สาวน้อย
กาลเวลาผ่านไป จากฤดูกาลหนึ่งสู่ฤดูกาลหนึ่งจากเด็กหนุ่มสูงเก้งก้าง กลับกลายเป็นหนุ่มหล่อขวัญใจของสาวๆมากมาย
ธีร์ธวัชกวาดตาคมกริบของเขามองไปทั่วสนามหญ้าด้วยสายตาพอใจวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบสองปีของเขาและยังเป็นวันเลี้ยงส่งเพื่อเดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศหลังจากเรียนจบในระดับปริญญาตรีแล้ว
ดังนั้นภายในคฤหาสน์อนันตเมธาจึงคึกคักและคลาคล่ำไปด้วยหมู่วัยรุ่นและญาติพี่น้องของชายหนุ่มที่มาร่วมอวยพรวันเกิดและเลี้ยงส่งไปในตัว
“เฮ้ยธีร์นายเดินทางพรุ่งนี้เลยเหรอวะ” ศรุตเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามารวมกลุ่ม
“ใช่ แล้วนายล่ะจะไปเมื่อไร”
“อีกสักสองสามเดือนค่อยไปเออ... ไหนน้องเนยวะวันนี้ไม่เห็นหน้าเลย นายไม่ได้เชิญเหรอวะ”
ศรุตเอ่ยถามถึงกิ๊กคนล่าสุดของเพื่อน ที่ทั้งสวยทั้งเปรี้ยวจนเข็ดฟัน
“เดี๋ยวก็มา ทำไมเหรอ” คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ทว่าแววตาไหวระริกอย่างรู้ทัน
“เปล่า ถามเฉยๆ แต่นายไปนานๆ แบบนี้ถ้าน้องเนยเกิดเหงาขึ้นมา ฉันขออาสาคลายเหงาให้น้องเขานะเว้ย”
คำขอแบบหน้าด้านๆ ของศรุตทำให้ธีร์ธวัชหัวเราะเบาๆ คิดแล้วไม่มีผิดและเป็นแบบนี้เสมอเขาไม่เคยหวงใคร เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้หญิงเหล่านั้น ที่สำคัญการเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ ก็บอกเป็นนัยอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและสาวๆ ทุกคนก็มีอันต้องจบลงโดยอัตโนมัติ
“ตามใจนายสิ แต่อันนี้ต้องแล้วแต่น้องเขาด้วย ข้าไม่เกี่ยว”
“มันต้องแบบนี้สิวะถึงจะเรียกว่ารักกันจริง ไปๆ ไปหาแอลกอฮอล์มากระแทกปากกันดีกว่า”
ภายในงานคึกคักสนุกสนาน แต่ธีรศักดิ์กลับมานั่งหลบมุมอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ค่อยชอบความวุ่นวายและเสียงอึกทึกครึกโครมเท่าไร หนุ่มน้อยวัยยี่สิบปีนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สอง เขาหลบเพื่อนชายหญิงของ ธีร์ธวัชและบรรดาญาติพี่น้องมานั่งทอดถอนหายใจพลางนึกถึงเด็กสาวหน้าใสเจ้าของร่างผอมบางที่พักนี้ไม่เห็นมาเก็บขยะเหมือนเดิม
ชายหนุ่มดีดนิ้วเปาะขึ้นทันทีเมื่อมองไปรอบๆ วันนี้มีของกินเยอะแยะ เหลือทิ้งมากมายตามเคยคิดได้ดังนั้นจึงเข้าครัวคว้าถุงใบใหญ่ พร้อมกับหยิบฉวยอาหารทั้งคาวและหวานตักใส่ถุงจัดการมัดปากถุงเสียดิบดีก่อนจะเดินออกทางประตูด้านข้างไปอย่างเงียบกริบ…
“กัน กัน อยู่หรือเปล่า”
ธีรศักดิ์ตะโกนเรียกเด็กสาวอยู่สองสามรอบก่อนจะเดินอ้อมไปยังหลังบ้านเล็กๆ ที่จะพังแหล่มิพังแหล่ของเด็กสาว ครู่หนึ่งจึงเดินกลับมาหน้าบ้านอีกครั้งพลางถอนหายใจยาว
“ไปไหนของเขานะ”
ชายหนุ่มบ่นพึมพำ เขาเกือบจะแขวนถุงอาหารไว้กับลูกบิดประตูถ้าเด็กสาวไม่โผล่ออกมาจากกองขยะด้านหน้าเสียก่อน
“กัน โว้ว... ทำอะไรน่ะ”
ธีรศักดิ์ตะโกนถามพลางยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นเด็กสาวในชุดกางเกงยีนสีซีดตัวเก่ากับเสื้อยืดแขนยาว ในมือยังมีถุงกระสอบใบใหญ่บรรจุขวดพลาสติกมากมายเดินตรงมาตรงหน้าเขา
“พี่ทิมมีอะไรเหรอจ๊ะ แล้วมานานหรือยัง”
เด็กสาววางถุงกระสอบลงกับพื้นพลางเงยหน้าขึ้นถามคนตัวสูงหน้าตาดีตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“พี่เอาของกินมาฝาก พอดีวันนี้บ้านพี่เขาจัดงานวันเกิดให้พี่ธีร์และก็เลี้ยงส่งไปนอกด้วย ของกินเยอะแยะพี่นึกถึงกัน ก็เลยเอามาให้”
กันติชามองถุงใหญ่ในมือของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตื้นตันปนละอายใจ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขามีน้ำใจแบบนี้กับหล่อน
ธีรศักดิ์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่กันติชาเอาแต่มองนิ่งแต่ไม่ยอมรับของที่เขาส่งให้
“รับไปสิ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก” เขาส่งถุงใบโตที่บรรจุอาหารและขนมให้สาวน้อยในขณะที่เจ้าหล่อนทำท่าลังเล
“แต่ว่าพี่ทิมเอามาให้หนูบ่อยจัง หนูเกรงใจ” น้ำเสียงหวานบ่งบอกถึงความเกรงอกเกรงใจอย่างมิได้เสแสร้ง
“เกรงใจอะไรกัน ของตั้งเยอะแยะ กินกันทั้งวันยังไม่หมด เหลือก็ทิ้งอีก น่า... เอาไปเถอะ ถ้าไม่รับไปนี่สิพี่เสียกำลังใจแย่”
หนุ่มน้อยยัดถุงอาหารใส่มือสาวน้อยก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณจ้ะ” เด็กสาวยิ้มให้ รู้สึกเต็มตื้นไปหมด “งั้นเดี๋ยวหนูเอาไปเก็บก่อนนะ”
ธีรศักดิ์รออยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวจึงออกมาพร้อมกับน้ำสะอาดในแก้วใสใบเขื่องแล้วส่งให้ธีรศักดิ์ อีกฝ่ายรีบรับไปดื่มโดยไม่รังเกียจสักนิด
“ขอบใจมาก แต่พี่ต้องกลับแล้ว เดี๋ยวคนในบ้านจะหาไม่เจอ เออ... กันจบมอหกแล้วจะเรียนที่ไหนล่ะ” คนทำท่าจะหมุนตัวกลับ หันมาถามสาวน้อย
“โห... อีกตั้งนานพี่ทิม หนูยังไม่คิดหรอก” เด็กสาวร้องบอก ดวงตายิบหยีด้วยรอยยิ้มขบขัน ต่างจากอีกฝ่ายที่ยิ้มอ่อนๆ ตามแบบของเขา
“คิดได้แล้วนะ ลองคิดดูสิ ว่าอยากเรียนอะไร ถึงตอนนั้นจะได้เลือกได้ พี่ไปล่ะ”
กันติชายืนมองร่างสูงที่เดินห่างออกไปด้วยหัวใจห่อเหี่ยวเรื่องของอนาคตสำหรับหล่อนแล้วแทบจะเรียกได้ว่าริบหรี่ การศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาจะต้องใช้เงินมาก ในขณะที่มารดานั้นหาเช้ากินค่ำเงินที่หามาได้เพียงพอแค่จุนเจือสองแม่ลูกไปวันๆ และหล่อนคงไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากมารดามากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว...
สองปีต่อมา
จากเด็กหญิงไว้ผมสั้นผูกหูกระต่าย วันนี้กันติชาเติบโตเป็นสาวน้อยแสนงดงามและได้ทำตามความฝันนั่นคือการเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้อย่างภาคภูมิใจ หลังจากมุมานะทำงานพิเศษทุกอย่างทั้งเก็บเงินตั้งใจเรียนและตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยมีติวเตอร์คนสำคัญคือธีรศักดิ์คอยผลักดัน ทุกวันเสาร์อาทิตย์เขาจะมาช่วยสอนวิชายากๆ ให้ภายในสวนสาธารณะใกล้บ้านจนในที่สุดความหวังของหล่อนก็เป็นจริงเมื่อสาวน้อยสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการตลาดได้สำเร็จ ซึ่งทั้งหล่อนและมารดาต่างดีใจเป็นอย่างมาก
“ทางนี้... กัน”
ร่างบางของกันติชาก้าวเข้าไปหาธีรศักดิ์ที่นั่งคอยอยู่ในรถยนต์คันหรูอย่างรวดเร็ว
“พี่ทิมเรียนเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ”
สาวร่างบางหน้าหวานเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มตรึงใจคนมองยิ่งนัก
“เสร็จแล้ววันนี้พี่มีเรียนแค่ช่วงเช้า กันก็เหมือนกันใช่ไหม”
“จ้ะ แล้วพี่ทิมจะไปไหนต่อล่ะ”
“เปล่า พี่มารับกัน”
กันติชามีสีหน้าแปลกใจ เมื่อชายหนุ่มบอกว่ามารับหล่อน
“มารับหนู? มารับทำไมจ๊ะ”
ธีรศักดิ์ยิ้มขัน หล่อนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเด็กหรือโต เคยพูดยังไงก็พูดยังงั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเมื่อต้องเข้าสังคมใหม่ แต่เขาว่ามันก็ดี ให้หล่อนเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว...
“ขึ้นมาเถอะเรียนเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อ กันติชามีท่าทีลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ได้จ้ะ เอ่อ...แต่หนูต้องแวะซื้อของที่ห้างก่อนนะจ๊ะ”
“ได้สิไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปช่วยถือของ”
เมื่อสบตายิ้มๆ และเต็มใจของเขา กันติชาจึงยิ้มตอบก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างชายหนุ่ม แล้วมุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าเป็นที่แรกก่อนจะกลับบ้าน...
ภายหลังจากจับจ่ายสินค้าเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยถามหญิงสาวเมื่อขับรถใกล้ถึงบ้าน
“กัน... แม่เป็นไงมั่ง หายดีหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้วจ้ะ เมื่อวานแม่ออกไปทำงานแล้ว แต่หนูก็ยังเป็นห่วงไม่อยากให้ไปทำเลย กลัวอาการจะกำเริบอีกครั้ง”
“นั่นสิ พี่ว่าแม่กิ่งสุขภาพแย่ลงนะ”
ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็นิ่งเงียบลงด้วยอาการครุ่นคิด หล่อนอยากหางานพิเศษทำนอกเวลาเรียน โชคดีที่เพื่อนใหม่แนะนำงานให้ แต่ตอนนี้กำลังคิดหนักเพราะงานที่ฝ่ายนั้นแนะนำคืองานพริตตี้ซึ่งทำให้ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่เพื่อนใหม่ยืนยันนักหนาว่าได้เงินดี สาวน้อยจึงคิดจะลองทำ เผื่อว่าสักวันจะได้ขยับขยายที่อยู่ใหม่ เพราะที่มารดาเจ็บไข้ได้ป่วยทุกวันนี้ส่วนหนึ่งมาจากสภาพแวดล้อม
อาการนิ่งเงียบของหญิงสาวทำให้ธีรศักดิ์เอ่ยถาม
“เป็นอะไรไปกัน เงียบเชียวพี่พูดอะไรผิดหรือเปล่า”
น้ำเสียงที่ถามออกมาทั้งเป็นห่วงและกังวลนั้นทำให้หญิงสาวยิ้มปลอบพลางบอกถึงสิ่งที่คิด
“เปล่าหรอกจ้ะพี่ทิม หนูแค่กำลังคิดว่าอยากจะย้ายบ้าน แต่ตอนนี้หนูต้องหางานทำก่อน อยากมีเงินเก็บสักก้อนจะได้เอาไปเป็นค่าเช่าบ้านใหม่น่ะจ้ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น
“กันจะทำงานอะไร แล้วจะไปอยู่ที่ไหน”
คำถามของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวก้มหน้าลงครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาพลางยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา
“หนูว่าจะลองไปเป็นพริตตี้ดูจ้ะ เห็นเพื่อนบอกว่าได้เงินดี ส่วนที่พักใหม่หนูต้องลองหาดูก่อน อยากได้ที่เงียบๆ แต่น่าอยู่และก็ไม่แพงนัก”
คำตอบของหญิงสาวยิ่งทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ถูกใจ ทั้งที่มีเขาอยู่ข้างๆ แท้ๆ แต่ไม่คิดจะปรึกษามิหนำซ้ำยังจะไปเป็นพริตตี้เสียอีก เขาไม่ยอมหรอก!
“ถ้าอยากทำงานจริงๆ เดี๋ยวพี่จะฝากงานที่บริษัทคุณพ่อให้ ไม่ต้องไปเป็นหรอกพริตตงพริตตี้น่ะ ส่วนบ้านเดี๋ยวพี่จะให้เพื่อนลองหาให้ เพื่อนพี่รู้จักที่ถูกๆ”
กันติชานิ่วหน้า แม้จะรู้สึกตื้นตันใจแต่ก็ไม่คิดว่าบิดาของเขาจะรับเด็กอย่างหล่อนเอาไว้ทำงานด้วยได้
“แล้วจะให้หนูไปทำงานอะไรได้ล่ะจ๊ะ หนูยังเรียนไม่จบเลย”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่บอกคุณพ่อให้ ตกลงตามนี้แล้วกันนะ”
ธีรศักดิ์ตัดบทพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของกันติชาก่อนจะช่วยหญิงสาวถือของและเดินไปส่ง
“ขอบคุณพี่ทิมมากนะจ๊ะที่มาส่งและก็จะช่วยหางานให้ทำ ส่วนเรื่องบ้านหนูคงต้องรออีกสักพัก เพราะตอนนี้หนูยังไม่มีเงินเลย อาจจะหาห้องเช่าที่เงียบๆ อยู่ไปก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจเรียนไปแล้วกัน ส่วนเรื่องงานเรื่องบ้านเดี๋ยวพี่ช่วยเอง”
เขาจัดแจงเสร็จสรรพ แล้วล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
“เอ่อ... ขอบคุณจ้ะ” สาวน้อยอ้อมแอ้มตอบ รู้สึกหนักใจที่อีกฝ่ายเสนอตัวช่วยเหลือตามเคย แต่จะปฏิเสธก็รู้นิสัยของเขาดีว่าไม่มีทางยอมแน่นอน
“กัน... นี่ตารางเรียนพี่นะ”
กันติชารับตารางเรียนของอีกฝ่ายมาถือไว้มองเขาสลับกระดาษในมือด้วยสายตาแปลกใจ
“พี่ทิมให้กันไว้ทำไม”
ธีรศักดิ์ยิ้มให้สาวน้อยก่อนจะยกกระดาษอีกแผ่นขึ้นชูให้หญิงสาวดูแล้วตอบคำถาม
“จะได้รู้ไงว่าวันไหนพี่มีเรียนตอนไหน ส่วนนี่ของกัน เราแลกกันนะจะได้รู้ว่าใครมีเรียนตอนไหน”
สาวน้อยทำตาโต เมื่ออีกฝ่ายมีตารางเรียนของตน
“แล้วพี่ทิมไปเอาตารางเรียนหนูมาได้ไงน่ะ”
“เถอะน่ารู้แล้วกัน…”
กันติชาเม้มปากอย่างขัดใจในขณะที่อีกฝ่ายกลับยิ้มกริ่ม พลางกวาดตามองใบหน้างดงามจิ้มลิ้มของสาวน้อยอย่างชื่นชมในใจ ครู่ต่อมา ธีรศักดิ์จึงเอ่ยขึ้นว่า
“กัน...พี่รู้ว่ากันยังไม่มีใคร พี่อยากให้กันรู้ว่ากันมีพี่เสมอ พี่เองก็มีกันเสมอไม่ว่ายังไงพี่จะอยู่ข้างๆ กัน”
คำพูดอ่อนหวานของชายหนุ่มทำให้หัวใจดวงน้อยของกันติชาเต้นโลดดวงตาคู่งามเผลอสบตาที่มองมาอย่างอ่อนโยนด้วยอาการตกตะลึงแกมขัดเขิน เพราะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อ แก้มใสๆ ร้อนผ่าวและแดงเรื่อขึ้นทันทีเพราะหล่อนเองก็ประทับใจทุกอย่างที่เป็นเขาเสมอมา และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีใจตรงกัน...
“เอ่อ… คือหนู… หนูขึ้นบ้านดีกว่า”
ว่าแล้วกันติชาก็หันหลังให้ชายหนุ่มพลางวิ่งขึ้นบ้านอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย ในขณะที่ธีรศักดิ์ก็ได้แต่ยืนหัวเราะด้วยความรู้สึกเบิกบานใจที่สุด
ความรู้สึกนี้เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด รู้อีกทีก็หลงรักสาวน้อยคนนี้เต็มเปา คนที่เขาคอยให้ความช่วยเหลือมาตลอดโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ทว่าเวลานี้ต่างไป เมื่อเขารู้ว่าคิดเช่นไรกับหล่อน เขากลับหวังให้หล่อนมีความรู้สึกและหัวใจตรงกันเป็นครั้งแรก…