ผู้ชายในสายฝน 2

1278 Words
เช้าวันต่อมา เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงนกที่ร้องอยู่ริมหน้าต่างและเสียงทะเลาะกันของป้ากับหลานวัยแปดขวบที่อยู่ข้างบ้าน อากาศยามเช้าเย็นสบาย เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกหนัก เธอลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจจนพอใจ แล้วจึงเปิดประตูเดินออกไปนอกห้องนอน ทันทีที่ประตูเปิดออก เธอก็ต้องสะดุ้งและกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น และมองมาที่เธอด้วยดวงตาคมกริบ ‘เฮ้ย คุณ เข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง’ เธอชี้หน้าเขา ก่อนจะนึกได้ว่า เมื่อคืนนี้ เธอช่วยคนคนหนึ่งขึ้นมาจากน้ำนี่นา มือที่ชี้เขาจึงถูกลดลง แล้วรีบเดินไปใกล้ ‘นี่คุณโอเคแล้วเหรอ’ ‘ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’ เขาไม่ตอบ แต่ถามเธอกลับ ‘คุณจำไม่ได้เหรอ...อืม...ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง แต่ฉันเจอคุณสลบอยู่ที่ท่าน้ำหน้าบ้านฉัน’ ‘สลบเหรอ’ เขาทวนคำพลางใช้ความคิด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แล้วก็ส่ายศีรษะไปมา ‘โอ๊ย ปวดหัว’ ‘คุณไปหาหมอด้วยนะ ให้หมอตรวจให้ละเอียดว่าเป็นอะไรหรือเปล่า’ เขายังคงนั่งเงียบ และยังคงมีท่าทางครุ่นคิดตลอดเวลา ‘ในตัวผมมีหลักฐานอะไรหรือเปล่า เช่น บัตรประชาชนหรืออะไรที่แสดงว่าผมเป็นใครน่ะ’ เธอขมวดคิ้วบ้าง มองเขาด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจกับคำถามประโยคสุดท้าย ‘ไม่มีค่ะ ไม่มีอะไรสักอย่าง...เอ่อ แล้วทำไมคุณถามแบบนั้นคะ เหมือนกับว่า…’ “ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ในหัวว่างเปล่าไปหมด” หญิงสาวเบิกตากว้าง ‘จริงเหรอ’ เขาไม่ตอบอะไร ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมศีรษะตัวเอง สีหน้าเจ็บปวดและอึดอัดใจที่ตนนึกอะไรไม่ออกเสียที เธอมองเขาด้วยความเห็นใจ ‘ถ้างั้นหลังจากหาหมอแล้ว คุณต้องไปหาตำรวจ ให้เขาประกาศหาญาติให้คุณ’ เขาพยักหน้าง่ายดาย แต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด... รวมทั้งชีวิตของเธอนับจากนั้นด้วย.. เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว ก็พาเขาออกจากบ้านเพื่อไปคลินิกที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลนั้นอยู่ไกล อีกอย่าง โรงพยาบาลจำเป็นต้องใช้บัตรประจำตัว ซึ่งเขาไม่มี ‘ว่าไงคะ พอนึกอะไรออกมั้ย’ ระหว่างทาง เธอก็ถามเขา เขาส่ายหน้า ‘ไม่เลย’ เธอมองเขาอย่างเห็นใจ ‘ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิดไปก็แล้วกันค่ะ’ ‘จริงสิ แล้วนี่ฉันจะเรียกคุณว่าอะไรดี’ เมื่อเดินมาถึงหน้าคลินิก เธอถามอย่างนึกได้ ‘คุณตั้งชื่อให้ผมสิ ในฐานะที่คุณช่วยชีวิตผม ก็เหมือนผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ผม’ เขาโยนหน้าที่ให้เธอ ‘อืม...รู้แล้ว ชื่อเรนดีกว่า ฉันเจอคุณตอนฝนกำลังตกพอดี’ ‘เรน? ผมชอบชื่อนี้นะ’ เขายิ้มให้เธอ ‘ขอบคุณมากที่ไม่ตั้งชื่อให้ผมว่าท่าน้ำ’ ‘บ้าเหรอ คนอะไรชื่อท่าน้ำ’ เธอหัวเราะเบาๆ ผลการตรวจพบว่าเขามีบาดแผลบริเวณศีรษะ ซึ่งหมอกำชับให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลให้ละเอียดอีกที ด้วยเกรงว่าจะกระทบกระเทือนมากกว่าที่เห็น ออกจากคลินิก หญิงสาวก็พาเขาไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความและให้ตำรวจประกาศหาญาติให้ กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการตรงนั้นก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง นิสาจึงต้องลางานช่วงเช้าโดยปริยาย ‘ขอบคุณคุณมากนะนิสา ที่เป็นธุระให้ เลยทำให้คุณต้องเสียเวลาเลย’ ‘ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆ กันไป อืม...ทีนี้คุณจะเอาไงต่อล่ะ จะไปอยู่ที่ไหน’ เรนนิ่งไปอย่างใช้ความคิด ‘ให้ผมอยู่กับคุณไปก่อนได้ไหม จนกว่าครอบครัวของผมจะติดต่อมา’ เธอนิ่งคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้า มาถึงตอนนี้ เธอทิ้งเขาไม่ได้แล้ว ขืนปล่อยคนความจำเสื่อมออกไปเดินตุปัดตุเป๋ เธอคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต อีกอย่างเธอคิดว่า ไม่น่าเกินพรุ่งนี้ ญาติของเขาคงติดต่อมา ‘ฉันไปทำงานก่อนนะ แล้วตอนเย็นเจอกัน’ พูดจบก็ผละจากมา แต่สักพักก็ต้องหยุดเดิน เพราะรู้ว่าเขาเดินตามมา ‘มีอะไรอีกล่ะคุณ’ ‘เอ่อ...ผม...หิว…’ เธอเบิกตาโตอย่างนึกได้ว่า ตั้งแต่เช้าทั้งเขาและเธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เธอรีบเปิดกระเป๋าเงิน แล้วหยิบธนบัตรใบละร้อยสองใบยื่นให้เขา ‘ฉันมีแบงก์ย่อยแค่นี้แหละ คุณหาอะไรกิน แล้วก็นั่งวินกลับไปที่บ้านนะ บอกเขาว่าไปซอยมีสุข ค่ามอไซค์ยี่สิบบาท’ เขามองเงินในมือเธอนิ่งคล้ายลังเลใจ แต่สักพักก็ยอมยื่นมือมารับ แล้วเงยหน้าสบตาเธอด้วยความซาบซึ้งใจ ‘ขอบใจคุณมากนะ นิสา’ เธอส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะเขย่งตัวเพื่อตบไหล่เขาเบาๆ อย่างต้องการให้กำลังใจ ‘ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยเหลือกันไป ฉันไปทำงานก่อนละ ตอนเย็นเจอกันนะ เรน’ เธอใช้เวลาช่วงพักเบรกจากงานเข้าไปเช็คในเวบไซต์ของตำรวจท้องที่เพื่อตรวจสอบว่า ทางนั้นขึ้นประกาศของเขาหรือยัง ซึ่งก็พบว่ายัง เธอจึงคลิกไปที่แฟนเพจของมูลนิธิกระจกเงา เผื่อจะมีญาติของเขาติดต่อไปทางนั้น ซึ่งก็ยังไม่มีเช่นกัน อาจเพราะครอบครัวยังไม่รู้ว่าเขาหายตัวไปก็เป็นได้ แต่กระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ก็ไม่มีใครสักคนที่เป็นญาติของเขาโทร.มา เมื่อกลับถึงบ้าน ก็พบว่าเขารออยู่แล้วด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยความหวัง ก่อนจะค่อยๆ สลดลงเมื่อรู้ความจริง ‘เพิ่งโพสต์ไม่กี่ชั่วโมงเองคุณ มันยังแพร่ไปไม่ทั่วหรอก ใจเย็นๆ นะ’ เธอปลอบใจเขา ‘แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง’ เรนส่ายหน้า ‘กินไปตอนเที่ยง ส่วนตอนเย็นผมรอกินพร้อมคุณ’ ‘ต่อไป ถ้าหิวก็กินก่อนเลย เพราะบางทีฉันต้องทำโอ’ เธอว่าพลางเดินไปที่ครัวเพื่อเตรียมประกอบอาหาร ‘มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย’ คนร่างสูงเดินตามหลังเธอมา ‘ไม่ต้องหรอก ฉันทำแป๊บเดียว แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ใช่คนมีเงิน ของที่กินก็บ้านๆ ธรรมดา ง่ายๆ’ ที่เธอพูดอย่างนั้น เพราะสังเกตว่าผิวพรรณและท่าทางของเขาสะอาดสะอ้านและมีประกายอย่างคนที่มีชีวิตที่ดี ‘กินได้หมด ตอนนี้ช้างทั้งตัวก็กินได้’ หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนบอกเขาให้ไปอาบน้ำ ‘อ้อ ฉันซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณด้วย ได้แค่ของราคาถูกไม่กี่ตัวนะ’ ‘จริงสิ พ่อแม่ของคุณไปไหนล่ะ ทำไมอยู่คนเดียว’ อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้น ‘เสียหมดแล้ว’ เสียงเธอเบาลงเล็กน้อย แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นก็เงยหน้าส่งยิ้มให้เขา ‘ไปค่ะ อาบน้ำ’ พูดจบก็เดินเร็วๆ เข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบผ้าขนหนูให้เขา ‘รับรองสะอาด ฉันซักและใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างดี’ ‘ขอบคุณครับ’ เขาส่งยิ้มกว้างให้เธอ และเวลายิ้มเขาก็ยิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก เธอรีบหมุนตัวเดินจากมา เพราะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองจะเต้นผิดจังหวะเสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD