เห็นแก่ตัว

1597 Words
ห้องนั่งเล่น “คะ คุณแม่ว่าไงคะ” ระรินนั่งลงข้างๆมารดาที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก “พรุ่งนี้เราต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้แล้วนะลูกแม่ขอโทษแม่ แม่ แม่ผิดเองที่บริหารงานผิดพลาดจนบริษัทเราต้องขาดทุน แม่ แม่ ฮึกๆๆๆ” มารศรีร้องให้ออกมานี้เป็นครังแรกที่ผู้หญิงแกร่งเลี้ยงลูกคนเดียวมาเกือบ 10 ปีร้องให้ออกมาให้ลูกสาวเห็นเป็นครั้งแรก “แม่คะไม่เป็นไรนะคะ ที่ดินของพ่อที่เราเหลืออยู่เราไปอยู่ที่นั้นกันก็ได้คะ” ระรินที่จำได้ว่าพ่อของตนเคยบอกว่ามีที่ดินและบ้านสวนหลังเล็กๆอยู่ “นั้นสิ แม่ลืมไปเลยบ้านสวนนั้นอยู่ห่างจากผู้คนพอสมควรเราคงปลอดภัยไปอีกนาน” มารศรีมองมาที่ระรินแล้วโอบกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขน “แต่ว่าเราจะลำบากกันมากๆเลยนะลูก จะไม่มีคนใช้ จะไม่มี่คนทำงานบ้านให้” “ไม่เป็นไรคะหนูทำได้จะได้มีอะไรทำ จะได้ไม่เหงาคะ” ระรินยิ้มให้ผู้เป็นแม่ด้วยความจริงใจและส่งสายตาบอกผู้เป็นแม่ว่าไม่เป็นไร ทำให้มารศรีคลายความกังวลลงไปได้มากพอสมควร ณ บ้านสวน “ทำเราต้องย้ายมาไกลถึงขนาดนี้ด้วยนะ” โรสรินที่หน้าบึ้งแล้วบ่นพึมพำออกมา “เอาน่าาาาา พี่โรสคุณแม่ก็ทุกข์ใจไม่น้อย เราเป็นลูกเราก็ต้องช่วยเท่าที่ช่วยได้” ระรินบอกพี่สาว “ระรินแล้วเราจะอยู่ยังไงไม่มีคนใช้ ไม่มีแม้แต่คนทำอาหารให้กินจะใช้ชีวิตยังไงให้รอด” โรสรินยังถามออกมา “เบาๆสิพี่ หนูทำเองทั้งหมดก็ได้ไม่มีปัญหาหรอก ขอแค่พี่อย่าพูดอะไรให้แม่ไม่สบายใจอีกก็พอ” ระริน “แกก็พูดได้สิ แกไม่ใช่ฉันนิ” โรสรินตะคอกใส่น้องสาวทันที “หยุดนะ ยัยโรส แกควรช่วยน้องทำงานบ้านไม่ใช่เห็นแกตัวแบบนี้” มารศรีตะคอกใส่โรสรินทันที “นี้แม่” โรสรินแผดเสียงใส่ผู้เป็นแม่ทันที “พอเหอะพี่โรส รินทำเองก็ได้พอสักที เลิกตะคอกใส่แม่ได้แล้ว” ระรินพูดออกมาแล้วเดินออกไปทำงานบ้านทันที “แม่คะ เราหนีไปกันสองคนเถอะนะคะ ระรินมันเอาตัวรอดได้ ถ้าแม่ส่งหนูไปคงต้องตายแน่ๆฮึกๆๆๆ” โรสรินใช้ไม้ตายอ้อนวอนผู้เป็นแม่ มารศรีมองไปที่ระรินที่กำลังกวาดบ้านอยู่ ท่าทางอาการของมารศรีคิดมากว่าจะเอายังไงดี อย่างที่โรสรินว่า ถ้าโรสรินไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วใช้นิสัยแบบนี้มีแต่ตายกับตาย แต่ถ้าเป็นระรินคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ฉลาดป็นกรดต้องเอาตัวรอดได้แน่ๆ เช้าวันต่อมา มารศรีนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน หน้าตาท่าทางเครียดเอาการอยู่เหมือนกัน นั้นก็ลูกนี้ก็ลูก ถ้าให้ระรินไปประสบชะตากรรมครั้งนี้คนเดียวจะดูใจร้ายและเห็นแกตัวมากไปหรือเปล่าแล้วระรินจะเอาตัวรอดได้จริงเหรอ ระรินอายุแค่ 17 เองนะ เด็กอายุ 17 จะไปเก่งเท่ามาเฟียอายุ 30ได้ยังไงกัน อย่างที่รู้ระดับมาฟียความโหดร้าย ความป่าเถื่อนมีมากมายเกินคำบรรยายอยู่แล้วแต่ถ้าให้ระรินไปยังพอมีโอกาสรอด แต่ถ้าเป็นโรสรินคงไม่มีแม้โอกาสที่จะรอดเลยก็ว่าได้ ความหนักอึ้งตกมาที่มารศรีที่ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดี “แม่คะดอกไม้นี้หอมมาก หนูเอาไวตรงนี้นะคะแม่จะได้ผ่อนคลาย” ระรินเดินถือดอกจำปามาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆมารดา กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกจำปาช่วยให้มารศรีผ่อนคลายไปมากจริงๆ “ขอบคุณมากนะลูก” มารศรีไม่กล้าบอกความจริงกับระรินเพราะกลัวว่าระรินจะรับความจริงไม่ได้ ได้แต่ยิ้มให้กับลูกสาว “วันนี้คุณแม่จะออกไปไหนไหมคะ” ระรินถามผู้เป็นแม่ขึ้น “แม่ว่าจะให้รินไปที่บ้านเก่าหน่อย แม่ลืมของไว้อยู่ในห้องนอนลิ้นชักแรกซ้ายมือเดินเข้าห้องไป แม่รบกวนหน่อยนะลูกแม่เวียนหัวคงไปใม่ไหม” มารศรีมองมาที่ลูกสาวแล้วลูบหัวระรินเบาๆ “ได้สิคะ หนูไปรถประจำทางได้คะ น่าจะสัก 3-4 ชั่วโมงก็น่าจะกลับมาแล้วแม่ไม่ต้องห่วงนะคะหนูจะรีบไปรีบกลับคะ” ระรินพูดจบกำลังจะลุกออกไป “เดี๋ยวก่อนลูก” มารศรีดึงระรินมากอดไว้พร้อมกับพยายามทำเสียงให้ปรกติที่สุด “แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” ระรินตัดสินใจถามออกไปเพราะเหมือนมารดาของตนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าพูด “แม่รักหนูนะลูกระริน แม่รู้ว่าหนูจะเอาตัวรอดได้หนูเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่ขอให้ลูกรู้ว่าแม่รักลูกที่สุดแล้วแม่ก็ขอโทษ ขอโทษที่แม่เห็นแกตัว แม่ แม่ ฮึกๆๆๆ” มารศรีร้องให้ออกมามาปานจะขาดใจ “ไม่เป็นไรคะหนูก็รักแม่นะคะ ไม่ต้องคิดมากนะคะหนูไปแปปเดียวเดี๋ยวก็กับคะ หนูเอาตัวรอดได้แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ” ระรินคลายกอดผู้เป็นแม่แล้วใช้นิ้วโป้งบางๆเรียวๆสองข้างเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่ทันที “ระรินลูก ฮื้ออออ” มารศรีร้องให้แล้วโอบกอดลูกสาวอีกครั้ง “หนูไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเย็น” ระรินพูดจบก็เดินไปเอากระเป๋าและเดินออกไปทันที ฝั่งตะวัน “นายครับคุณมารศรีย้ายบ้านหนีไปแล้วในบ้านไม่มีใครอยู่เลยครับ” ตะวันรีบเขามารายงานเจย์เดนทันที “มันคิดว่ามันจะหนีฉันพ้นเหรอ ข้อเสนอนี้เป็นคนคิดกันเองถึงเวลาต้องชดใช้ก็ต้องชดใช้สิน่ะ ไปตามหาตัวมันให้เจอ” เจย์เดนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เยือกเย็นชวนขนหัวลุก “ครับนาย” ตะวันรับคำแล้วเดินนำหน้าเหล่าบอดี้การ์ดออกไป “คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ” เจย์เดนมองไปที่รูปถ่ายของโรสรินที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วพูดขึ้น บ้านสวน “แม่ว่า” มารศรียังลังเลสองจิตสองใจที่จะปล่อยให้ระรินไปเจอกับมาเฟียใจร้ายเพียงคนเดียว “ไม่มีเวลาแล้วแม่ เดี๋ยวอีกไม่นายัยระรินก็จะกลับมาแล้วเราต้องรีบไปตอนนี้” โรสรินหิวกระเป๋าและลากคนเป็นแม่ขึ้นรถทันที “แต่แม่ว่า” “แม่ หรือแม่อยากให้หนูตาย” โรสรินถามผู้เป็นแม่ออกมา “ยัยโรส นั้นน้องแกนะ” “ก็รู้ไงแม่ว่าเป็นน้อง ยัยรินมันฉลาดจะตายมันไม่เป็นอะไรหรอกถ้าหนูไปหนูตายแม่เลือกเอา แม่จะเอายังไง”โรสรินเอามือกอดอกหน้าบึ้งถามผู้เป็นแม่ขึ้น “โอเคๆๆ” มารศรีจำใจต้องพาโรสรินหนีไป ทิ้งให้ระรินต้องรับชะตากรรมนี้คนเดียว ฝั่งระริน “นี้ไง แม่ลืมสร้อยเพชรนี้ไว้นี้เอง” ระรินได้ของที่ตนเองต้องการก็ตรงดิ่งมาที่บ้านสวนทันที “แม่คะ แม่ แม่คะ พี่โรส พี่โรส ทำไมบ้านเงียบจังหรือว่าแม่ไม่สบายออกไปหาหมอกัน” ระรินพึมพำออกมาก่อนกดโทรศัพโทรออกหาแม่และพี่สาวแต่ทั้งสองคนปิดเครื่อง “ไปไหนกันนะ ทำไมปิดเครื่อง” ระรินพึมพำพร้อมกับเดินเข้าบ้านไป “ทำไมบ้านเงียบจัง” ระรินที่เดินเข้ามาบ้านรู้สึกแปลกๆๆ ตึกๆๆ ตึกๆๆ ตึกๆๆ ตึกๆๆ เสียงคนเดินอยู่รอบๆบ้าน เสียงร้องเท้าคัชชูหลายคู่กำลังเดินตรงเข้ามา ระรินกำลังจะรีบเดินออกไปทางหลังบ้าน “จะไปไหนแม่สาวน้อย” เสียงชายชุดที่สวมบอดีการ์ด 3-4 คนเดินตรงมาที่ระรินแล้วถามขึ้น “พวกแกเป็นใคร” ระรินถามออกมาพยายามทำเสียงให้ปรกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “แม่กับพี่สาวของเธออยู่ไหน” ชายที่สวมเสื้อผ้าชุดปรกท่าทางเป็นหัวหน้าของเหล่าชายชุดดำพวกนี้ถามขึ้น “มะ มะไม่รู้” ระรินตอบออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “เธอจะบอกมาดีๆหรอเธอจะตายอยู่ที่นี้” ชายที่ดูเป็นหัวหน้าชักปืนออกมาถามขึ้น “ต่อให้พวกแกยิงฉันตายไปตรงนี้ พวกแกก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าพี่โรสกับแม่อยู่ที่ไหน” ระรินทำใจดีสู้เสื้อพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังไม่กลัวตาย “ใจกล้าดีนิแม่สาวน้อย” ตะวันยิ้มออกมาแล้วลดปืนลง “เอาตัวมันขึ้นรถ มึงไปค้นดูรอบบ้านให้ทั่วเจอใครจับมาให้หมด” ตะวันสั่งออกไป ชายสองคนพาระรินไปที่รถ อีก 4 คนเดินขึ้นบ้านไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD