ตอนที่ 1: ภารกิจหนีงานพันล้าน กับหายนะระดับ VVIP
ณ ชั้น 45 ของตึกระฟ้ารูปทรงล้ำสมัยใจกลางกรุงเทพฯ ภายในห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุดที่ถูกปรับอุณหภูมิไว้เย็นเฉียบ กำลังเกิดภัยพิบัติทางอารมณ์ระดับวิกฤต ชนิดที่แม้แต่ระบบเตือนภัยของอาคารก็ยังตามไม่ทัน
"ยกเลิก! ยกเลิกให้หมด! ประชุมบอร์ดบริหารยกเลิก! นัดกินข้าวกับท่านทูตเยอรมันก็ยกเลิก! บอกไปว่าฉันตายแล้ว! หรือไม่ก็บอกว่าฉันย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ดาวอังคารแล้ว!"
เสียงโวยวายของ ภาคิน อัศวเมธา CEO หนุ่มไฟแรงวัยยี่สิบห้า ดังสะท้อนไปทั่วห้องจนกระจกนิรภัยแทบสั่นสะเทือน ชายหนุ่มรูปงามเจ้าของเรือนร่างสูงสง่าในชุดสูทสั่งตัดราคาเหยียบล้าน ผู้ที่นิตยสารฟอร์บส์เคยยกย่องว่า 'สุขุมลุ่มลึกดุจมหาสมุทร' บัดนี้กลับมีสภาพไม่ต่างจากกุ้งสดที่เพิ่งโดนน้ำมะนาวราดใส่! ผมที่เคยเซตเนี้ยบจนไร้ที่ติ ตอนนี้ชี้ฟูไม่เป็นทิศเป็นทางราวกับเพิ่งไปสู้รบกับพายุโซนร้อนมาเป็นชั่วโมง
แกร๊ง!
ปากกาทองคำฝังเพชรรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ถูกปาอัดกระแทกโต๊ะหินอ่อน ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ตกพื้นไปอย่างน่าเวทนา
แสนห้า...
ธีรดนย์ เลขาฯ หนุ่มแว่นหน้าตายคิดในใจ พลางมองตามปากกาด้ามนั้นด้วยสายตาละห้อย
นั่นปากกาด้ามละแสนห้า! เงินเดือนผมรวมกันตั้งสามเดือนเลยนะพ่อคุณ… มาเขวี้ยงทิ้งเหมือนไม้เสียบลูกชิ้นอย่างนี้ ถ้าหัวปากกาบิ่นแม้แต่มิลฯ เดียว ผมจะเอาอะไรไปเคลมประกัน!
"นายดูหน้าฉันสิธีร์! ดู!" ภาคินพุ่งตัวเอาหน้าหล่อๆ ที่เริ่มโทรมมาจ่อใกล้ๆ เลขาฯ "ขอบตาดำขนาดนี้ หมีแพนด้ายังต้องเรียกฉันว่าลูกพี่! ริ้วรอยตรงนี้... เห็นไหม! มันคือร่องรอยอารยธรรมแห่งความเครียด! ผิวพรรณผู้ดีที่แม่ให้มา กำลังจะแห้งเหี่ยวเหมือนปลาเค็มค้างปีเพราะแสงหน้าจอคอมฯ!"
ธีร์ขยับแว่นสายตาเล็กน้อย พยายามคงสีหน้าเรียบเฉยไว้อย่างสุดความสามารถ ทั้งที่เขาอยากจะตะโกนอัดหน้าเจ้านายใจแทบขาด
โธ่พ่อเทพบุตร... ขอบตาดำแค่นั้นทำเป็นเรื่องใหญ่ หันมาดูหน้าเลขาฯ คุณก่อนครับ! ผมไม่ได้นอนมา 48 ชั่วโมงเพื่อเตรียมข้อมูลให้คุณเนี่ย เห็นใจกันบ้างไหม! แล้วปลาเค็มบ้านพ่อคุณสิผิวเนียนขนาดนี้!
"ท่านครับ... พักเรื่องปลาเค็มก่อนนะครับ" ธีร์งัดความจริงเข้าสู้ "พรุ่งนี้ตอน 9 โมง ท่านมีนัดเซ็นสัญญาร่วมทุนสร้างโรงงานมูลค่าสามพันล้านนะครับ ถ้าท่านเบี้ยว เจ้าสัวพลคงบินมาบีบคอท่านถึงเตียงแน่ๆ"
และคนที่โดนบีบคอคนแรกก็คือผมเนี่ยแหละ!
"ก็ให้อาบวรไปเซ็นสิโว้ย! ตำแหน่งรองประธานมีไว้ทำเท่หรือไง!" ภาคินสวนทันควันอย่างคนขาดสติ "นายคิดว่าฉันบ้าเพราะงานเหรอ? ผิด! ...ต้นเหตุมันคือป๊าฉันต่างหาก! โทรมาตอนตีสามเพื่อบ่นเรื่องกำไรลดลง 0.02% เนี่ยนะ!"
ภาคินทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งราคาตัวละสองแสน สีหน้าดูเหมือนเด็กน้อยที่ถูกแย่งของเล่น
"เมื่อคืนฉันถึงขั้นฝันร้าย... ฉันฝันว่าลูกสูบเครื่องยนต์ V8 มันกลายร่างเป็นงูมารัดคอฉัน! ...มันคือนิมิตธีร์! จักรวาลกำลังบอกให้ฉันหนี!"
CEO หนุ่มดีดตัวผึงลุกขึ้นยืน แววตาเปลี่ยนจากความเครียดเป็นความมุ่งมั่นอันบ้าคลั่ง
"ฉันจะไปพักร้อน... แบบดิจิทัลดีท็อกซ์ขั้นสูงสุด! ห้ามโทร ห้ามไลน์ ห้ามส่งกระแสจิต! ฉันจะไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่ 'เกาะธารา'... ฉันต้องการความเงียบสงบ ไร้ผู้คน จะไปนอนเปลญวนฟังเสียงคลื่นและดื่มด่ำกับธรรมชาติ!"
ธีร์หน้าซีดเผือด ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะธาราไหลเข้ามาในสมองทันที
ฉิบหายแล้ว... เกาะธารา? นั่นมันเกาะปิดตายที่เพิ่งเปิดให้คนนอกเข้าไม่ใช่เหรอวะ ไฟติดๆ ดับๆ ถนนลูกรังแดงเถือก สัญญาณโทรศัพท์มีแค่ตรงยอดมะพร้าว! คุณชายอนามัยจัดอย่างเจ้านายของเขาจะไปรอดได้ยังไง! แค่ส้วมไม่มีที่ฉีดตูดคุณเขาก็แทบขาดใจตายแล้วมั้ง!
"ท่านหมายถึงเกาะที่ถนนยังเป็นลูกรัง ราดยางไม่เสร็จ และสัญญาณโทรศัพท์ก็แทบจะไม่มีน่ะเหรอครับ?"
"นั่นแหละคือความเจ๋งของมัน!" ภาคินแสยะยิ้มอย่างคนเพ้อฝัน "ความดิบ! ความเรียล! ธรรมชาติที่ยังไม่ถูกปรุงแต่ง! ฉันจะขับรถกินลมชมวิว สัมผัสวิถีชาวบ้าน... มันต้องโรแมนติกและเยียวยาจิตใจเหมือนในหนังแน่นอน"
หนังสยองขวัญล่ะสิไม่ว่า แต่เดี๋ยวนะ...
"ขับรถ?" ธีร์ทวนคำด้วยความงุนงง "ท่านครับ... นั่นมัน 'เกาะ' นะครับ มีน้ำล้อมรอบ... ท่านจะขับรถไปยังไงครับ? ขับรถสะเทินน้ำสะเทินบกเหรอครับ?"
"โง่จริงธีร์!" ภาคินจิ๊ปากอย่างขัดใจ "ฉันก็ต้องเอารถขึ้นเรือไปสิ! นายติดต่อเช่าเหมาลำเรือเฟอร์รี่ขนส่งสินค้าให้ฉันด้วยนะ! หรือฉันจะจ้างเรือบาร์จส่วนตัวลากรถฉันข้ามทะเลไปเลยดี? เงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่างอยู่แล้ว!"
โอ้โห... ความรวยที่น่าหมั่นไส้นี้... จ้างเรือบรรทุกสินค้าเพื่อขนรถไปขับเล่นเนี่ยนะ?
ธีร์คิดในใจพลางกรอกตา เขาถามต่อว่า "แล้วท่านจะเอารถคันไหนไปครับ?"
ภาคินเดินไปที่ตู้โชว์ หยิบกุญแจรถที่มีตราสัญลักษณ์ปีกนกฝังเพชรขึ้นมา "ทริปนี้... ฉันจะพา 'น้องริชชี่' ลูกรักของฉันไปเปิดหูเปิดตา! ฉันอยากทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์วีแปดทวินเทอร์โบ 503 แรงม้า บนถนนเลียบชายหาดที่เงียบสงบ... มันต้องโรแมนติกเหมือนในหนังเจมส์ บอนด์แน่ๆ!"
เจมส์ บอนด์พ่อคุณสิ! นั่นมันแอสตัน มาร์ติน แวนเทจ รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น สีกรมท่ามิดไนท์บลู รถสปอร์ตโหลดเตี้ยติดพื้น! สเกิร์ตหน้าต่ำกว่าตาตุ่มผมอีก! เอาไปวิ่งบนเกาะที่ถนนยังราดยางไม่เสร็จเนี่ยนะ? คุณบ้าไปแล้วหรือไง?! จะเอารถคันละ 20 ล้านไปครูดหินเล่นเหรอ!
ธีร์แทบลมจับ ต้องเอามือยันโต๊ะพยุงตัว
"ท่านครับ! สติครับท่าน! ถนนบนเกาะนั่นมันหลุมบ่อเยอะยิ่งกว่าพื้นผิวบนดวงจันทร์อีกนะครับ! น้องริชชี่ของท่านช่วงล่างจะพังยับตั้งแต่กิโลเมตรแรกนะสิไม่ว่า!"
"หุบปาก!" ภาคินชี้หน้าสั่งอย่างมั่นใจ "หยุดบูลลี่ลูกสาวฉัน! น้องริชชี่ของฉันมีระบบช่วงล่างอัจฉริยะ! มันปรับระดับได้! มันคือวิศวกรรมศาสตร์ชั้นยอด! และที่สำคัญ..."
ภาคินหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดแอปแผนที่โชว์ "ฉันศึกษาเส้นทางมาดีแล้วจากกูเกิลสตรีทวิว... ภาพมันสวยมาก ถนนดูร่มรื่น น่าขับรถเล่นที่สุด"
ธีร์ชะโงกหน้าไปดู แล้วก็แทบจะเอามือกุมขมับ "ท่านครับ... ข้อมูลมุมขวาล่าง... ภาพนี้มันอัปเดตล่าสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้วนะครับ"
ป่านนี้ถนนมันคงกลายเป็นคลอง หรือไม่ก็โดนป่ากินไปหมดแล้วมั้งครับท่าน! โลกความจริงไม่ได้สวยหรูเหมือนในแมปนะครับ! นี่ท่านจะเอารถคันละยี่สิบล้านไปครูดหินเล่นเหรอ! โอ๊ยยย อยากจะลาออกวันละร้อยรอบ!
ธีร์โอดครวญในใจอย่างสิ้นหวัง อยากจะกราบกรานให้เจ้านายเปลี่ยนใจ
"พอ! ไม่ต้องพูดแล้ว!" ภาคินจูบกุญแจรถเบาๆ อย่างทะนุถนอม ราวกับมันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
"ธีร์... จัดการเรื่องเอกสารกับงานทางนี้ด้วยนะ บอกป๊าว่าฉันไปว่าราชการลับระดับชาติ หรือถ้าใครถาม ก็บอกไปว่าฉันติดโควิดสายพันธุ์ใหม่... สายพันธุ์ 'เบื่อหนังหน้ามนุษย์' ต้องกักตัว!"
เขายิ้มกว้างให้กับกุญแจรถในมืออย่างมีความหวัง "ฝากด้วยนะคุณเลขาฯ คนเก่ง ฉันต้องไปเตรียมตัวแล้ว"
"..."
"เตรียมตัวนะริชชี่... พ่อจะพาหนูขึ้นเรือข้ามน้ำข้ามทะเลไปวิ่งเล่นให้หนำใจ!"
เขาคว้าเสื้อสูทพาดบ่า เดินผิวปากออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งภาระงานสามพันล้านและความเป็นจริงไว้เบื้องหลัง
"ท่านครับ! เดี๋ยวท่าน! ท่านจะไปตายเอาดาบหน้าแบบนี้เลยเหรอครับ!"
โควิดสายพันธุ์เบื่อหนังหน้ามนุษย์เนี่ยนะ? แถสีข้างถลอกขนาดนี้ใครจะเชื่อวะ! แล้วภาระก็ตกที่ฉันอีกแล้ว! ไอ้เจ้านายเวร! กลับมานะโว้ย! กลับมาเซ็นเอกสารก่อน!
ธีร์ตะโกนไล่หลังอย่างสิ้นหวัง แต่ก็สายไปเเกินไป CEO หนุ่มผู้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม (แต่ทักษะการเอาตัวรอดติดลบ) ได้ก้าวเท้าออกจากห้องไปแล้ว
...
ภาคินไม่มีทางรู้เลยว่า การตัดสินใจพารถสปอร์ตราคา 20 ล้าน ไปลุยเกาะทุรกันดารครั้งนี้ ไม่ใช่การพักร้อน... แต่มันคือจุดเริ่มต้นของ หายนะระดับ VVIP ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณชายแบบเขาให้กลายเป็น 'ผู้ประสบภัย' ที่น่าเวทนาที่สุดในประวัติศาสตร์!