ำอยู่ด้วย!" ตะวันแค่นหัวเราะในลำคอ เขาหยิบหมอนข้างแข็งๆ ใบหนึ่งมาวางคั่นกลางระหว่างเขากับภาคิน "เอานี่... กำแพงเบอร์ลิน ห้ามข้ามเส้นมานะ ถ้าข้ามมาผมถีบตกบ้านแน่" "ฉันต่างหากต้องพูดคำนั้น!" ภาคินแยกเขี้ยวใส่ ทั้งคู่นอนลงท่ามกลางเสียงจิ้งหรีดเรไร พัดลมเพดานหมุนเอื่อยๆ ส่งเสียงครางหึ่งๆ ภาคินนอนลืมตาโพลงในความมืด พื้นกระดานแข็งๆ ทำให้ปวดหลัง ยุงตัวหนึ่งบินหลุดเข้ามาในมุ้ง ส่งเสียง วิ้ง... วิ้ง... ข้างหูชวนประสาทเสีย เพียะ! ภาคินตบบ้องหูตัวเองเต็มแรง "นิ่งๆ ได้ไหมคุณ ผมจะนอน" ตะวันพูดเสียงงัวเงีย "นายก็นอนไปสิ! ใครห้าม!" ภาคินพลิกตัวกระสับกระส่าย "มันร้อน... มันแข็ง... มันมีเสียงก๊อกแก๊ก... ตะวัน... นายหลับยัง?" "หลับแล้ว" "หลับบ้าอะไรตอบได้... นี่... นายว่าคนที่แฮกรถฉันมันจะตามมาคืนนี้ไหม?" เงียบ... ไร้เสียงตอบรับ "ตะวัน..." ภาคินเริ่มกลัว เขยิบตัวเข้าไปใกล้กำแพงหมอนข้างนิดนึง "ถ้ามันมา... นายต้องปกป้องฉันนะ นายเป็นเจ้าบ้านนี่" จู่ๆ มือใหญ่ของตะวันก็เอื้อมข้ามหมอนข้างมา... ภาคินสะดุ้งเฮือก หลับตาปี๋ แปะ! ฝ่ามือหนาตบลงที่หน้าผากภาคินเต็มแรง "โอ๊ย! ตบฉันทำไมเนี่ย!" "ตบยุง" ตะวันตอบเสียงเรียบ แล้วดึงมือกลับไปกอดอก "เลิกเพ้อเจ้อแล้วนอนซะ พรุ่งนี้ผมจะใช้งานคุณให้คุ้มค่าข้าวไข่เจียวเลย คอยดู" ภาคินลูบหน้าผากปอยๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ "ไอ้คนซาดิสม์... ไอ้ช่างซ่อมกวนโอ้ย... ฝากไว้ก่อนเถอะ!" เขาบ่นพึมพำ แต่สุดท้ายความอ่อนเพลียก็เริ่มครอบงำ ภาคินค่อยๆ หลับตาลง ฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของ คนแปลกหน้า ที่นอนอยู่อีกฝั่งของหมอนข้าง... อย่างน้อยในคืนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD