สาวน้อย

2296 Words
สาวน้อย กาลเวลาผ่านไป จากฤดูกาลหนึ่งสู่ฤดูกาลหนึ่งจากเด็กหนุ่มสูงเก้งก้าง กลับกลายเป็นหนุ่มหล่อขวัญใจของสาวๆมากมาย  ธีร์ธวัชกวาดตาคมกริบของเขามองไปทั่วสนามหญ้าด้วยสายตาพอใจวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบสองปีของเขาและยังเป็นวันเลี้ยงส่งเพื่อเดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศหลังจากเรียนจบในระดับปริญญาตรีแล้ว ดังนั้นภายในคฤหาสน์อนันตเมธาจึงคึกคักและคลาคล่ำไปด้วยหมู่วัยรุ่นและญาติพี่น้องของชายหนุ่มที่มาร่วมอวยพรวันเกิดและเลี้ยงส่งไปในตัว “เฮ้ยธีร์นายเดินทางพรุ่งนี้เลยเหรอวะ” ศรุตเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามารวมกลุ่ม “ใช่ แล้วนายล่ะจะไปเมื่อไร” “อีกสักสองสามเดือนค่อยไปเออ... ไหนน้องเนยวะวันนี้ไม่เห็นหน้าเลย นายไม่ได้เชิญเหรอวะ” ศรุตเอ่ยถามถึงกิ๊กคนล่าสุดของเพื่อน ที่ทั้งสวยทั้งเปรี้ยวจนเข็ดฟัน “เดี๋ยวก็มา ทำไมเหรอ” คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ทว่าแววตาไหวระริกอย่างรู้ทัน “เปล่า ถามเฉยๆ แต่นายไปนานๆ แบบนี้ถ้าน้องเนยเกิดเหงาขึ้นมา ฉันขออาสาคลายเหงาให้น้องเขานะเว้ย” คำขอแบบหน้าด้านๆ ของศรุตทำให้ธีร์ธวัชหัวเราะเบาๆ คิดแล้วไม่มีผิดและเป็นแบบนี้เสมอเขาไม่เคยหวงใคร เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้หญิงเหล่านั้น ที่สำคัญการเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ ก็บอกเป็นนัยอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและสาวๆ ทุกคนก็มีอันต้องจบลงโดยอัตโนมัติ  “ตามใจนายสิ แต่อันนี้ต้องแล้วแต่น้องเขาด้วย ข้าไม่เกี่ยว” “มันต้องแบบนี้สิวะถึงจะเรียกว่ารักกันจริง ไปๆ ไปหาแอลกอฮอล์มากระแทกปากกันดีกว่า” ภายในงานคึกคักสนุกสนาน แต่ธีรศักดิ์กลับมานั่งหลบมุมอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ค่อยชอบความวุ่นวายและเสียงอึกทึกครึกโครมเท่าไร หนุ่มน้อยวัยยี่สิบปีนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สอง เขาหลบเพื่อนชายหญิงของ  ธีร์ธวัชและบรรดาญาติพี่น้องมานั่งทอดถอนหายใจพลางนึกถึงเด็กสาวหน้าใสเจ้าของร่างผอมบางที่พักนี้ไม่เห็นมาเก็บขยะเหมือนเดิม ชายหนุ่มดีดนิ้วเปาะขึ้นทันทีเมื่อมองไปรอบๆ วันนี้มีของกินเยอะแยะ เหลือทิ้งมากมายตามเคยคิดได้ดังนั้นจึงเข้าครัวคว้าถุงใบใหญ่ พร้อมกับหยิบฉวยอาหารทั้งคาวและหวานตักใส่ถุงจัดการมัดปากถุงเสียดิบดีก่อนจะเดินออกทางประตูด้านข้างไปอย่างเงียบกริบ… “กัน กัน อยู่หรือเปล่า” ธีรศักดิ์ตะโกนเรียกเด็กสาวอยู่สองสามรอบก่อนจะเดินอ้อมไปยังหลังบ้านเล็กๆ ที่จะพังแหล่มิพังแหล่ของเด็กสาว ครู่หนึ่งจึงเดินกลับมาหน้าบ้านอีกครั้งพลางถอนหายใจยาว “ไปไหนของเขานะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ เขาเกือบจะแขวนถุงอาหารไว้กับลูกบิดประตูถ้าเด็กสาวไม่โผล่ออกมาจากกองขยะด้านหน้าเสียก่อน “กัน โว้ว... ทำอะไรน่ะ” ธีรศักดิ์ตะโกนถามพลางยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นเด็กสาวในชุดกางเกงยีนสีซีดตัวเก่ากับเสื้อยืดแขนยาว ในมือยังมีถุงกระสอบใบใหญ่บรรจุขวดพลาสติกมากมายเดินตรงมาตรงหน้าเขา “พี่ทิมมีอะไรเหรอจ๊ะ แล้วมานานหรือยัง” เด็กสาววางถุงกระสอบลงกับพื้นพลางเงยหน้าขึ้นถามคนตัวสูงหน้าตาดีตรงหน้าอย่างแปลกใจ “พี่เอาของกินมาฝาก พอดีวันนี้บ้านพี่เขาจัดงานวันเกิดให้พี่ธีร์และก็เลี้ยงส่งไปนอกด้วย ของกินเยอะแยะพี่นึกถึงกัน ก็เลยเอามาให้” กันติชามองถุงใหญ่ในมือของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตื้นตันปนละอายใจ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขามีน้ำใจแบบนี้กับหล่อน  ธีรศักดิ์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่กันติชาเอาแต่มองนิ่งแต่ไม่ยอมรับของที่เขาส่งให้ “รับไปสิ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก” เขาส่งถุงใบโตที่บรรจุอาหารและขนมให้สาวน้อยในขณะที่เจ้าหล่อนทำท่าลังเล “แต่ว่าพี่ทิมเอามาให้หนูบ่อยจัง หนูเกรงใจ” น้ำเสียงหวานบ่งบอกถึงความเกรงอกเกรงใจอย่างมิได้เสแสร้ง “เกรงใจอะไรกัน ของตั้งเยอะแยะ กินกันทั้งวันยังไม่หมด เหลือก็ทิ้งอีก น่า... เอาไปเถอะ ถ้าไม่รับไปนี่สิพี่เสียกำลังใจแย่” หนุ่มน้อยยัดถุงอาหารใส่มือสาวน้อยก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “ขอบคุณจ้ะ” เด็กสาวยิ้มให้ รู้สึกเต็มตื้นไปหมด “งั้นเดี๋ยวหนูเอาไปเก็บก่อนนะ” ธีรศักดิ์รออยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวจึงออกมาพร้อมกับน้ำสะอาดในแก้วใสใบเขื่องแล้วส่งให้ธีรศักดิ์ อีกฝ่ายรีบรับไปดื่มโดยไม่รังเกียจสักนิด “ขอบใจมาก แต่พี่ต้องกลับแล้ว เดี๋ยวคนในบ้านจะหาไม่เจอ เออ... กันจบมอหกแล้วจะเรียนที่ไหนล่ะ” คนทำท่าจะหมุนตัวกลับ หันมาถามสาวน้อย “โห... อีกตั้งนานพี่ทิม หนูยังไม่คิดหรอก” เด็กสาวร้องบอก ดวงตายิบหยีด้วยรอยยิ้มขบขัน ต่างจากอีกฝ่ายที่ยิ้มอ่อนๆ ตามแบบของเขา “คิดได้แล้วนะ ลองคิดดูสิ ว่าอยากเรียนอะไร ถึงตอนนั้นจะได้เลือกได้ พี่ไปล่ะ” กันติชายืนมองร่างสูงที่เดินห่างออกไปด้วยหัวใจห่อเหี่ยวเรื่องของอนาคตสำหรับหล่อนแล้วแทบจะเรียกได้ว่าริบหรี่ การศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาจะต้องใช้เงินมาก ในขณะที่มารดานั้นหาเช้ากินค่ำเงินที่หามาได้เพียงพอแค่จุนเจือสองแม่ลูกไปวันๆ และหล่อนคงไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากมารดามากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว... สองปีต่อมา จากเด็กหญิงไว้ผมสั้นผูกหูกระต่าย วันนี้กันติชาเติบโตเป็นสาวน้อยแสนงดงามและได้ทำตามความฝันนั่นคือการเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้อย่างภาคภูมิใจ หลังจากมุมานะทำงานพิเศษทุกอย่างทั้งเก็บเงินตั้งใจเรียนและตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยมีติวเตอร์คนสำคัญคือธีรศักดิ์คอยผลักดัน ทุกวันเสาร์อาทิตย์เขาจะมาช่วยสอนวิชายากๆ ให้ภายในสวนสาธารณะใกล้บ้านจนในที่สุดความหวังของหล่อนก็เป็นจริงเมื่อสาวน้อยสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการตลาดได้สำเร็จ ซึ่งทั้งหล่อนและมารดาต่างดีใจเป็นอย่างมาก “ทางนี้... กัน” ร่างบางของกันติชาก้าวเข้าไปหาธีรศักดิ์ที่นั่งคอยอยู่ในรถยนต์คันหรูอย่างรวดเร็ว “พี่ทิมเรียนเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ” สาวร่างบางหน้าหวานเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มตรึงใจคนมองยิ่งนัก “เสร็จแล้ววันนี้พี่มีเรียนแค่ช่วงเช้า กันก็เหมือนกันใช่ไหม” “จ้ะ แล้วพี่ทิมจะไปไหนต่อล่ะ” “เปล่า พี่มารับกัน” กันติชามีสีหน้าแปลกใจ เมื่อชายหนุ่มบอกว่ามารับหล่อน “มารับหนู? มารับทำไมจ๊ะ” ธีรศักดิ์ยิ้มขัน หล่อนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเด็กหรือโต เคยพูดยังไงก็พูดยังงั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเมื่อต้องเข้าสังคมใหม่ แต่เขาว่ามันก็ดี ให้หล่อนเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว... “ขึ้นมาเถอะเรียนเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อ       กันติชามีท่าทีลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด “ก็ได้จ้ะ เอ่อ...แต่หนูต้องแวะซื้อของที่ห้างก่อนนะจ๊ะ” “ได้สิไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปช่วยถือของ” เมื่อสบตายิ้มๆ และเต็มใจของเขา กันติชาจึงยิ้มตอบก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างชายหนุ่ม แล้วมุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าเป็นที่แรกก่อนจะกลับบ้าน... ภายหลังจากจับจ่ายสินค้าเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงเอ่ยถามหญิงสาวเมื่อขับรถใกล้ถึงบ้าน “กัน... แม่เป็นไงมั่ง หายดีหรือยัง” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เมื่อวานแม่ออกไปทำงานแล้ว แต่หนูก็ยังเป็นห่วงไม่อยากให้ไปทำเลย กลัวอาการจะกำเริบอีกครั้ง” “นั่นสิ พี่ว่าแม่กิ่งสุขภาพแย่ลงนะ” ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็นิ่งเงียบลงด้วยอาการครุ่นคิด หล่อนอยากหางานพิเศษทำนอกเวลาเรียน โชคดีที่เพื่อนใหม่แนะนำงานให้ แต่ตอนนี้กำลังคิดหนักเพราะงานที่ฝ่ายนั้นแนะนำคืองานพริตตี้ซึ่งทำให้ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่เพื่อนใหม่ยืนยันนักหนาว่าได้เงินดี สาวน้อยจึงคิดจะลองทำ เผื่อว่าสักวันจะได้ขยับขยายที่อยู่ใหม่ เพราะที่มารดาเจ็บไข้ได้ป่วยทุกวันนี้ส่วนหนึ่งมาจากสภาพแวดล้อม อาการนิ่งเงียบของหญิงสาวทำให้ธีรศักดิ์เอ่ยถาม “เป็นอะไรไปกัน เงียบเชียวพี่พูดอะไรผิดหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามออกมาทั้งเป็นห่วงและกังวลนั้นทำให้หญิงสาวยิ้มปลอบพลางบอกถึงสิ่งที่คิด “เปล่าหรอกจ้ะพี่ทิม หนูแค่กำลังคิดว่าอยากจะย้ายบ้าน แต่ตอนนี้หนูต้องหางานทำก่อน อยากมีเงินเก็บสักก้อนจะได้เอาไปเป็นค่าเช่าบ้านใหม่น่ะจ้ะ” คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น “กันจะทำงานอะไร แล้วจะไปอยู่ที่ไหน” คำถามของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวก้มหน้าลงครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาพลางยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา “หนูว่าจะลองไปเป็นพริตตี้ดูจ้ะ เห็นเพื่อนบอกว่าได้เงินดี ส่วนที่พักใหม่หนูต้องลองหาดูก่อน อยากได้ที่เงียบๆ แต่น่าอยู่และก็ไม่แพงนัก” คำตอบของหญิงสาวยิ่งทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ถูกใจ ทั้งที่มีเขาอยู่ข้างๆ แท้ๆ แต่ไม่คิดจะปรึกษามิหนำซ้ำยังจะไปเป็นพริตตี้เสียอีก เขาไม่ยอมหรอก! “ถ้าอยากทำงานจริงๆ เดี๋ยวพี่จะฝากงานที่บริษัทคุณพ่อให้ ไม่ต้องไปเป็นหรอกพริตตงพริตตี้น่ะ ส่วนบ้านเดี๋ยวพี่จะให้เพื่อนลองหาให้ เพื่อนพี่รู้จักที่ถูกๆ” กันติชานิ่วหน้า แม้จะรู้สึกตื้นตันใจแต่ก็ไม่คิดว่าบิดาของเขาจะรับเด็กอย่างหล่อนเอาไว้ทำงานด้วยได้ “แล้วจะให้หนูไปทำงานอะไรได้ล่ะจ๊ะ หนูยังเรียนไม่จบเลย” “ได้สิ เดี๋ยวพี่บอกคุณพ่อให้ ตกลงตามนี้แล้วกันนะ” ธีรศักดิ์ตัดบทพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของกันติชาก่อนจะช่วยหญิงสาวถือของและเดินไปส่ง “ขอบคุณพี่ทิมมากนะจ๊ะที่มาส่งและก็จะช่วยหางานให้ทำ ส่วนเรื่องบ้านหนูคงต้องรออีกสักพัก เพราะตอนนี้หนูยังไม่มีเงินเลย อาจจะหาห้องเช่าที่เงียบๆ อยู่ไปก่อน” “ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจเรียนไปแล้วกัน ส่วนเรื่องงานเรื่องบ้านเดี๋ยวพี่ช่วยเอง” เขาจัดแจงเสร็จสรรพ แล้วล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า “เอ่อ... ขอบคุณจ้ะ” สาวน้อยอ้อมแอ้มตอบ รู้สึกหนักใจที่อีกฝ่ายเสนอตัวช่วยเหลือตามเคย แต่จะปฏิเสธก็รู้นิสัยของเขาดีว่าไม่มีทางยอมแน่นอน “กัน... นี่ตารางเรียนพี่นะ” กันติชารับตารางเรียนของอีกฝ่ายมาถือไว้มองเขาสลับกระดาษในมือด้วยสายตาแปลกใจ “พี่ทิมให้กันไว้ทำไม” ธีรศักดิ์ยิ้มให้สาวน้อยก่อนจะยกกระดาษอีกแผ่นขึ้นชูให้หญิงสาวดูแล้วตอบคำถาม “จะได้รู้ไงว่าวันไหนพี่มีเรียนตอนไหน ส่วนนี่ของกัน เราแลกกันนะจะได้รู้ว่าใครมีเรียนตอนไหน” สาวน้อยทำตาโต เมื่ออีกฝ่ายมีตารางเรียนของตน “แล้วพี่ทิมไปเอาตารางเรียนหนูมาได้ไงน่ะ” “เถอะน่ารู้แล้วกัน…” กันติชาเม้มปากอย่างขัดใจในขณะที่อีกฝ่ายกลับยิ้มกริ่ม พลางกวาดตามองใบหน้างดงามจิ้มลิ้มของสาวน้อยอย่างชื่นชมในใจ ครู่ต่อมา ธีรศักดิ์จึงเอ่ยขึ้นว่า “กัน...พี่รู้ว่ากันยังไม่มีใคร พี่อยากให้กันรู้ว่ากันมีพี่เสมอ พี่เองก็มีกันเสมอไม่ว่ายังไงพี่จะอยู่ข้างๆ กัน” คำพูดอ่อนหวานของชายหนุ่มทำให้หัวใจดวงน้อยของกันติชาเต้นโลดดวงตาคู่งามเผลอสบตาที่มองมาอย่างอ่อนโยนด้วยอาการตกตะลึงแกมขัดเขิน เพราะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อ แก้มใสๆ ร้อนผ่าวและแดงเรื่อขึ้นทันทีเพราะหล่อนเองก็ประทับใจทุกอย่างที่เป็นเขาเสมอมา และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีใจตรงกัน... “เอ่อ… คือหนู… หนูขึ้นบ้านดีกว่า” ว่าแล้วกันติชาก็หันหลังให้ชายหนุ่มพลางวิ่งขึ้นบ้านอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย ในขณะที่ธีรศักดิ์ก็ได้แต่ยืนหัวเราะด้วยความรู้สึกเบิกบานใจที่สุด ความรู้สึกนี้เขาไม่รู้หรอกว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด รู้อีกทีก็หลงรักสาวน้อยคนนี้เต็มเปา คนที่เขาคอยให้ความช่วยเหลือมาตลอดโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ทว่าเวลานี้ต่างไป เมื่อเขารู้ว่าคิดเช่นไรกับหล่อน เขากลับหวังให้หล่อนมีความรู้สึกและหัวใจตรงกันเป็นครั้งแรก…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD