เสียงหวูดเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากดังก้องกังวานไปทั่วเวิ้งน้ำ สะท้อนโขดหินและเกลียวคลื่น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพาหนะลำยักษ์ได้เทียบท่า 'เกาะธารา' เรียบร้อยแล้ว
สะพานเหล็กท้ายเรือถูกหย่อนลงกระแทกพื้นคอนกรีตเก่าคร่ำครึดัง ตึง! ฝุ่นทรายสีแดงตลบอบอวลท่ามกลางแสงแดดตอนบ่ายสอง ที่ร้อนระอุจนเห็นไอร้อนเต้นเร่าอยู่เหนือพื้นดิน
บรรยากาศจอแจที่ท่าเรือพลันเงียบลง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ปากทางออกของเรือเฟอร์รี่เป็นจุดเดียว
สิ่งที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาไม่ใช่รถกระบะขนผักหรือรถบรรทุกปุ๋ยอย่างที่คุ้นตา แต่เป็นซูเปอร์คาร์สีมิดไนท์บลูเงาวับทรงโฉบเฉี่ยว โหลดเตี้ยติดพื้นจนแทบจะจูบถนน ดูยังไงก็เหมือนหลุดออกมาจากมอเตอร์โชว์มากกว่าจะมาโผล่ที่เกาะห่างไกลความเจริญแบบนี้
หลังพวงมาลัยหุ้มหนังอัลคันทาราคือชายหนุ่มในชุดสูทอิตาเลียนสีกรมท่าคัตติ้งเนี้ยบ ภาคิน เหงื่อแตกพลั่ก สภาพของเขาไม่ต่างจากคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องอบซาวน่า เขาโบกมือไล่คนงานท่าเรือสองสามคนที่ถลันเข้ามาจะช่วยโบกรถราวกับปัดยุง ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องผิวเคลือบแก้วเซรามิก 9H ของ 'น้องริชชี่' รถสุดรักสุดหวงของตน
"ถอยไป! ไม่ต้องยุ่ง! ถอยไปห่างๆ เลย!" ภาคินตะโกนผ่านกระจกที่แง้มลงเพียงนิดเดียว "ฉันจัดการเอง เดี๋ยวพวกนายทำลูกสาวฉันเป็นรอย!"
เขาประคองพวงมาลัยด้วยความมั่นอกมั่นใจเกินร้อย ต่อให้ล้อหลังจะตกหลุมหรือจะปีนกล่องโฟมก็ช่าง ขอแค่ตัวถังรถยังเงาวับก็เพียงพอแล้ว
ทว่า... เกาะธารากลับโหดร้ายกว่าที่เขาคิด
องศาความชันของสะพานกับท่าเทียบเรือบนเกาะบ้านนอกไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับรถสปอร์ตโหลดเตี้ยที่มีระยะห่างจากพื้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร
ครืด... แคว่ก!
สเกิร์ตหน้าที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ราคาหลักแสน ครูดเข้ากับรอยต่อแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง เสียงดังฟังชัดชนิดที่แม่ย่านางรถยังต้องสะดุ้ง เสียงนั้นมันบาดลึกเข้าไปในหัวใจของภาคินยิ่งกว่าเสียงเล็บขูดกระดานดำคูณด้วยลำโพงงานวัดอีกห้าชุดเสียอีก
ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขาสะดุ้งโหยงราวกับสิ่งที่ครูดไปกับพื้นนั้น คือผิวของเขา แทนที่จะเป็นรถสุดรักสุดหวง
“โอ๊ย! ริชชี่… พ่อขอโทษนะลูก เจ็บตรงไหนไหมคะ…”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด หักพวงมาลัยเอียงรถไถลไปด้านข้างด้วยเทคนิค Crab Walk ที่จำมาจากยูทูบ จนในที่สุด ล้อแม็กซ์ขอบ 21 นิ้วทั้งสี่ล้อก็แตะพื้นเกาะได้อย่างปลอดภัย… แม้จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ใต้กันชนหน้าเป็นที่ระลึกก็ตาม
CEO หนุ่มปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม จากนั้นก็ขยับคอเสื้อเล็กน้อย เผยให้เห็นลำคอแกร่งและช่วงไหล่กว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตที่เปียกชุ่ม รูปร่างที่สมบูรณ์แบบราวกับรูปปั้นกรีกของเขา ทำเอาทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ รวมไปถึงสาวแท้สาวเทียมแถวนั้นต่างเหลียวหลังมองตามด้วยความหลงใหล
แต่สุภาพบุรุษสุดหล่อที่สาวๆ เหลียวมองจนคอแทบเคล็ดนั้น กำลังเจ็บปวดใจและทรมานกายจากแดดเมืองไทย!
"แค่รอยขีดข่วนเอง ไกลหัวใจน่า... เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ พ่อค่อยพาหนูไปทำสปาเคลือบแก้วใหม่นะ" เขาพยายามปลอบใจตัวเองเสียงสั่น ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมามีความมั่นใจยิ่งขึ้น
"เอาล่ะ! ถึงเกาะธาราแล้วสินะ... ความสโลว์ไลฟ์ที่ฉันใฝ่ฝัน!"
ภาคินกระทืบคันเร่งด้วยความหวัง ส่งริชชี่ลูกรักให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบคำรามลั่น เรียกสายตาตื่นตะลึงจากเด็กแว้นเจ้าถิ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างตามหลังมา วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองคือ เจมส์ บอนด์ ที่กำลังทำภารกิจลับบนเกาะส่วนตัว
โคตรหล่อเลยตัวเรา!
แต่ฝันหวานมักอยู่ได้ไม่นาน...
"ในแมพบอกว่าถ้าใช้เส้นทางนี้จะช่วยประหยัดเวลาตั้ง 20 นาที... ถนนดูแดงไปหน่อย แต่คงไม่ไกลมากหรอกมั้ง"
ด้วยความมั่นใจในเทคโนโลยีมากกว่าสัญชาตญาณ ภาคินหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางลัดทันที และเพียงแค่ร้อยเมตรแรก... ประตูนรกก็เปิดต้อนรับ
ถนนลูกรังธรรมดาแปรสภาพเป็นหลุมบ่อขนาดมหึมาราวกับหลุมอุกกาบาต ข้างทางเต็มไปด้วยหญ้าคาที่สูงท่วมหัวจนแทบมองไม่เห็นถนน ฝุ่นแดงฟุ้งกระจายเกาะตัวรถสีน้ำเงินเงาวับจนกลายเป็นสีสนิมเขรอะ
ปึ้ก! ครืดดด! กึก!
เสียงกระแทกหินใต้ท้องรถดังต่อเนื่อง ทำเอาหัวใจของภาคินกระตุกวูบทุกครั้ง เขามองหน้าจอ GPS ด้วยความหวาดหวั่น ลูกศรนำทางยังชี้ไปข้างหน้า แต่แผนที่กลับกลายเป็นตารางสีเทาว่างเปล่า
"เวรแล้วไง..." ใบหน้าคมซีดเผือด "สัญญาณหาย..."
ทันใดนั้น ความซวยซ้ำซวยซ้อนก็โผล่มาทักทายเขาอีกครั้ง หน้าจอคอนโซลรถเริ่มกะพริบถี่รัว
ติ๊ด-ติ๊ด-ติ๊ด!
[WARNING: ENGINE OVERHEAT]
"เฮ้ย! ไม่นะ! ริชชี่! หนูจะมาเป็นไข้ตัวร้อนกลางป่าแบบนี้ไม่ได้นะลูก!"
พูดไม่ทันขาดคำ ล้อหน้าข้างซ้ายของแอสตัน มาร์ติน ก็พลาดตกลงไปในหลุมลึกที่ถูกโคลนกับหญ้าพรางเอาไว้
ตึง!!!
แรงกระแทกทำเอาหัวภาคินโขกพวงมาลัยดัง ปึ้ก! ตามมาด้วยเสียงระเบิด ปุ้ง! จากห้องเครื่อง และในวินาทีต่อมา ควันสีขาวก็พวยพุ่งออกจากฝากระโปรงหน้าราวกับภูเขาไฟปะทุ!
เครื่องยนต์ดับ... แอร์ดับ... เพลงดับ... เหลือเพียงความเงียบสงัดของป่าดิบชื้น และเสียง ฟู่... ของหม้อน้ำราวกับกำลังร้องไห้
เขาเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน
ภาคินตัวแข็งทื่อ เขาค่อยๆ ผลักประตูรถออกด้วยมือที่สั่นเทา
วูบ!
ทันทีที่รองเท้าหนังแบรนด์เนมแตะพื้นถนน ไอร้อนระอุระดับ 42 องศาก็พุ่งเข้าปะทะร่างของเขาทันที
"ร้อน... ร้อนบรรลัยกัลป์! ร้อนเหมือนซ้อมตกนรก!"
ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อสูทและก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเกือบทุกเม็ด เผยให้เห็นแผงอกขาวจัดและกล้ามหน้าท้องลอนสวยที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ สภาพของเขาเหมือนนายแบบที่เพิ่งขึ้นจากสระน้ำ แต่ความเป็นจริงคือเหงื่อจากความร้อนนรกแตก
เขาล้วงสมาร์ทโฟนชูขึ้นฟ้า หมุนตัวไปมาราวกับกำลังทำพิธีกรรมบูชายัญ
"สัญญาณ! ขอขีดเดียว! ขีดเดียวก็พอ! ฉันจะโอนเงินให้ค่ายมือถือสิบล้านเลยเอ้า! ขอไลน์หาธีร์ประโยคเดียว!"
[No Service]
เวลาผ่านไป 20 นาทีที่ยาวนานเหมือน 20 ปี
CEO หมื่นล้านผู้น่าเกรงขาม บัดนี้สภาพไม่ต่างอะไรกับหมาหลงทาง เขาเดินโซซัดโซเซ คอแห้งผาก เหงื่อไหลเข้าตาจนแสบไปหมด
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นต้นมะพร้าวเตี้ยๆ ข้างทาง และบนนั้นมี 'เจ้าถิ่น' นั่งอยู่
ลิงแสมตัวอ้วนพุงพลุ้ยกำลังเจาะมะพร้าวอ่อนกินอย่างสบายใจเฉิบ มันหยุดเคี้ยวแล้วจ้องมองมาที่มนุษย์ใส่สูทที่มีสภาพทุลักทุเลตาแป๋ว
ภาคินกลืนน้ำลายเอื๊อก ชี้ไปที่ลูกมะพร้าวในมือลิงตัวนั้น
"นี่... นายท่าน..." เสียงของเขาแหบแห้ง "ขอกินน้ำหน่อยได้ไหม? ฉันซื้อต่อ... แลกกับนาฬิกาปาเต็ก ฟิลลิปป์เรือนนี้ก็ได้... ฝังเพชรแท้เลยนะโว้ย เอาไปแลกกล้วยได้ทั้งเกาะเลยนะ สนใจไหม?"
เขายื่นข้อมือที่ประดับนาฬิกาเรือนละล้านให้ลิงดูด้วยความหวัง
ลิงมองนาฬิกา... มองหน้าภาคิน... แล้วเกาตูดแกรกๆ อย่างไม่ยี่หระ
"ไม่เอาเหรอ?" ภาคินเริ่มโมโหหิว เขาก้มมองสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปในมือที่กลายเป็นแค่ที่ทับกระดาษราคาแพง สลับกับหน้ากวนประสาทของลิงด้วยความคับแค้นใจ
"บ้าเอ๊ย! ปกติฉันดีลธุรกิจหมื่นล้านได้สบายๆ แต่นี่ฉันต้องมาแพ้ลิงตัวเดียวเพราะไม่มีเน็ตเนี่ยนะ!"
เมื่อเห็นว่าบ่นไปฟ้าดินก็ไม่สนใจ ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาอย่างหมดความอดทน
"งั้นเอาบัตรเครดิตไหม!? วงเงินไม่จำกัด! รูดซื้อกล้วยได้ทั่วโลก! นายจะได้เป็นราชาลิงเลยนะ! เอาไปสิ!"
"แฮร่!" เจ้าจ๋อแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะง้างมือแล้วปาเปลือกมะพร้าวที่กินหมดแล้วใส่หัวภาคินเต็มๆ
ปึ้ก!
"โอ๊ย!" ภาคินร้องลั่น ยกมือลูบหน้าผากที่ปูดนูน "ไอ้ลิงเวร! นี่มันทำร้ายร่างกายนะโว้ย! รู้ไหมพ่อฉันเป็นใคร! ฉันจะฟ้องกรมอุทยานฯ!"
ลิงหัวเราะเจี๊ยกๆ ก่อนกระโดดหนีหายเข้าไปในป่า ทิ้งให้ท่านประธานตกยากยืนเต้นเร่าๆ ชี้หน้าด่าต้นไม้ใบหญ้าอยู่คนเดียว
เขาทั้งร้อนทั้งหิว แถมยังต้องมาเจ็บตัวอีก สติของภาคินเริ่มเลือนราง โลกหมุนติ้วเหมือนกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ
"ธีร์... นายพูดถูกจริงๆ ด้วย ฉันไม่น่ามาเลย... เตี่ยช่วยอั๊วะด้วย..."
ภาคินทรุดฮวบลงนั่งพิงล้อรถแอสตัน มาร์ติน อย่างหมดสภาพ ขณะที่เปลือกตากำลังจะปิดลง... หูของเขาก็ได้ยินเสียงสวรรค์
แกรก... แกรก... บรื้นนน...
เสียงท่อไอเสียของรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ดังมาจากที่ไกลๆ
ภาคินฝืนถ่างตาที่พร่ามัวมองผ่านฝุ่นแดงฟุ้งตลบ ปรากฏเป็นภาพมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟรุ่นคุณปู่สีเขียวซีด... กับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง
ภาพนั้นดูเลือนรางและฟุ้งกระจายราวกับความฝัน หรือนี่จะเป็นภาพหลอนก่อนตาย?
ผู้ชายคนนั้นขี่รถตรงเข้ามา... ชะลอความเร็วลง... และจอดตรงหน้า รองเท้าแตะช้างดาวเปื้อนฝุ่นค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เขา
ภาคินไล่สายตาขึ้นไป... ผ่านกางเกงยีนส์เก่าๆ ที่ขาดตรงเข่า เผยให้เห็นช่วงขายาวที่ดูแข็งแรง เสื้อยืดสีดำเรียบๆ รัดรูปจนเห็นกล้ามหน้าท้องลีนสวยและแผงอกกระชับทะมัดทะแมง ไม่ใช่กล้ามใหญ่โตแบบคนเข้ายิม แต่ดูแข็งแกร่งแบบคนที่ทำงานจริงๆ...
สายตาของเขาเลื่อนขึ้นจนสบเข้ากับใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทน จมูกโด่งเป็นสันและดวงตาสีดำสนิทที่ก้มลงมองเขาด้วยแววตาเรียบเฉย
แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องกระทบด้านหลังชายปริศนา เกิดเป็นประกายออร่าระยิบระยับ
...ใครวะ... หล่อแบบดิบๆ... โคตรเท่ หรือจะเป็นเทวดามารับวิญญาณวะ แต่ทำไมเทวดาใส่เสื้อยืดตราห่านคู่กับรองเท้าช้างดาวล่ะ... หรือแฟชั่นแบบนี้กำลังฮิตบนสวรรค์...
"คุณ..." ภาคินรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ยกมือที่สั่นเทาคว้าชายเสื้อของคนตรงหน้า "ช่วย... ด้วย..."
ริมฝีปากขยับได้แค่นั้น ก่อนระบบประมวลผลในสมองอันชาญฉลาดของ CEO สุดหล่อจะชัตดาวน์ตัวเองลง
ตุบ!
ภาคินหน้าทิ่มลงกองกับพื้นถนนลูกรัง... สลบเหมือดคารองเท้าช้างดาวของคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางเสียงไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากหม้อน้ำรถราคา 20 ล้าน ที่ดูเหมือนกำลังไว้อาลัยให้กับเจ้านายของมัน...
ฟู่...