เสี้ยวหน้าด้านข้างของหญิงสาวที่กำลังใช้มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าบังละอองน้ำ ขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดครึ้ม ยามสายฝนโปรยปรายทำให้ตติยะตาค้าง ร่างสูงใหญ่หุ่นสมาร์ตกว่ามาตรฐานชายไทยขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวพรวดตรงไปประตูทางออก แต่ถูกมือบางคว้าต้นแขนเข้าไปกอดไว้ เอนร่างนุ่มนิ่มซบเบียดอกอวบเข้าหาพร้อมกับเอ่ยเสียงหวานจนเขาต้องหันกลับมามอง
“ไปกันโต๊ะโน้นดีกว่าค่ะทิว เพื่อนๆ วีวี่โต๊ะนั้นอยากคุยกับทิวกันทุกคนเลยค่ะ”
หญิงสาวออดอ้อนเสียงหวาน ใส่ความเย้ายวนลงไปเต็มที่
ใบหน้าคมมีเค้าของความเป็นเลือดผสมชัดเจนส่งให้โดดเด่นเหนือใครสบตาหญิงสาวชั่วแวบ ก่อนจะหันกลับไปมองยังกระจกด้านนอกอีกครั้ง แต่ก็พบว่าทุกอย่างว่างเปล่า
เธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“ทิวคะ...มัวมองอะไรอยู่ รีบไปเร็วสิคะ เพื่อนวีวี่รอนานแล้วนะ”
สาวสวยเด่นในชุดราตรีสั้นรัดรูปสีดำ เว้าแหว่งทั้งหน้าและหลังพยายามยื้อดึงแขนให้เขาตามมา ชายหนุ่มจึงหันมายิ้มรับและเดินไปกับเธอ ทั้งที่อยากวิ่งออกไปตามหาหญิงสาวคนนั้น
คนที่ไม่ได้เจอกันมานานนับห้าปีเต็ม
เย็นวันหนึ่งที่สายฝนพรั่งพรูลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้ร่างสูงซึ่งกำลังวิ่งฝ่าสายฝนเปียกปอน เสื้อนักศึกษาสีขาวที่คล้องด้วยเนกไทและคลายออกจนหลวมชุ่มไปด้วยน้ำแนบผิวเนื้อที่มีมัดกล้ามชนิดที่หญิงสาวคนไหนเห็นก็ต้องเขม้นมองด้วยใจวาบหวิว
แต่เมื่อวิ่งผ่านอาคารของคณะนิติศาสตร์ เพื่อไปยังลานจอดรถด้านหลังมหาวิทยาลัย เม็ดฝนบริเวณรอบตัวเขาก็ห่างหายทั้งที่ฝนยังตกอยู่ ชายหนุ่มชะงักหยุดฝีเท้า ใบหน้าขาวเข้มแบบผสมผสานเชื้อชาติยุโรปกับไทยไว้ได้อย่างลงตัวเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นว่าเหนือหัวเขาถูกบังด้วยผืนร่มสีฟ้าใส พร้อมๆ กับมีเสียงสดใสดังขึ้นข้างตัว
‘จะรีบไปไหนน่ะ ยืมร่มเราไปใช้ก่อนไหม’
สายตาคมสีน้ำตาลอ่อนละจากร่มก้มมองตามเสียง พอสบกับดวงตาสีดำขลับแววฉงนสงสัยก็ฉายชัดในตาคู่คม ทว่ารอยยิ้มสดใสที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีสวยธรรมชาติ พร้อมกับความใสซื่อจากใบหน้านวลเนียนและตาคู่สวยหวานทำให้เขานิ่งงัน
‘นายรีบไม่ใช่เหรอ เอาร่มเราไปก่อนสิ เราให้ยืม’
หญิงสาวตรงหน้ายังยิ้มและยืนยันเจตนาเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
‘แล้ว...เธอจะไปยังไงล่ะ’
เขาถามกลับเสียงเบา มือหนายกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลเข้มของตนเองไปด้านหลัง เพื่อให้หยดน้ำที่เปียกลู่ผมไม่ร่วงลงไปโดนหญิงสาวร่างเล็ก
‘ไม่เป็นไร เราไม่รีบ เดี๋ยวนั่งรอให้ฝนหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้ ยิ่งฝนตกอย่างนี้รถเมล์ยิ่งแน่น ออกไปช้าหน่อยก็ได้’
คนพูดทำเสียงให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร ก้มลงมองคนตัวเล็กอย่างพิจารณา แล้วก็เห็นแต่ความจริงใจส่งผ่านมาจากหญิงสาวซึ่งสูงเพียงแค่อกเขาเท่านั้น เธอเงยหน้าขึ้นเต็มที่ขณะคุยกับเขา และยิ่งอยู่ในร่มคันเดียวกัน ยิ่งทำให้ต้องแหงนเงยหน้ามากขึ้นกว่าเดิม แถมยังต้องยืดมือขึ้นจนสุดแขนเพื่อกางร่มให้เขาอีก นั่นทำให้ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่า เธอคงเมื่อยคอกับแขนน่าดู มือใหญ่หนาเลื่อนมาจับคันร่มเหนือมือบางก่อนจะพูด
‘ไปพร้อมกันเลยดีกว่า เราช่วยถือให้’
คนฟังหน้าเหวอเล็กน้อย อ้าปากเหมือนจะพูดบางอย่างแต่เขาไม่สนใจ ใช้มืออีกข้างดันแผ่นหลังบอบบางให้ก้าวนำหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยแล้วเดินตามติดไปในร่มคันเดียวกัน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แต่เมื่อเขายิ้มให้เธอก็ยิ้มตามแล้วเอ่ยพูดในสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ
‘ขอบใจนะ’
‘ขอบใจทำไม เราต่างหากที่ต้องขอบใจเธอ’
‘ขอบใจที่นายช่วยเราถือร่มไง สบายดี ไม่เมื่อยมือด้วย’
พูดจบก็ยิ้มกว้างให้อีกครั้ง จนชายหนุ่มที่มักจะต้องวางมาดดูดีเป็นสุภาพบุรุษเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวๆ รู้สึกเก้อขึ้นมานิดๆ กับคำพูดที่ออกมาจากใจจริงนั้น
‘บ้านเธออยู่ไหนเหรอ เดี๋ยวเราไปส่งให้’
เขาเอ่ยปากเมื่อมาถึงลานจอดรถและรถของเขาก็อยู่ไม่ไกล
‘อย่าเลย เกรงใจน่ะ บ้านเราอยู่ไกล’
นี่เป็นอีกครั้งที่ได้ยินประโยคซึ่งไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะมันไม่เสแสร้งแกล้งทำให้เขาสนใจ แต่เห็นชัดว่ามันออกมาจากใจผู้พูดโดยไม่ได้กลั่นกรองให้ดูสวยงาม เอาใจเขา หรือว่าเล่นตัวเลยแม้แต่น้อย
ผู้หญิงคนนี้...ชักน่าสนใจแฮะ
‘ไม่เป็นไร ฝนตกยังไงรถก็ติดอยู่แล้ว ถนนที่ไปบ้านเราเป็นอัมพาตแน่เพราะต้องแย่งกันออกนอกเมือง กว่าจะถึงบ้านก็ใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง ไปส่งเธอก็เหมือนได้ขับรถเล่น จะได้ไม่นั่งหงุดหงิดอยู่ในรถคนเดียว’
‘เอ่อ...’
ชายหนุ่มไม่ฟังเสียงปฏิเสธอันใด ถือวิสาสะดันแผ่นหลังของหญิงสาวให้ไปที่รถของตนเองอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ
‘เอาน่า...เราจะไม่บอกไอ้โอมเด็ดขาด ว่าแอบไปส่งแฟนมันถึงบ้าน’
‘บ้า! เรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนโอมนะ!’
เสียงที่เคยสดใสแว้ดขึ้นทันที
ทั้งคู่หยุดยืนเมื่อถึงประตูรถด้านข้างคนขับ ดวงตาสวยหวานวาววับจ้องหน้าเขาเขม็ง แต่เห็นชัดว่าแก้มเริ่มมีสีระเรื่อ คนตัวสูงทำหน้าไม่เชื่อถือ พร้อมกับกดรีโมตเปิดทั้งที่ยังจ้องหน้านวลใสอยู่ ก่อนจะยักไหล่แล้วหันไปเปิดประตู
‘อ้าว...ยังไม่ได้เป็นเหรอ’
เขาเอ่ยขึ้นขำๆ กับท่าทางของคนตัวเล็ก แล้วก็ได้ค้อนกลับมาหนึ่งขวับก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถอย่างกระแทกกระทั้น ชายหนุ่มที่ยังกางร่มอยู่ด้านนอกโน้มลงไปแซวต่อ
‘งั้นถือซะว่า เราซ้อมเป็นว่าที่เพื่อนของแฟนไปส่งแล้วกัน เพราะถ้าเธอตกลงคบไอ้โอมเมื่อไร เราจะได้สนิทกันโดยไม่ต้องปรับตัวอะไรมากไง’
เห็นเธอหน้าแดงแจ๋ขึ้นเขาก็ยิ้ม แล้วยืดตัวขึ้นปิดประตูเดินอ้อมไปด้านคนขับ หุบร่มก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่ง จากนั้นก็ยื่นร่มให้หญิงสาว เขาไม่คิดจะคืนให้แต่แรกตอนเธอเข้าไปนั่ง ทั้งที่ความจริงไม่กลัวเปียกเพราะยังไงตัวก็เปียกอยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าต้องรีบหลบให้พ้นมือเล็กๆ ที่กำแน่นนั่นต่างหากจึงรีบชิ่งถอยออกมาก่อน
และวันนั้นเมื่อเก้าปีที่แล้ว ก็เป็นวันเริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนอย่างจริงจังระหว่าง...เขากับเธอ
======