แต่งงานกันนะ : ท่านประธานที่รัก
“แต่งงานกับผมนะมา”
“ท่านประธาน!”
“เรามาสร้างครอบครัวกันนะ”
เมื่อเดือนก่อนนี่เอง...ที่ทายาทเศรษฐีชนชั้นอีลิทของเมืองไทยได้คุกเข่าขอผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอแต่งงาน หลังจากแอบคบหากันแบบลับ ๆ มาราวหนึ่งปี...วินาทีนั้น หัวใจของเธอเต้นรัวที่สุดในชีวิต ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพียงแค่เขายื่นมือมาหาเธอพร้อมหัวใจอบอุ่นและซื่อสัตย์ น้ำตาเธอก็ไหลริน รู้สึกตื้นตัน เอ่อล้นไปทั้งใจ
แหวนเพชรแสนสวยที่เขาสวมสอดบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ส่องประกายแวววาวเจิดจ้า จับจองครอบครองถือกรรมสิทธิ์แห่งหัวใจ เนรมิตให้แอร์โฮสเตสสาว กลายเป็นซินเดอร์เรล่าเพียงชั่วข้ามคืน
“แต่เราต่างกัน” นั่นไม่ใช่คำปฏิเสธของเธอ เพียงแต่เป็นคำถามที่เธอเฝ้าถามตัวเองมาตลอดนับตั้งแต่ตกลงคบกัน เธออยากรู้ว่าเขาจะจัดการกับปัญหาชนชั้นอย่างไร ในเมื่อสังคมที่ใช้ชีวิตอยู่ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ในขณะที่เขามาจากตระกูลสูงส่ง ส่วนเธอสกุลรากหญ้า ไร้เกียรติไร้ศักดิศรี ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมกับเขาได้
“แค่ใจตรงกันก็พอ” คำตอบง่าย ๆ ที่ทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นใจและคลายกังวล ไม่ต้องปั้นถ้อยคำสวยหรู แค่สื่อความจริงใจผ่านสายตาคู่นั้น คำสัญญาก็คงไร้ความหมาย
“ผมรักคุณนะ”
เธอเองก็รักท่านประธานหมดหัวใจเช่นกัน ผู้ชายซึ่งเป็นทั้งความฝันและเป้าหมายให้เธอถีบตัวเองขึ้นมาอยู่ในจุดที่น่าภาคภูมิใจที่สุด ตำแหน่งนางฟ้าแห่งสายการบินที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ต้องสู้รบปรบมือกับหญิงสาวนับพันรายในสายการบิน ราวกับเป็นสงครามแห่งเกียรติยศ ซึ่งเธอได้ครอบครองตำแหน่งนี้มาแล้วสองปี
“มาก็รักท่านประธานค่ะ”
เธอจูบเขาเพื่อฝังฝากชีวิตและจิตวิญญาณ ประทับตราความเป็นเจ้าของหัวใจ แทนคำตอบลึกซึ้งล้นความหมาย เขาสวมกอดเธอด้วยสองมือที่ต้องการจะปกป้องเธอด้วยชีวิต จูบตอบอย่างอ่อนโยน หนักแน่น สัมผัสแสนหวานที่ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป...
วันนี้เขาพาเธอมาดูเรือนหอ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูหราราคาเกือบสองร้อยล้านบาท ตึกสูงแปดสิบชั้นตั้งอยู่บนทำเลทองใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา บ้านบนท้องฟ้าที่สามารถเห็นเมฆขาวลอยฟ่องและเครื่องบินชัดตา
ห้องพักระดับไฮเอ็นบนชั้นเจ็ดสิบที่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมที่เป็นเลิศ ซึ่งถูกออกแบบอย่างทันสมัยในทุกตารางเมตร ทั้งในส่วนของตัวบ้าน และระเบียงกว้างที่มีสระว่ายน้ำและสวนส่วนตัวราวกับวิลล่าหรู ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ได้อย่างตระกรานตา ทั้งในตอนพระอาทิตย์ขึ้น หรือแม้แต่ในช่วงโพล้เพล้ที่ดวงตะวันกำลังจะลาลับ
“เป็นไง ชอบมั้ย?”
“ชอบสิคะ เหมือนฝันเลย” หากนี่เป็นความฝัน เธอก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย หัวใจเธอเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เมื่อคิดว่าคนอย่างเธอจะได้มาอยู่ในที่แบบนี้ ที่ซึ่งเกินเอื้อม เกินฝัน เกินใฝ่...
“อีกแค่สองสัปดาห์เท่านั้น เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
ใช่แล้ว...อีกแค่สิบห้าวันเท่านั้นเอง ที่ชีวิตคนธรรมดาอย่างเธอจะเปลี่ยนไป เธอจะได้เป็นเจ้าสาวของเหนือเมฆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตาที่หล่อเหลา บุคลิกสุดสมาร์ท ฐานะทางสังคมที่เป็นเลิศ และความรวยระดับหมื่นล้านที่ถูกจัดอยู่ในชนชั้นอีลิทของประเทศ ด้วยวัยเพียงยี่สิบแปดปี เขาสำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของสายการบินกรีนมายด์ ซึ่งเป็นบริษัทการบินที่ได้รับการยอมรับระดับเอเชีย
ส่วนตัวเธอนั้น...เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะเป็นคนสำคัญและได้รับการยอมรับจากสังคม เธอจึงต้องดิ้นรนและถีบตัวเองด้วยไฟฝันอันแรงกล้า ก้าวมายืนในจุดที่มีสปอร์ตไลต์สาดส่อง เป็นแอร์โฮสเตสอันดับหนึ่งของสายการบิน เพื่อยกระดับชีวิตให้ห่างไกลจากความเป็นตัวเอง ความเป็นชนชั้นกลางในต่างจังหวัด รากเหง้าครอบครัวเกษตรกรรมที่ทำมาหากินอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งทางใต้ของประเทศ ที่ซึ่งเธอไม่คิดจะหวนกลับไปเหยียบอีกแล้ว
“มาไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?”
“งั้นผมจะทำให้คุณรู้ว่ามันจริงแค่ไหน” ชายหนุ่มพูดพลางก้มเข้าหาริมฝีปากอิ่มสวยของหญิงสาวในอ้อมกอด จรดแนบเรียวปากนุ่มสีลูกพีช แล้วดื่มด่ำกับความหวานอย่างเคลิบเคลิ้ม หลงใหล...
“อืม...” เธอเองก็ดื่มด่ำกับรสจูบของชายหนุ่มไม่น้อย แต่พอฝามือใหญ่เริ่มรุกรานหน้าอก เธอรีบผละตัวออกห่าง ส่งสายตาดุแกมหยอกบอกเขาว่าอย่าเพิ่งข้ามกฎที่ตั้งไว้
“แต่เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วนะมา...” น้ำเสียงออดอ้อน สายตาเว้าวอน บ่งบอกถึงความต้องการจากภายใน แรงปรารถนาที่มากกว่าการกอดจูบเหมือนที่ผ่านมา
“อย่างอแงสิคะ อดทนอีกนิดนะ อีกแค่ไม่กี่วันเอง”
“ใจร้ายจัง” เขาแสร้งเง้างอดโอดครวญแต่กลับนึกชอบความรักนวลสงวนตัวของหญิงสาว เพราะเธอแสดงให้เห็นว่าไม่ได้คิดจะจับเขาด้วยวิธีนี้ เหมือนที่คนทั้งบริษัทกำลังนินทาว่าร้าย แต่ตรงกันข้าม หากเธอคิดจะจับเขาด้วยการรวบหัวรวบหางเมื่อไหร่ เขาจะยอมให้จับแต่โดยดี โดยไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด “ไหน ๆ คนก็คิดว่าคุณท้องก่อนแต่งแล้วนี่นา”
“ท่านประธานคะ!”
“เลิกเรียกท่านประธานได้แล้ว ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่ทำงานซะหน่อย”
“ค่ะคุณเหนือ”
“คุณเหนือก็ไม่ได้ เรียกว่าพี่เหนือสิ” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าใกล้ใบหน้าเธออีกนิด ลมหายใจอุ่นที่รดริน กับสายตาอบอุ่นที่แฝงไว้ด้วยความร้อนแรงคู่นั้น จ้องมองราวกับกำลังสะกดเธอให้อยู่ใต้อาณัติของเขาตลอดกาล “ไหนเรียกซิ พี่เหนือ พี่เหนือ...พี่เหนือ”
วินาทีนี้...หัวใจของเธอเหมือนจะระเบิด เขาจะรู้มั้ยว่ากำลังทำให้เธอตกอยู่ในห้วงแห่งความหลงใหล คลั่งเคลิ้ม
“พี่เหนือ...” มันเป็นคำที่เธออยากเรียกเขามาตลอด ไม่ใช่เพราะเขาอายุมากกว่าเธอ หรือเพราะเป็นคนรัก แต่เพราะมันเป็นคำที่ทำให้เธอรู้สึกถึงการถูกปกป้อง เธออยากถูกปกป้องโดยพี่เหนือ ไม่ใช่คุณเหนือ หรือแม้แต่ท่านประธาน...
“พี่เหนือ...” ดวงตากลมใสคลอน้ำเพราะความตื้นตัน หัวใจพองโตคับอกยิ่งกว่าตอนที่เขาขอแต่งงานเสียอีก เขาจะรู้มั้ยว่า ทุกครั้งที่เธอเดินตามหลังเขา หรือเห็นเขาจากที่ไกลๆ เธออยากจะตะโกนเรียกเขาให้หันกลับมา แล้วมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรัก...เหมือนเช่นตอนนี้
“ไม่เอาน่า ร้องไห้ทำไม” นิ้วโป้งไล้เช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่มอย่างทะนุถนอมเอ็นดู ก่อนจะโอบอุ้มใบหน้าสวยแดงเรื่อไว้ด้วยสองฝ่ามือใหญ่ จนทำให้ใบหน้าและปากยู่ “น่ารักจัง”
“ท่านประ...”
“เดี๋ยวเหอะ!”