[ปะป๊าขา วันนี้ปะป๊าจะมาหาน้องลันไหมคะ?]
เสียงเล็กหวานถามลอดมาจากปลายสายเรียกรอยยิ้มจากผมได้ทุกครั้งที่ได้ยิน ลันตาคือพลังชีวิตของผมจริง ๆ เธอทำให้ผมมีกำลังใจในทุก ๆ วัน ทำให้ผมระลึกอยู่เสมอว่าชีวิตผมไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว แต่ชีวิตของผมเป็นของลูกต่างหาก…
“ว้า…แย่จังเลย วันนี้ปะป๊าไปไม่ได้นะครับ ปะป๊าต้องพาน้าลินไปตัดชุดราตรี เพราะน้าลินต้องไปงานเลี้ยง ต้องแต่งตัวสวย ๆ น้องลันไม่โกรธปะป๊านะคะ” ผมรายงานโปรแกรมที่จะไปในวันนี้ให้กับลันตาฟัง แต่ดูเหมือนยัยตัวเล็กจะไม่เข้าใจเพราะเธอทำเสียงไม่พอใจนิด ๆ ป่านนี้คงนั่งทำหน้ามุ่ยอย่างน่ารักน่าชังอยู่แน่ ๆ เลย
[อีกแล้วเหรอคะปะป๊า… ทำไมน้าลินไม่ไปเองละคะ น้องลันคิดถึงปะป๊านะ อยากให้ปะป๊ามาหาน้องลันวันนี้มาก ๆ เลย]
“ไม่งอแงนะคะคนเก่ง น้าลินขับรถไม่เป็นนี่ครับ ปะป๊าก็ต้องเป็นคนพาน้าลินไปสิคะ”
[แต่น้องลันอยากให้ปะป๊ามาวันนี้จริง ๆ นี่คะ] ลันตายังคงทำน้ำเสียงผิดหวังใส่ผม ฟังแล้วอยากจะเลี้ยวรถไปหาแล้วจับมากอดมาหอมให้หายคิดถึงเลยเชียว แต่ติดตรงที่ผมนัดกับอลินไว้แล้วนี่น่ะสิ เห็นแบบนี้ผมก็เป็นคนรักษาคำพูดนะ
“วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ? ทำไมน้องลันถึงอยากให้ปะป๊าไปหาจังเลย”
[มีสิคะ! พิเศษมาก ๆ ๆ ๆ เลย] เสียงเล็กดูตื่นเต้นมากยามพูดถึงเรื่องพิเศษสุด ๆ ของเธอ [วันนี้หมอเมจะมาหาน้องลันค่ะปะป๊า น้องลันอยากให้ปะป๊ามาเจอนางฟ้าของน้องลัน]
ผมหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินชื่อหมอเมจากปากลูกสาวสุดที่รัก คิดไว้แล้วเชียว… ถ้าลองลันตาโทรมาอ้อนให้ผมไปหาแบบนี้คงมีอยู่อย่างเดียวคืออยากให้ไปเจอกับนางฟ้าของเธอแน่นอน รู้สึกเสียดายนิด ๆ เหมือนกันนะที่ไม่มีโอกาสได้เจอคุณหมอคนนั้นสักที ผมอยากจะขอบคุณเธอสักครั้งที่รักและดูแลลันตาเป็นอย่างดี แถมลูกสาวผมยังติดเธอมากเลย แปลว่าคุณหมอคนนั้นจะต้องสวยและจิตใจดีมากจริง ๆ
“โอ๊ย…เสียดายจังเลย ปะป๊าอดเจอหมอเมของน้องลันอีกแล้วสิ” ผมแกล้งทำเสียงเศร้าทั้งที่ริมฝีปากยังคลี่ยิ้มเอ็นดูไม่หยุด สองมือก็บังคับรถให้เลี้ยวเข้าจอดในลานจอดรถหน้าคอนโดหรูของอลิน
[ใช่ค่ะ เสียดายมาก ๆ ๆ ๆ ๆ เลยค่ะปะป๊า น้องลันอุตส่าห์ดีใจที่หมอเมจะมาหาน้องลัน แต่ปะป๊ากลับไม่มาหาน้องลันแทน งอนปะป๊าแล้วค่ะ] ผมชะงักเท้าที่กำลังเดินไปทางเข้าคอนโดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างบางซึ่งยืนส่งยิ้มหวานมาให้ อลินเดินเข้ามาใกล้พลางหรี่ตาลงนิด ๆ เหมือนจะถามว่าคุยกับใคร ผมไหวไหล่น้อย ๆ แล้วหมุนตัวกลับมาเปิดประตูรถให้เธอแทนเป็นจังหวะเดียวกับน้ำเสียงงอน ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกครั้ง [น้องลันงอนจริง ๆ นะคะ]
“โอ๋ ๆ ปะป๊าขอโทษนะครับ ง้อนะคะคนเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ปะป๊าซ้อขนมเค้กไปง้อดีไหมน๊า” ผมอมยิ้มขบขำพลางเหลือบตามองอลินที่อมยิ้มตาม เธอขยับเข้ามาใกล้ ๆ แถมยังชะโงกหน้าเข้ามาเหมือนจะแอบฟัง
“กาฬคุยกับน้องลันอยู่เหรอ? น้าลินคิดถึงน้องลันจังเลยค่ะ”
[…] เสียงจากปลายสายเงียบลงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงอลินแทรกเข้ามา แสดงว่าลันตากำลังงอนผมจริง ๆ เลยพาลงอนอลินไปด้วย
“น้องลันคะ งอนปะป๊าจริง ๆ เหรอคะ ว้า… งั้นสงสัยปะป๊าต้องยกเลิกนัดซะแล้วสิ ทิ้งนัดทุกอย่างแล้วรีบไปง้อลูกสาวดีกว่า” ผมแสร้งทำเสียงเศร้าขณะอ้อมมาเปิดประตูรถและขึ้นมานั่ง อลินหันมองอย่างสนอกสนใจเหมือนจะกลัวว่าผมจะยกเลิกนัดเธอจริง ๆ
[ไม่เป็นไรหรอกค่ะปะป๊า… ปะป๊าไปส่งน้าลินเถอะค่ะ น้องลันรอได้…น้องลันก็รอมาตลอดอยู่แล้วนี่คะ]
“…น้องลัน”
[น้องลันรักปะป๊านะคะ น้องลันไม่รบกวนปะป๊าแล้วค่ะ…สวัสดีค่ะ]
“เดี๋ยวน้องลัน…”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอกาฬ? น้องลันไม่สบายอีกแล้วเหรอ?” อลินถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าผมนิ่งไป ลันตาวางสายไปแล้ว หากทว่าผมยังคงถือโทรศัพท์แนบหูค้างเอาไว้อย่างนั้น ผมแค่รู้สึกไม่ดีกับคำพูดน้อยใจของลันตาเมื่อครู่ นี่ผมปล่อยให้ลูกรอมาตลอดเลยเหรอ “กาฬจะไปหาน้องลันไหมล่ะ เดี๋ยวลินไปเป็นเพื่อน”
“แล้วชุดของลินล่ะ?”
“ก็…” อลินเงียบไปราวกับใช้ความคิด ก่อนจะส่งยิ้มแหย ๆ กลับ “เดี๋ยวลินนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้นะ”
“งั้นไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันพาไปเองดีกว่า น้องลันก็แค่งอนตามประสาเด็กนั่นแหละ” ผมว่าพลางเลี้ยวรถออกจากคอนโด ไหน ๆ ก็มารับแล้วก็ควรจะส่งให้ถึงที่สุด อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลันตางอนผมสักหน่อย เพราะตั้งแต่ผมเลี้ยงลันตามา ผมก็ตามดูแลอลินเช่นกัน เพราะผมอยากทำหน้าที่แทนพี่สาวของเธอ
ลิลินกับอลินเหลือกันแค่สองคนพี่น้อง เมื่อเสียลิลินไปอลินจึงขาดที่พึ่ง เธอขับรถไม่เป็น และต้องอาศัยอยู่คนเดียวลำพัง มันก็ไม่แปลกอะไรหากผมจะดูแลเธอในฐานะน้องสาวคนหนึ่ง เพราะเธอคือน้องสาวของลิลิน ผู้หญิงที่ผมเคยรัก..