๔
ประทับใจ
เย็นนี้ธีรศักดิ์ไม่ได้ไปส่งกันติชาเหมือนเช่นเคย เขาโทรศัพท์บอกกับคนรักว่าต้องออกไปพบลูกค้า หญิงสาวจึงต้องกลับบ้านเพียงลำพังเมื่อมีเวลาว่างหญิงสาวก็นึกแวบถึงเหตุการณ์ช่วงสายแก้มสีเรื่อจึงร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่คิดถึง
บ้าจังทำไมต้องคิดถึงผู้ชายคนนั้นด้วยนะ ไม่ดีเลยนะกัน
หญิงสาวบอกปรามใจตนเอง แต่กระนั้นบางอย่างในตัวของ ธีร์ธวัชทำให้หล่อนรู้สึกถึงความคลับคล้ายคลับคลา ราวกับว่าเคยพบกันมาก่อน โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่คมกริบของเขาช่างคุ้นเหลือเกิน ทว่าพยายามนึกเท่าไรกลับนึกไม่ออก...
กันติชาพยายามลบใบหน้าชายหนุ่มไปจากห้วงคำนึง แล้วบอกตนเองให้คิดถึงแต่ธีรศักดิ์เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่หญิงสาวกลับทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด เพราะใจไม่รักดีคอยแต่จะคิดไปถึงใบหน้าคมเข้มได้รูปราวพระเอกละครกับบุคลิกสง่าผ่าเผยของเขาอยู่ร่ำไป
หญิงสาวนิ่วหน้า รู้สึกถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างธีร์ธวัชและ ธีรศักดิ์ เพียงแต่ธีรศักดิ์จะมีใบหน้าที่อ่อนโยนกว่าและกระเดียดไปทางผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ เรือนร่างของธีรศักดิ์สูงเพรียวแต่ไม่แข็งแกร่งเท่าผู้ชายคนนั้น ขณะที่ธีร์ธวัชมีเครื่องหน้าคมเข้มชวนมองและร่างกายใหญ่โตซ่อนความกำยำไว้ภายใต้เสื้อผ้าราคาแพง
ราวกับว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นตัวแทนความงามแห่งบุรุษเพศที่ถูกแบ่งแยกด้วยด้านมืดและสว่าง และถ้าจะเปรียบธีรศักดิ์เป็นทิวาเช่นนั้นแล้ว ธีร์ธวัชก็คือราตรีไม่ผิดเพี้ยน…
กันติชายกแขนที่เท้ากับขอบหน้าต่างรถเมล์ออกเมื่อเตือนตัวเองว่าหล่อนชักจะคิดไปไกลใหญ่แล้ว เพราะไม่ว่าจะมีใครที่ดีเลิศเลอเข้ามา ก็คงไม่มีค่าเทียบเท่าคนแสนดีอย่างธีรศักดิ์ ที่อยู่เคียงข้างเสมอมาไม่ว่าหล่อนจะสุขหรือทุกข์ ยอมรับทุกสิ่งที่หล่อนเป็น
นี่ต่างหากคือความดีที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริงใช่ว่าจะมีดีเพียงแค่รูปกาย ซึ่งไม่แน่ว่า นายเทพบุตรคนนั้นอาจจะมีนิสัยตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาก็ได้ใครจะไปรู้…
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หญิงสาวก็มองหามารดาทันที
“แม่…”
หญิงสาวเดินเข้าไปภายในห้องนอนของมารดา ทว่าภาพที่มารดานอนนิ่งทำให้ใจดวงน้อยหล่นลงไปกองแทบเท้า ร่างบางถลาเข้าไปหาทันที
“แม่! แม่เป็นอะไร”
หญิงสาวเขย่ามารดาเบาๆ พร้อมกับร้องเรียกด้วยอาการใจเสีย แต่ครู่ต่อมาดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆ เผยอปรือเปิดขึ้นมอง
“กันเองหรือลูก”
กันติชาโล่งอก พลางยิ้มให้มารดา
“จ้ะ แม่เป็นอะไรไปจ๊ะ”
“แม่เวียนหัวน่ะลูก จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น มันหนักหัวไปหมด”
คำบอกเล่าของมารดาทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
“หนูว่าไปหาหมอกันดีกว่านะแม่ แม่ลุกไหวไหมจ๊ะ” หญิงสาวขยับตัวหมายจะพยุงมารดาให้ลุกขึ้น
“แม่ว่านอนพักอีกสักหน่อยก็น่าจะดีขึ้นนะลูก อย่าเพิ่งไปเลย”
“แต่ว่าหนูกลัวว่าแม่จะหน้ามืดเป็นลมไปอีก แล้วช่วงนี้หนูต้องทำงานเยอะด้วย ไปนอนโรงพยาบาลเถอะนะจ๊ะ ยังไงที่นั่นก็มีพยาบาลคอยดูแลเวลาที่หนูต้องไปทำงาน”
กันติชาพยายามหว่านล้อมมารดา เพราะหญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงมารดายิ่งนักไม่อยากทิ้งให้ท่านต้องอยู่เพียงลำพังจะหยุดงานอยู่ดูแลก็คงจะไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้ก็หยุดมาแล้วหลายครั้ง
“เอางั้นรึ?...”
กิ่งแก้วถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยอยากไปเท่าไร เพราะคนที่ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลนั้นย่อมรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสักแค่ไหนเมื่อต้องอาศัยโรงพยาบาลแทนบ้าน ไหนจะกลิ่นยาสารพัด ไม่มีอะไรสดชื่นสักนิด มีแต่ความเจ็บไข้ได้ป่วยและความตาย…
“ความจริงถ้าหนูมีเวลาว่างหนูก็อยากดูแลแม่เองแต่ว่า…”
“เอาเถอะ” มารดาโบกมือตัดบท“ไปก็ไป ดีเหมือนกันคราวนี้จะได้ให้หมอเขาตรวจให้ละเอียดไปเลย อยากรู้จริงๆ ทำไมไม่ยอมหายเสียที เป็นๆ หายๆ อยู่นั่นแหละ”
มารดาบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าปนหงุดหงิดในตัวเอง ที่ไม่ยอมหายจากอาการนี้เสียที
คฤหาสน์อนันตเมธา
ธีรศักดิ์เดินเข้ามายังห้องฟิตเนส เขาชะงักก่อนจะยิ้มจางๆ เมื่อพบว่าพี่ชายกำลังออกกำลังกายอยู่ด้านใน
“ฟิตแต่วันเชียวนะพี่”ธีรศักดิ์เปรยขณะก้าวเข้าไปสมทบ เขาหยิบดัมบ์เบลล์มาถือแล้วยกขึ้นลงคนที่เข้ามาก่อนหันไปมองน้องชายแวบหนึ่งก่อนจะตอบยิ้มๆ
“นายก็เหมือนกันนี่ ว่าแต่ทำไมกลับเร็ว ไหนบอกไปเจอลูกค้า”
ธีร์ธวัชเอ่ยถามเมื่อละจากลู่วิ่งเดินมาหยิบผ้าขนหนูสีขาวสะอาดขึ้นมาซับเหงื่อที่ใบหน้า
“พอดีลูกค้าโทร.มาเลื่อนน่ะครับ ว่าแต่วันนี้เป็นไงบ้างฮะ เริ่มงานวันแรก”
ธีรศักดิ์เงยหน้าขึ้นถามพี่ชาย พลางนึกชื่นชมอยู่ในใจว่าพี่ชายของเขานอกจากจะหน้าตาหล่อเหลาแล้วรูปร่างยังบึกบึนแข็งแกร่งได้สัดส่วน เขาเสียอีกที่ยังไม่ค่อยมีมัดกล้ามเหมือนพี่ชาย
“ก็ดี… เออทิมวันนี้พี่เจอสาวสวยคนหนึ่งว่ะ น่ารักถูกใจพี่มากตัวงี้ก็โคตรหอม”
ธีรศักดิ์ขมวดคิ้วทำท่าสงสัยก่อนจะวางดัมบ์เบลล์ลงแล้วหันมามองพี่ชาย
“ที่ทำงานเนี่ยนะ”
“อืม...” พี่ชายพยักหน้ายิ้มกริ่ม
“โหพี่ผมนี่ไวไฟจริงๆ ว่าแต่รู้ได้ไงว่าตัวเขาหอม ไปดมเขาตั้งแต่เมื่อไร”
ชายหนุ่มถามยิ้มๆ พลางเลิกคิ้วรอคำตอบจากพี่ชายจอมเจ้าชู้
“ก็…เดินชนกัน พี่ก็เลยได้โอบกอดสาวแบบสนิทชิดเชื้อโดยที่ไม่ทันตั้งตัวน่ะสิ ถึงได้รู้ว่าหอม”
ธีรศักดิ์หัวเราะเบาๆ พลางกล่าวออกมาว่า
“ยังงี้สาวคนนั้นก็ไม่รู้น่ะสิฮะ ว่าเดินชนหัวงูเข้าให้แล้ว”
พี่ชายทำหน้าระรื่นไม่ยี่หระอะไรสักนิด ก่อนจะปฏิเสธพอเป็นพิธี
“ฮื้อ หัวงงหัวงูอะไรกั๊นพี่น่ะ สุภาพบุรุษทั้งแท่ง ที่ทำแบบนั้นก็เพราะช่วยเธอไม่ให้ล้มลงไปหรอกนะ”
“ครับผม ว่าแต่เธอชื่ออะไรพี่ถามรึเปล่า”
“ถามสิมือชั้นนี้พลาดได้ไง เธอชื่อ…เดี๋ยวนะ”
ตื๊ด…ตื๊ด…ตื๊ด…
ธีร์ธวัชชะงักเพียงแค่ชื่อเอาไว้ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วริมฝีปากที่สร้างความร้อนรุ่มให้กับสาวสวยมากหน้าหลายตาก็หยักยิ้มขึ้นอย่างถูกใจ
“สวัสดีครับลิน…”
“ดีค่ะที่รัก คุณน่ะไม่โทร.หาลินเลยนะคะ ลินคิดถึงคุณจะแย่แล้ว”
“ผมก็คิดถึงคุณ แต่ผมต้องทำงานก็เลยไม่ได้โทร.หา”
“อะไรกันคะ มาถึงก็ทำงานเลยเหรอ จะขยันไปถึงไหน แค่นี้คุณก็รวยไม่รู้เรื่องแล้วนะคะ ไหนจะเงินจากที่คุณทำงาน ไหนจะเงินจากมรดก ไม่รู้แหละยังไงเย็นนี้ต้องออกมารับลินไปทานข้าวนะคะ”
อลินกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน ชายหนุ่มจึงหันไปยักคิ้วให้น้องชายที่มองมายิ้มๆ อย่างเย้ยๆ
“โอเคครับ เย็นนี้คุณแต่งตัวสวยๆ รอผมได้เลย เดี๋ยวผมจะเข้าไปรับคุณ แค่นี้นะครับ”
“โอเคค่ะ ลินจะรอคุณ แล้วเจอกันค่ะที่รัก จุ๊บ”
เมื่ออลินวางสายไปแล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปบอกกับน้องชาย
“เย็นนี้พี่จะออกไปข้างนอกนะ ถ้าคุณพ่อถามก็บอกไปว่าพี่ออกไปกับเพื่อน”
ธีรศักดิ์ยิ้มอย่างรู้ทัน
“ครับไม่ต้องห่วง แต่เพื่อนที่ว่านี่ เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนนอนหรือว่าตัวจริงครับ”
คำถามที่หยอดมาในตอนท้ายทำให้ธีร์ธวัชนิ่งคิดอยู่ครู่ แต่แล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดแต่เธอเป็นผู้หญิงที่ถูกใจพี่ทุกอย่าง แต่สำหรับเรื่องสำคัญ พี่ยังไม่คิด”
ธีร์ธวัชเดินไปตบไหล่หนาของน้องชายเบาๆ ก่อนจะเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดีลืมเรื่องที่พูดค้างไว้กับอีกฝ่ายเสียสนิท…