ลมเพลมพัด เช้าวันต่อมากันติชากำชับเรื่องเวลารับประทานยาของมารดากับผู้ดูแลที่จ้างมาเรียบร้อยแล้วจึงรีบออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน แต่เมื่อมาถึงหน้าห้อง นาฬิกาข้อมือก็บอกให้หล่อนรู้ว่ามาสาย เช่นเดียวกับสายตาเลขานุการที่ประจำหน้าห้องของเขาปรายตามองมาด้วยแววตาตำหนิ... “คุณสายไปสิบห้านาที” ฝ่าเท้าบอบบางในรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับกระโปรงชะงักลง เมื่อธีร์ธวัชเอ่ย “ขอโทษค่ะ” ธีร์ธวัชยืดตัวตรงจากการนั่งพิงพนักเก้าอี้เมื่อครู่ “แค่นี้เองเหรอ ที่จะพูด” กันติชาเข้านั่งประจำที่ ปรายตามองคนถามแวบหนึ่งก่อนจะตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ใส่ใจ ทำให้คนที่พยายามหาเรื่องคุยเดือดปุดๆ “ดิฉันเกรงว่าถ้าอธิบายมากก็จะดูเป็นการแก้ตัวเกินไปค่ะ” ธีร์ธวัชตาลุกวาว ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันอย่างขัดใจก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ว่า “บ่ายนี้ผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าคุณต้องไปกับผมด้วย อ้อ!แล้วก็อย่าพยายามทำให้ผมต้อ

