บทนำ
ณ บ้านมารศรี
“พี่โรสอันนี้อร่อยมากเลยนะ ลองชิมดูสิ” ระริน เด็กสาวอายุ 17 ปี ที่น่ารัก สดใส ยิ้มง่ายมีความสามารถเฉพาะตัวตั้งแต่ยังเด็ก คือช่างสังเกตุละอ่านเกมได้เฉียบขาด เก่งเกินอายุก็ว่าได้
“กินเถอะ ระรินปานนี้แม่ยังไม่ได้กลับบ้านเลย” โรสรินมองไปประตูหน้าบ้านที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีคนคอยดูแลบ้าน 1คน แต่ส่วนมากจะเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของโรสรินเองมากกว่าเป็นคนทำงานบ้านส่วนรวม
“พี่โรส เดี๋ยวแม่ก็มาน่ะไม่ต้องห่วงหรอก รถคงติดแระ” ระรินน้องสาวที่ดูท่าทางทะมัดทะแมง ความสวยเป็นรองพี่สาว จะว่าไประรินก็เป้นรองพี่สาวทุกอย่างอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ผิวพรรณ หน้าตา ท่าทาง การเดิน นอน นั่ง กิน ระรินเรียบร้อยสู้พี่สาวไม่ได้เลย ออกจะห่ามๆหน่อย ลุยๆ สู้ตาย กินง่าย อยู่ง่ายทำอะไรก็ดูง่ายๆไปหมด ไม่เรื่องมากพิถีพิถันเหมือนโรสรินพี่สาวแท้ๆของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ครืดดดดดดด เสียงรถยนต์เลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านแล้วเครื่องยนต์ดับไป
“คุณแม่ขาาาาาาาา” โรสรินวิ่งไปหามารศรี มารดาที่พึงจอดรถและเดินลงมาทันที
“น้องละลูก” มารศรีถามหาระรินทันทีที่เห็นโรสรินที่วิ่งออกมารับแม่เพียงคนเดียว
“ทานข้าวอยู่ในบ้านคะ” โรสรินบอกผู้เป็นแม่
“โตแล้วนะลูก ปีนี้ลูกก็เข้ามหาลับปีแรกแล้วโตเป็นสาวแล้วยังจะวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆอยู่ได้” มารศรีดุลูกสาวคนโตที่ชอบวิ่งมารับตนเองทุกวัน ต่างจากระรินที่ไม่เคยวิ่งออกมารับตนเองเลย แต่กลับจัดที่นั่งตักข้าวรอผู้เป็นแม่แทน
“วันนี้มีอะไรทานบ้าง” มารศรีเดินมาถึงก็เอามือลูบหัวระรินแล้วถามออกไปลอยๆ
“วันนี้มีของโปรดคุณแม่คะ กะหล่ำดาวผัดซอสหอยนางรม มีของโปรดระริน ไข่พะโล้หมูสามชั้น แล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบคะ” โรสรินเอ๋ยปากบอกผู้เป็นแม่เหมือนเดิมเฉกเช่นทุกครั้ง
“ของโปรดของโรสริน” มารศรีมองไปที่โรสรินแล้วพูดขึ้น
“แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมองหน้าหนูแปลกๆ” โรสรินถามผู้ที่เป็นมารดาขึ้น
“ระริน กินข้าวเสร็จไปอาบน้ำรอก่อนนะลูกแม่มีอะไรจะคุยกับพี่โรสสักแปป” มารศรีหันมาบอกระริน
“คะ หนูอิ่มแล้วงั้นหนูไปเลยแล้วกันนะคะ” ระรินพูดจบก็เดินออกไปทันที่
ณ บ้านของเจสัน ที่ประเทศไทย
“เจย์เดน ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก” เจสันผู้เป็นปู่บุญธรรมของเจย์เดนพูดขึ้น
“ครับ” เจย์เดนรับคำและนั่งลงที่โต๊ะอาหาร มีคนตักขาวใส่จานให้ ไม่นาน วันลพ คนสนิทของปู่ก็ยื่นซองเอกสารมาให้เจย์เดนทันที
“อะไรครับ” เจย์เดนถามผู้เป็นปู่ขึ้น
“เปิดดูแล้วแกจะรู้เอง” เจสันพูดแล้วแสยยะยิ้มออกมาเบาๆ เจย์เดนเปิดซองเอกสารดู ในซองมีรูปผู้หญิงคนหนึ่งสาว สวย ราวกับตุ๊กตาที่หลุดออกมาจากนิยาย แต่ยังดูเด็กไปหน่อยอายุ หน้าตา ท่าทางน่าจะไม่เกิน 20 ก็ว่าได้
“คืออะไรครับ” เจย์เดนถามผู้เป็นปู่ขึ้นทันที
“แกว่าไงสวย น่ารัก ถูกใจแกไหม” ปู่เจสันถามออกมา
“ก็ใช้ได้นะครับทำไมเหรอครับ” เจย์เดนยังถามย้ำขึ้นอีก
“ว่าที่เจ้าสาวของแก ฉันจะให้คนไปพาตัวมาให้แกเร็วๆนี้แล้ว” เจสันพูดแล้วยิ้มออกมาเบาๆ
“ไม่เด็กไปเหรอครับ ผมว่า”
“ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ เมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มหลาน เจย์เดนแกก้รู้ว่าฉันไม่มีลูกถ้าวันนั้นฉันไม่ไปเจอแกฉันคงไม่มีทายาทสืบสกุล ฉันขอแกแค่นี้แกทำให้ฉันได้ไหม” เจสันถามออกมาพรางมองที่ดวงตาหลานบุญธรรมคนเดียวด้วยสายตาเชิงอ้อนวอน
“แต่ว่า”
“แกอายุ 30กว่าแล้วนะเจย์แดน เอาเถอะขอแค่ได้ทายาทมาสืบสกุลแกจะมีอีกกี่คนหรือจะไม่สนใจใครอีกเลยฉันจะไม่ห้ามแก แต่ครั้งนี้ฉันขอ” เจสันกำลังจะพูดต่อ
“โอเครับ ผมจะทำตามที่ปู่บอกผมจะให้คนไปพาตัวเธอมาด้วยตัวของผมเอง” เจย์เดนเก็บรูปใส่ซองแล้วตักอาหารให้ผู้เป็นปู่ทันที
หลังจากทานอาหารเสร็จ
“ตะวัน” เจย์เดนเรียกคนสนิทของตัวเองที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งเลขาและเป็นทั้งมือขวาของตน
“ครับคุณเจย์เดน” ตะวันเดินเข้ามาใกล้แล้วรับคำผู้เป็นนาย
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” เจย์เดนถามคนสนิทขึ้น
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อ โรสริน เป็นลูกสาวคนโตของคุณมารศรี และคุณระพีภัทร แต่เมื่อ 10 ปีก่อนคุณระพีภัทรได้เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ ทำให้คุณมารศรีเลี้ยงลูกสาวมาด้วยตัวคนเดียว เมื่อ 3ปีก่อนคุณมารศรีได้มาขอกู้เงินกับนายท่านจำนวน 6พันล้านบาท เพื่อเอาไปกอบกู้ธุระกิจที่กำลังขาดทุนทรัพย์โดยเอาโฉนดบ้านและคุณโรสรินเป็นประกันไว้ แต่นี้ก็ครบตามเวลาที่กำหนดแล้วคุณมารศรียังหาเงินมาใช้ไม่ได้ตามที่กำหนดที่บ้านเราจะเข้ายึดในอีก 7 วัน ส่วนตัวคุณโรสรินผมจะไปพาตัวมาให้คุณเจย์เดนให้เร็วที่สุด” ตะวันรายงานออกไปตามความเป็นจริง
“ลูกสาวคนโตเหรอ” เจย์เดนถามออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่ครับคุณโรสรินมีน้องสาวชื่อ ระริน อายุห่างจากผู้เป็นพี่ 3ปี” ตะวันยังรายงานต่อ
“คุณปู่ต้องการให้โรสรินมาเป็นแม่อุ้มบุญสืบทายาทอย่างงั้นเหรอ”
“ในสัญญาบอกไว้แบบนั้นครับพอหมดหน้าที่ของเธอ ก็แล้วแต่คุณเจย์เดนเลยครับว่าจะเอายังไงกับเธอต่อ” ตะวัน
“แบบนี้ก็สนุกดีนะ ไปพาตัวเธอมาให้เร็วที่สุด” เจย์เดนแสยยะยิ้มมุมปากแล้วยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
เพล๊งงงงง เสียงถ้วยกระทบลงที่พื้นแตกละเอียด
“ไม่จริงอ่ะ คุณแม่เอาอะไรมาพูดคะ” เสียงโรสรินดังก้องไปทั้งบ้าน
“เบาๆลูกเดี๋ยวน้องได้ยิน” มารศรีหันไปหาแม่บ้านให้เดินไปปิดประตูห้องทานอาหารทันที
“ทำไมอ่ะ ทำไมต้องเป็นหนูตาแกหื่นกามนั้นจะเอาหนูไปเป็นแม่อุ้มบุญงั้นเหรอ” โรสรินถามผู้เป็นแม่ออกมาเสียงดัง
“แม่ขอโทษนะลูก” มารศรีน้ำตาไหบอาบแก้มแล้วพูดออกมา
“ทำไมต้องเป็นหนู ทำไมไม่ใช่ระริน ระรินก็ทำได้นิให้ระนินไปก็ได้นิแม่” โรสรินพูดออกมาด้วยความโมโหและไม่อยากไปทำในสิ่งที่ตนเองกำลังจะไปเจอ
“โรส ลูกเป็นพี่นะ ทำไมลูกพูดแบบนั้นออกมาน้องยังเด็ก” มารศรีถามลูกสาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเหลือเชื่อว่าลูกสาวของตัวเองจะเป็นคนเห็นแกตัวแบบนี้ไปได้
“ไม่อะแม่ เราหนีไปกันสองคนเถอะนะแม่ทิ้งระรินไว้ที่นี้ยังไงพวกนั้นก็ต้องมาเอาตัวระรินไปแทนหนู ระรินมันอะไรก็ได้ง่ายๆขอแค่แม่บอกมันมันยอมทำทุกอย่างให้แม่อยู่แล้ว” โรสรินเหมือนคนสติแตกพูดออกมา
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เสียงมารศรีตบไปที่หน้าของลูกสาวตัวเอง
“เห็นแก่ตัว แม่ไม่เคยสอนแกแบบนี้ แม่เลี้ยงแกมาด้วยความรัก สอนให้แกรักน้องให้เสียสละทำไมวันนี้แกถึงเห็นแกตัวแบบนี้” มารศรีถามลูกสาวขึ้น
“ไอ้แก่ตัณหากลับนั้นมันจะเอาหนูไปเป็นแม่อุ้มบุญนะแม่ อนาคตหนูทั้งชีวิตต้องเอามาทิ้งเพราะไอ้แก่นั้น แก่ก็แก่ ยังจะอยากได้สาวๆมาเป็นเมีย ไม่เอาด้วยหรอกน่าขยะแขยง” โรสรินพูดจบก็วิ่งหนีขึ้นห้องไปทันที
“โรส โรส ยัยโรส หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงมารศรีเดินตามลูกสาวไปตะโกนเรียกลูกาสาวอยู่หน้าประตูห้อง
“เกิดอะไรขึ้นคะแม่” ระรินได้ยินเสียงเอ๊ะอะโวยวายจึงเปิดประตูมาถามผู้เป็นแม่ขึ้น
“ระรินไปคุยกับแม่สักแปปได้ไหมลูก” มารศรีมองมาที่ระรินแล้วถามขึ้น
“ได้สิคะ” ระรินเดินตามผู้เป็นมารดาลงไปที่ห้องรับแขกทันที