ลูกขยะ
๑
ลูกขยะ
ตอนเย็นวันอาทิตย์ท้องฟ้าเริ่มมืด ลมเริ่มพัดแรง เด็กหญิงตัวน้อยวัยสิบขวบชะเง้อใบหน้าเล็กๆ มองออกไปนอกหน้าต่างไม้บานเก่าที่มีสีเนื้อไม้ซีดเสียจนไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น เด็กหญิงกันติชา ธารารักษ์ หนูน้อยผู้กำพร้าบิดาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝนที่ตั้งเค้าหนาแน่นไม่นานก็เทลงมา ภายในใจเริ่มเป็นห่วงมารดาที่ทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะ ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาร่วมหกโมงเย็นเข้าไปแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าท่านจะกลับมาเสียที…
ปัง!
ใบหน้าของหนูน้อยหดกลับเข้ามาแทบไม่ทันเมื่อหน้าต่างบานเก่าถูกลมตีเข้ามาเต็มแรง
สายฝนที่สาดซัดไม่ยอมหยุดนั้นทำให้หนูน้อยเดินกลับไปยังมุมหนึ่งของบ้านซึ่งใช้เป็นที่นอนสำหรับเด็กหญิงและมารดา หนูน้อยนั่งกอดเข่าเนื้อตัวสั่นเทา ใบหน้าเล็กๆ ชะเง้อมองออกไปนอกบ้านเป็นระยะๆ ขณะที่ฟ้าร้องครืนครานดังกึกก้องน่ากลัว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังถี่ ทำให้หนูน้อยรีบวิ่งไปยังประตูบ้านด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่ามารดากลับมาแล้ว
“แม่!”
กิ่งแก้วพาเนื้อตัวอันเปียกปอนเข้าบ้านด้วยความหนาวสั่น ก่อนจะผลักประตูปิดลงตามเดิมแล้วหันมารับผ้าขนหนูที่ลูกสาวตัวน้อยวิ่งไปหยิบมาส่งให้ตรงหน้า
“ขอบใจ กลัวไหมลูก ฟ้าร้องแรงเชียว”
เด็กหญิงส่ายหน้าให้มารดาก่อนจะตอบออกไป
“ไม่กลัวจ้ะ แต่หนูเป็นห่วงแม่ ทำไมวันนี้ถึงกลับเย็นล่ะจ๊ะ”
กิ่งแก้วผลัดผ้าที่เปียกชื้นออกจากร่าง ก่อนจะหันมาพูดกับบุตรสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ติดฝนน่ะสิลูก แม่ต้องหยุดพักอยู่ร้านค้าหน้าปากซอยอยู่พักใหญ่ พอฝนเริ่มซาแม่ถึงได้รีบมานี่แหละ เป็นห่วงหนู”
เด็กหญิงกันติชาเข้าไปหามารดาพร้อมกับเงยใบหน้าเล็กๆ ขึ้นมองท่านด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ
“เป็นอะไรลูก มายืนมองหน้าแม่แบบนี้”
กิ่งแก้วดึงบุตรสาวเข้ามากอดพลางลูบศีรษะแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เปล่าจ้ะ แม่เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกเรียนหนูจะออกไปช่วยแม่เก็บขยะนะจ๊ะ”
กิ่งแก้วเลิกคิ้วมองบุตรสาวด้วยแววตาไหวระริก ก่อนจะยิ้มแย้มออกมา
“ไม่ต้องหรอกลูก เดี๋ยวก็ถูกเขาไล่มาอีกหรอก คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของมารดาทำให้เด็กหญิงกันติชาหน้าบึ้งเมื่อคิดถึงเด็กผู้ชายตัวสูงโย่ง ลูกชายเจ้าของบ้านหลังเบ้อเร่อที่หล่อนไปคุ้ยถังขยะหน้าบ้านของเขาคราวนั้น
“แต่หนูไม่ได้ทำเลอะเทอะนี่จ๊ะ หนูค้นแล้วก็เก็บเหมือนเดิม คนนิสัยไม่ดี ตัวเองก็รวยยังจะมาว่าเราอีก ไม่มีน้ำใจ!”
กิ่งแก้วได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ทว่าภายในใจคิดเป็นห่วงบุตรสาวตัวน้อย
“ถ้าหนูอยากช่วยแม่จริงๆ ก็ไปเก็บที่เขาให้เราเก็บจะได้ไม่ต้องไปมีเรื่องกับเจ้าของบ้านเขาอีก” กิ่งแก้วบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของหนูน้อยอย่างเอ็นดูรักใคร่
“แล้วทำไมพี่อีกคนเขาไม่เห็นว่าเลยล่ะจ๊ะ หนูเจอเขาทีไร เขาก็ให้หนูเก็บได้ทุกที”เด็กหญิงกอดอกมองมารดาด้วยแววตาเป็นคำถาม จนผู้เป็นมารดาต้องผ่อนลมหายใจยิ้มๆ
“งั้นก็เอาอย่างนี้ ถ้าหากหนูเดินผ่านหน้าบ้านเขาไปแล้วเห็นพี่คนที่ใจดีอยู่ หนูก็ค่อยเก็บ แต่ถ้าเห็นคนที่ชอบดุอยู่ หนูต้องรีบเดินผ่านไปให้เร็วเข้าใจไหมลูก”
กิ่งแก้วก้มลงพูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจึงได้รับรอยยิ้มแจ่มใสของบุตรสาวตอบกลับมา
“ได้จ้ะแม่ หนูจะทำตามที่แม่บอก”
เวลา 17.12 น. ของวันรุ่งขึ้น…
เด็กหญิงกันติชาในชุดกางเกงขาสั้นสีดำกับเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีกระดำกระด่างเพราะความเก่าและเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูลจากขยะที่เก็บมาตลอดสองข้างทาง
เด็กหญิงตัวน้อยมาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังโตก่อนจะค่อยๆ ย่องเข้าไปเกาะประตูรั้วสนามหญ้าหน้าบ้านว่างเปล่าไม่มีคนใจร้ายมาเล่นฟุตบอลเหมือนเคย แต่พี่ใจดีคนนั้นก็หายไปด้วย แม่หนูน้อยคิดถึงคำเตือนของมารดา แล้วทำหน้าครุ่นคิด…
แม่บอกว่า ถ้าคนใจร้ายอยู่ให้รีบเดินหนี แต่ถ้าคนใจดีอยู่ให้เก็บได้ แล้วถ้าหากไม่มีใครอยู่แบบนี้ก็คงไม่มีใครมาว่าแน่นอน
เด็กน้อยคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มให้กับตัวเองแล้วรีบวิ่งไปยังถังขยะใบใหญ่ที่ตั้งเยื้องประตูด้านหน้าคฤหาสน์หลังโตทันที
แต่ขณะที่เด็กหญิงกำลังโน้มถังขยะใบใหญ่ รถยนต์คันใหญ่สีดำมันปลาบก็แล่นผ่านเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปภายในคฤหาสน์ ทว่าเพียงแค่พ้นประตูไปได้สามเมตรรถก็หยุดลงกะทันหัน พร้อมกับเด็กชายตัวสูงเก้งก้างที่ก้าวออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง พลางกระแทกประตูรถยนต์ปิดดังปังขณะตวัดสายตามองออกไปนอกรั้วบ้านก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“นี่เธอ! ยัยเด็กขยะหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงคุ้นหูตวาดดังลั่นอยู่ด้านหลังทำให้ขวดน้ำพลาสติกหลุดออกจากมือน้อยมอมแมมอย่างรวดเร็ว ถังขยะที่ถูกปล่อยเด้งกลับไปตั้งอยู่ที่เดิมเมื่อเจ้าของใบหน้าซีดเซียวรีบปล่อยมือกะทันหันริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยอเตรียมอธิบาย...
“เอ่อ…หนู”
“ออกไป!”
เสียงตวาดที่ดังมาเป็นครั้งที่สองทำให้เด็กหญิงกันติชาน้ำตาเกือบไหลเพราะความตกใจและหวาดกลัว แต่แล้วแม่หนูน้อยก็ใจชื้น เมื่อมีเสียงคุ้นหูของใครอีกคนดังขึ้น
“โธ่พี่ธีร์ อย่าไปเอ็ดน้องสิ... ปล่อยให้น้องเก็บเถอะนะ”
เด็กหญิงหันขวับ เรียวปากเล็กๆ เผยอยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเด็กชายตัวสูงน้อยกว่าคนหน้าดุซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนเช่นเดียวกันเดินเข้ามาห้ามทัพไว้ได้ทัน
“นายไม่ต้องเลย ใจดีกันนัก นายน่ะไม่รู้อะไร วันก่อนยัยเด็กขยะนี่ด่าฉันด้วย”
ธีร์ธวัชหันหน้าบึ้งๆ ไปพูดกับน้องชายอย่างโกรธจัด ซึ่งธีรศักดิ์ก็ได้แต่ส่ายหน้า พี่ชายเขาเป็นอะไรไป เจอเด็กคนนี้ทีไรเป็นต้องเข้ามาหาเรื่องได้ทุกที
“โธ่น้องอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้ ใช่ไหมน้อง... ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ”
ธีรศักดิ์หันมาถามเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างถังขยะ
“หนูชื่อ…”
“ไม่ต้อง! ฉันไม่อยากรู้จักเธอ จะไปไหนก็ไปเลย เกลียดขี้หน้าชะมัด ดูสิเนื้อตัวก็สกปรกมอมแมม เหม็นอีกต่างหาก”
เด็กหนุ่มพูดพลางแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเปิดเผย จนคนเป็นน้องรู้สึกสงสารหนูน้อยที่ยืนทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เขามองดูแขนขาเล็กๆ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่นและเสื้อผ้าที่มอมแมมไปด้วยคราบสกปรกจากการคุ้ยหาขยะอย่างรู้สึกเวทนา
“พี่เข้าบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวผมดูน้องให้เอง”
ด้วยความเป็นคนมีจิตใจดีของธีรศักดิ์ เขาจึงกล่าวอาสาพี่ชายพร้อมกับหันไปมองเด็กหญิงที่ยืนเกร็งหน้าซีดด้วยแววตาอ่อนโยน
“ดี นายจัดการไล่กลับบ้านไปเลยนะ” ธีร์ธวัชสั่งด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “อ้อ แล้วไม่ต้องมาเก็บขยะหน้าบ้านฉันแล้วนะ เสียบรรยากาศหมด”
คนพูดตวัดสายตากลับมามองเด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้งก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วปล่อยให้ธีรศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนหันกลับมาเอ่ยกับคนตัวเล็ก
“อย่าถือสาพี่ธีร์เลยนะ เขาเป็นแบบนั้นเอง ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะ”
เด็กหนุ่มเอ่ยถาม แม่หนูน้อยที่ยืนก้มหน้านิ่งจึงยอมเงยขึ้นตอบอีกฝ่าย
“หนูชื่อกันจ้ะ ชื่อจริงชื่อว่ากันติชา”
“ชื่อเพราะจัง แล้วทำไมต้องมาเก็บขยะล่ะ”
เด็กหญิงยิ้มให้เขา เมื่ออีกฝ่ายกล่าวชม
“อ๋อ หนูอยากช่วยแม่หาเงิน แม่หนูทำงานเป็นคนเก็บขยะ พอเลิกเรียนหนูก็เลยมาเก็บบ้าง แล้วเอาไปขายต่อ จะได้มีเงินเก็บเยอะๆ”
ธีรศักดิ์เลิกคิ้วมองเด็กหญิงอย่างทึ่งๆ เด็กตัวแค่นี้รู้จักคิดมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก ความรู้สึกนี้ทำให้เขานึกแวบไปถึงพี่ชายที่เดินเข้าบ้านไปแล้ว
“แล้วเรียนอยู่ที่ไหนล่ะ”
“หนูเรียนอยู่โรงเรียนวัดตรงโค้งนี่เองจ้ะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเป้พลางหยิบขนมปังออกมาสองห่อแล้วส่งให้เด็กหญิง
“อ่ะ พี่ให้.... เอาไปกินนะ”
แม่หนูน้อยนิ่งชะงัก แม้นัยน์ตาจะพราวระยับขึ้นก็ตาม
“แต่ว่า หนู…”
“เอาไปเถอะ พี่ให้” เขาคะยั้นคะยอ เด็กหญิงรับขนมปังที่เขาส่งให้มาถือไว้แล้วยกมือไหว้ขอบคุณ
“พี่ชื่อทิมนะ เรียกพี่ทิมก็ได้” หนุ่มน้อยแนะนำตัวยิ้มๆ ขณะที่แม่หนูน้อยยิ้มตอบแล้วชะเง้อมองข้างในรั้วบ้าน
“แล้วคนนั้นเขาไม่ว่าเหรอจ๊ะ ที่พี่ทิมมายืนคุยกับหนูแบบนี้”
ธีรศักดิ์ยิ้มให้ก่อนส่ายหน้า
“ไม่หรอก เขาไม่สนใจอะไรหรอก ว่าแต่บ้านเราอยู่ที่ไหน”
เขาถามเมื่อเด็กหญิงยัดขนมปังใส่กระเป๋ากางเกงข้างละถุงจนตุงออกมาอย่างขบขัน
“หนูอยู่ข้างหลังที่เขาทิ้งขยะจ้ะ อยู่กับแม่ แต่ว่าพี่จะให้หนูเก็บที่เหลือได้ไหมจ๊ะ ถ้าให้ หนูขอขวดพลาสติกนะ”
“ได้สิ เก็บเลย พี่อนุญาต”
พอเขาอนุญาตเด็กหญิงก็รีบลงมือเก็บทันที เด็กหนุ่มเห็นเด็กน้อยโหนถังขยะใบใหญ่อย่างยากลำบากจึงเข้าไปช่วยเอียงให้ เด็กหญิงกันติชาจึงหันมายิ้มให้พร้อมคำขอบคุณ
“เรียนอยู่ชั้นอะไรแล้วล่ะ” เขาชวนคุยอีก
“หนูอยู่ปอสี่ อายุสิบขวบ พี่ทิมล่ะจ๊ะ”
เด็กหญิงแนะนำตัวพลางถามเขาออกไปทั้งๆ ที่มือก็คุ้ยหาขยะอย่างคล่องแคล่ว
“พี่อยู่มอหนึ่ง อายุสิบสามขวบ” เขาโต้ตอบเลียนแบบอย่างนึกสนุก เด็กหญิงหยุดเก็บขยะพลางยกมือขึ้นนับนิ้วก่อนจะร้องบอกออกมา
“พี่ทิมแก่กว่าหนูสามขวบแน่ะ แต่บ้านพี่รวยเนอะ บ้านหลังใหญ้ใหญ่”
ธีรศักดิ์หัวเราะออกมากับคำชมของเด็กน้อย
“พี่ไม่รวยหรอก พ่อพี่ต่างหากที่รวย”
“อ้าว แล้วมันไม่เหมือนกันตรงไหน” คิ้วเล็กๆ ขมวดมุ่น เมื่อเจอคำตอบแบบนั้นเข้า
“ก็ต่างกันตรงที่พ่อพี่ทำงานก็เลยมีเงินเยอะ แต่พี่ยังไม่ได้ทำงานก็เลยยังไม่มีเงิน ทุกวันนี้ยังขอพ่ออยู่เลย”
“อ๋อ...” แม่หนูลากเสียงยาวอย่างเข้าใจ “แล้วคนนั้นล่ะ คนที่ดุๆ น่ะ เขาขอเงินพ่อแบบพี่หรือเปล่า”
“ขอสิ พี่ธีร์เพิ่งอยู่มอสามเอง ต้องขอเหมือนกัน”
คำตอบของธีรศักดิ์ทำให้หนูน้อยเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจพลางยกมือขึ้นมานับนิ้วอีกครั้ง
“โอ้โห! อายุแก่กว่าหนูตั้งห้าปี! แต่ทำไมไม่รู้จักช่วยพ่อทำงานเหมือนหนูช่วยแม่ทำงานล่ะ แล้วคนนั้นเขาเป็นพี่ของพี่ทิมจริงเหรอ ทำไมเขาดุจัง”
คำถามแกมเหยียดหยันของเด็กหญิงทำให้หนุ่มน้อยถึงกับหัวเราะพรืดก่อนตอบ
“ก็เป็นจริงๆ น่ะสิ อย่าไปสนใจเขาเลย เอาเป็นว่าทีหลังถ้าจะมาเก็บก็ดูให้ดีนะ ถ้าเห็นพี่อยู่เก็บได้โลด แต่ถ้าเห็นพี่ธีร์อยู่ก็อย่ามาเก็บล่ะ เดี๋ยวถูกดุอีก”
“ด่าด้วย เขาชอบด่าหนูว่าสกปรก เขาหาว่าหนูเป็นเด็กขยะ!”
เด็กหญิงได้ทีฟ้องปากเล็กยื่นออกอย่างไม่ชอบใจ ขณะที่หนุ่มน้อยลูกชายคนเล็กของเจ้าของบ้านก็ได้แต่ถอนใจยิ้มๆ เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไร เขารอจนแม่หนูช่างพูดเก็บขยะจนเสร็จจึงได้กลับเข้าบ้าน...