ตอนที่ 1 ชั่วช้า

1513 Words
เมืองจินโจวแห่งแคว้นกู่ที่แสนรุ่งโรจน์และขึ้นชื่อเรื่องเมืองที่มีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดในแคว้น ตอนนี้มีหิมะกำลังโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง จนพื้นขาวโพลนไปด้วยเกล็ดหิมะที่พร่างพราวนั้น ในเรือนใหญ่ของตระกูลถังที่ห้องนอนเล็กทางหลังเรือน หลิวอี้เจินผู้เป็นภรรยาเอกกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยอาการที่ทรุดหนัก สายตาคู่งามบัดนี้เหม่อลอย มองดูห้องนอนเล็กที่ตนย้ายมาอยู่เพราะความหลงผิดของสามี ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า หลายปีก่อน หลิวอี้เจินยังเป็นเพียงคุณหนูหลิวที่มีคุณชายตระกูลใหญ่หลายตระกูลมาชอบพอและเกี้ยวพาราสี แต่เพราะถังฮ่าวอี้ที่ต่างจากคนอื่น ทำให้นางรู้สึกประทับใจเขามากกว่าผู้ใด และเลือกเป็นคู่ครองของตน เขาเป็นผู้เดียวที่แวะเวียนมาหาแล้วไม่รบเร้าขอพบหน้า ฝากจดหมายเป็นบทกลอนน่าประทับใจส่งให้แก่นาง ต่างจากคนอื่นที่ซื้อข้าวของมีค่ามาให้และมักจะเรียกร้องให้นางออกไปนั่งพูดคุยด้วย บทกลอนทุกบรรทัดในยามนั้นยังจำได้ขึ้นใจ เขาช่างเป็นคุณชายที่แสนอบอุ่น ฉลาดเฉลียว มีน้ำใจ ยึดถือความซื่อสัตย์ และแสดงถึงความรักเดียวใจเดียว มุ่งมั่นที่จะเป็นอย่างบิดาที่มีภรรยาเดียว ความตั้งใจนั้นมีหรือว่าหลิวอี้เจินจะไม่พึงใจ นางหลงในถ้อยคำที่เขียนในจดหมาย จนกระทั่งมอบใจให้แก่เขา แต่งเข้าเป็นสะใภ้สกุลถังเพราะถ้อยคำที่หวานล้ำและความรักเดียวใจเดียวของถังฮ่าวอี้ “ข้าจะไม่มีอนุคนใดให้เจ้าต้องเจ็บช้ำ” คำสัญญาในคืนแรกที่เข้าหอ ตอนนี้กลับไร้ค่า หลังจากแต่งงานได้ไม่ถึงปี ถังฮ่าวอี้ก็มีข้ออ้างในการพาอนุแต่งเข้าเรือน “ข้าจำใจต้องรับนางเอาไว้ นางคือบุตรสาวตระกูลไป๋ที่หมั้นหมายแต่เด็ก ข้าจะไม่ให้มาวุ่นวายที่เรือนหลัก เจ้าอย่าได้เสียใจไปอย่างไรข้าก็รักเจ้าเพียงคนเดียว” “นางผู้นี้คือคุณหนูเซียว ใต้เท้าเซียวยกนางให้แก่ข้าเหตุเพราะนางไม่อยากไปเป็นสนมของอ๋องแคว้นลิ่ว หากไม่รับก็ไม่ได้ อี้เจินอย่าได้ถือโกรธสามีเลย” สารพัดคำพูดหว่านล้อมที่เขามีภรรยาที่แต่งเข้ามาเป็นอนุ หลิวอี้เจินมีหรือจะปฏิเสธได้ จึงได้แต่ยื่นคำขาดว่าไม่ให้ใครขึ้นมาเทียบเคียงตน และย้ำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ว่าจะไม่ให้ใครมาวุ่นวายที่เรือนหลัก อนุคนอื่นที่ผ่านมาอยู่เรือนเล็กไม่เคยมาข้องแวะที่เรือนหลัก และเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่กับลู่หนี่เซียวอนุคนใหม่ เขากลับพามาอยู่ที่เรือนหลัก ทำให้หลิวอี้เจินหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความหนักอก นอกจากสามีจะมากรักแล้ว ยังผิดคำสัญญาที่ให้ไว้แก่ตน ทั้งรักทั้งหลงอนุดอกบัวขาวอย่างลู่หนี่เซียว หูตามืดบอดจนขับไล่ตนมาอยู่ที่ห้องท้ายเรือนแห่งนี้ นั่นเพราะแต่งงานได้สามปีแล้ว แต่หลิวอี้เจินไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ ลู่หนี่เซียวที่มาไม่ถึงสามเดือนกลับตั้งครรภ์แล้วเรียกร้องมาอยู่ที่เรือนหลัก อ้างว่าเรือนด้านหลังนั้นทำให้นางหายใจไม่ถนัดเพราะคับแคบ ถังฮ่าวอี้ก็เลวเหลือทน เมื่ออนุตั้งครรภ์ก็พามาอยู่ที่เรือนหลักหยามหน้าภรรยาอย่างตน จากนั้นก็อ้างว่าฝันร้ายให้ซินแสมาปัดเป่าแล้วใส่ร้ายตน หลิวอี้เจินกลายเป็นคนที่มีดวงกาลกิณี ทำนายว่าจะทำให้สกุลถังล่มจมไร้ซึ่งทายาท ถังฮ่าวอี้อยากขอหย่าและจะขับไล่ออกจากเรือน แต่ว่าไม่อยากมีปัญหากับสกุลหลิวที่เป็นตระกูลค้าขายผ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองอี้โจว จึงขับไล่ให้นางมาอยู่ที่ห้องเล็กท้ายเรือนแทน “กินอะไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ ท่านยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าแล้ว” ไจ๋ซิ่วบอกแก่นายหญิงคนตน ที่บัดนี้อยู่ในสภาพของคนที่ตรอมใจ น้ำตารินไหลอยู่ตลอดเวลา “ท่านพี่ล่ะ” น้ำเสียงที่อิดโรยถามขึ้นมาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า “อยู่กับอนุลู่เจ้าค่ะ” คำตอบนั้นทำให้น้ำตาของนางร่วงเผาะ รู้แก่ใจแต่ก็ยังถาม รู้สึกสมเพชตนเองนัก มือซีดขาวยกขึ้นด้วยความสั่นเทา ชี้ไปยังกล่องไม้ที่วางอยู่บนชั้นวาง “หยิบกล่องไม้นั้นให้ข้า” เสียงที่อ่อนแรงราวกับดอกไม้ที่ใกล้ร่วงโรยนั้นทำให้ไจ๋ซิ่วสงสารนายหญิงของตนจับใจ เดินไปหยิบกล่องไม้ที่หลิวอี้เจินหวงแหนนักหนาไปให้แก่นาง มือที่สั่นเทาเปิดกล่องไม้ที่แกะสลักรูปดอกเหมยเล็กๆ อย่างประณีตที่เก็บของสำคัญเอาไว้ หยิบจดหมายจากสามีขึ้นมาอ่านด้วยหัวใจที่แตกสลาย ข้อความหวานล้ำและมุ่งมั่นที่จะรักเดียวใจเดียว คุณชายถังผู้นั้นหายไปไหนกัน ตอนนี้มีเพียงถังฮ่าวอี้ที่แสนอำมหิต มากรักและไร้สัจจะ เสียแรงที่มอบความรักให้เต็มหัวใจ “ข้าอยากกลับไปสกุลหลิว” “ให้พ้นฤดูหนาวนี้ไปก่อน อดทนสักนิด บ่าวจะไม่ยอมให้ฮูหยินต้องอยู่ที่เรือนนี้แน่” สาวใช้คนสนิทบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นแทนนายของตน “อาซิ่ว มีเพียงเจ้าในตอนนี้ที่อยู่เคียงข้างข้า ข้าไม่น่าเลือกเชื่อคารมของฮ่าวอี้ บุรุษผู้ยึดมั่นในความรักและอยากมีภรรยาคนเดียวเช่นนั้นหรือ...น่าขันสิ้นดี” น้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นกล่าวออกมาแล้วยิ้มที่มุมปาก ราวกับจะสมน้ำหน้าตัวเองที่ไร้เดียงสา เชื่อเพียงถ้อยคำไม่กี่คำแล้วตัดสินใจแต่งงานกับเขาหลังจากรู้จักกันได้ไม่นาน สักพักประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาคืออนุดอกบัวขาวลู่หนี่เซียว หลิวอี้เจินมองดูเครื่องประดับที่อยู่บนตัวของนางลู่แล้วก็เจ็บปวดใจเพราะทุกอย่างเคยเป็นของตน “อี้เจิน ยังอยู่ดีหรือ” รอยยิ้มและน้ำเสียงที่เย้ยหยันนั้นช่างน่ารังเกียจยิ่ง “ท่านกล้าดีอย่างไรเรียกชื่อฮูหยินตรงๆ เช่นนี้” ไจ๋ซิ่วออกตัวแทนนาย สืออินสาวใช้ของลู่หนี่เซียวปรี่เข้ามาตบหน้าจนสาวใช้ใจกล้าล้มลงไปกับพื้น แล้วใช้ร่างท้วมของตนทับไจ๋ซิ่วเอาไว้ “ปล่อยคนของข้า...หนี่เซียวคนของเจ้าทำเกินไปแล้ว” แม้ร่างกายจะอ่อนแอและเป็นผู้ถูกกระทำ แต่จิตใจของนางไม่ได้ยอมให้ใครมารังแก ยอมเป็นหยกที่แตกหัก ไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ อย่างน้อยตนก็ยังคงเป็นภรรยาเอกของถังฮ่าวอี้ “ยังไม่จัดการอีกหรือหนี่เอ๋อร์” สามีโฉดชั่วตามเข้ามาแล้วพูดกับอนุร้ายกาจเสียงนุ่ม สายตาที่ไร้ซึ่งความรักคล้ายเข็มเหล็กทิ่มแทงหัวใจสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นกาลกิณีตรงหน้า ไม่มีความรักเหลือแม้แต่น้อย ซึ่งยังไม่เจ็บปวดเท่าสิ่งที่เขาคิดจะทำกับนางในตอนนี้ “ท่านคิดจะทำอะไรข้า” นางกล่าวถามเสียงสั่น ในมือกำจดหมายแน่นด้วยความรู้สึกถึงภัยที่กำลังเกิด “หากขอหย่ากับเจ้ารังแต่จะทำให้สกุลหลิวกับสกุลถังผิดใจกัน แต่หากเจ้าป่วยตายไปน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า” น้ำเสียงที่เย็นชานั้นพูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้แก่สืออิน สาวใช้ร่างท้วมกระดาษห่อยาพิษจับกรอกปากไจ๋ซิ่ว ท่ามกลางเสียงห้ามที่อิดโรยของหลิวอี้เจิน “อาซิ่ว” ตอนนี้หัวใจถูกบีบอย่างแรงเมื่อเห็นสาวใช้คนสนิทกำลังทุกข์ทรมาน ร่างบอบบางกำลังดิ้นรนที่พื้น ฟองน้ำลายผุดที่ริมฝีปาก ดวงตาเบิกโพลงกำลังสิ้นลมไปต่อหน้า “เจ้านายป่วยตาย สาวใช้จึงกินยาพิษฆ่าตัวตายตาม ช่างเป็นแผนการที่ล้ำลึกนัก” ถังฮ่าวอี้พูดเสียงเย็น มองดูสืออินที่ตอนนี้ตรงเข้าไปจับภรรยาของตนกดลงที่เตียง จากนั้นลู่หนี่เซียวก็เอาเสื้อผ้าของหลิวอี้เจินมา แล้วอุดปากอุดจมูกให้อีกฝ่ายหายใจไม่ได้ ดวงตาของหลิวอี้เจินเบิกโพลง มองสามีที่ยืนดูอยู่ด้วยความเลือดเย็น จากนั้นก็เริ่มทรมานเพราะหายใจไม่ออก ทว่าร่างกายที่อ่อนแอและตรอมใจในตอนนี้ก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน จากนั้นทุกอย่างก็พลันดับลง พร้อมกับความเจ็บปวดและความแค้นในอกต่อสามีที่ไร้หัวใจ ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD