“คุณจะไปอยู่ที่บ้านผมหรือจะอยู่ที่นี่ก็ได้ ก็แล้วแต่คุณ”
นิสายิ้มขื่น แม้จะเข้าใจเต็มอกว่าเขาจำเธอไม่ได้ ที่สำคัญเขามีคู่หมั้นแล้ว และกำลังจะแต่งงานกัน แต่การคุยกับเธอเฉพาะเรื่องลูก ไม่มีเธออยู่ในแพลนชีวิตเขาเลยแบบนี้ ก็ทำให้เธอเจ็บปวดได้มากเหมือนกัน
“ฉันจะอยู่ที่นี่ และตาหนูจะอยู่กับฉัน ฉันกับลูกจะไม่พรากจากกัน!”
“นิสา! แต่ผมเป็นพ่อ มีสิทธิ์ในตัวลูกครึ่งหนึ่ง และคุณก็ไม่ควรปิดกั้นความเจริญก้าวหน้าในชีวิตลูก”
“ฉันดูแลลูกของฉันได้ค่ะ”
“หยุดเน้นคำพูดเหมือนแกเป็นของคุณคนเดียวเสียที คุณท้องไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่มีผมน่ะ!”
นิสาเมินหน้าไปทางอื่น เพื่อกลั้นความรู้สึกหลากหลายที่ประดังประเดเข้ามา เขาคนนี้แตกต่างจากเรนของเธอเหลือเกิน เหมือนเป็นคนละคน ไม่มีความอ่อนโยน มีแต่ความแข็งกระด้าง เย็นชา เธอเห็นความอ่อนไหวบ้างก็ตอนที่เขาบอกว่าคุ้นหน้าเธอนั่นละ
“ที่ฉันจะบอกคุณก็คือ เราสองคนแม่ลูกอยู่กันได้มาตั้งนาน”
“แล้วอยู่แบบดี หรือแบบไหนกันล่ะ บ้านอยู่ในสลัม น้ำก็เน่า สภาพแวดล้อมก็น่ากลัวแบบนั้นนะเหรอ”
เธอกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บ “ค่ะ ฉันก็อยู่มาได้จนโต”
“ตอนเราเป็นผัวเมียกัน ผมอยู่ที่นั่นด้วยหรือเปล่า” น้ำเสียงออกแนวรังเกียจๆ สลัมของเธออย่างไรอย่างนั้น
“เราไม่ได้เป็นผัวเมียกันค่ะ ฉันบอกแล้ว ฉันก็แค่ผู้หญิงใจง่ายคนหนึ่งเท่านั้น และคุณไม่เคยอยู่ที่นั่น ฉันหมายถึงว่า ไม่ได้ใช้ชีวิตที่นั่น”
“โกหก! นอกจากผมคุ้นเคยกับที่นั่นแล้ว ป้าข้างบ้านของคุณก็ทักแบบสนิทสนมด้วย นี่ไง คุณเป็นแม่ที่โกหกแบบนี้ จะเลี้ยงลูกผมดีได้ยังไง”
นิสานิ่งอึ้ง มองหน้าเขาด้วยความคาดไม่ถึง เขามันคนเจ้าเล่ห์! ร้ายกาจ! เขาไม่มีอะไรเหมือนเรนของเธอสักนิด
“แต่บอกไว้ก่อนนะคะ คุณจะเอาลูกไปจากฉันไม่ได้ ฉันไม่มีวันยอม”
“คุณอาจจะอยู่ที่นั่นได้นะ นิสา แต่ผมให้ลูกอยู่ไม่ได้”
“ฉันก็ย้ายออกมาแล้วนี่ไง หวังว่าคุณคงจะไม่มีข้ออ้างบ้านสลัมน้ำเน่าอีกนะ”
ถึงคราวที่กวินภพจะเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง
“คุณนี่ก็แสบใช่เล่นนะ ผมอยากรู้จริงๆ ตอนนั้นผมรักคุณหรือเปล่า”
“วันนี้หมดธุระของคุณแล้วใช่มั้ยคะ เชิญค่ะ ฉันจะพักผ่อน” เธอตัดบท
“ผมรอเจอลูก คุณจะนอนพักก็นอนไปสิ ไม่ได้ห้าม”
“ไม่ได้! ฉันไม่ชอบให้คนแปลกหน้าอยู่ในบ้าน”
“ไม่แปลกหรอกมั้ง นี่่พ่อของลูกคุณไง อย่างน้อยเราก็เคยใกล้ชิดกันมากๆ” ตอนท้ายเขาส่งยิ้มมีเลศนัยมาให้ ทำเอานิสาหน้าร้อนผ่าว มองเขาทั้งด้วยความเคืองและความเขิน เธอสะบัดหน้ากลับ แล้วเดินเข้าไปในครัว เพื่อเตรียมอาหารมื้อเที่ยงสำหรับตัวเอง
ทางด้านกวินภพ เมื่อได้ยินเสียงกุกกักในครัวก็เดินตามไป
“ทำอะไรกินน่ะ กะเพราปลากระป๋องป่ะ”
หญิงสาวหันขวับไปมองเขาด้วยความตกใจ และเผลอหลุดปาก “คุณจำได้เหรอ”
“จำอะไรได้” กวินภพแกล้งปฏิเสธ ทั้งที่เขาเรียกหาเมนูนี้เกือบทุกวัน
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“ตกลงจะทำป่ะ กะเพราปลากระป๋องน่ะ เผื่อด้วยนะ”
“ไม่ทำค่ะ และไม่เผื่อด้วย เชิญคุณออกจากบ้านฉัน แล้วไปหากินของคุณเถอะ ที่นี่มีแต่อาหารสลัมถูกๆ ระวังเสาะท้อง”
“กินของแพงบ่อยแล้ว เบื่อ” พูดจบเขาก็ถือวิสาสะไปเปิดตู้เย็น สักพักก็กลับมาพร้อมผักสด “ผัดผักอีกอย่างมั้ยคุณ เดี๋ยวผมช่วย”
หญิงสาวถอนหายใจยาวๆ ด้วยความเบื่อหน่ายคนเอาแต่ใจ “ฉันกินคนเดียว กับข้าวอย่างเดียวก็พอค่ะ”
“ถ้างั้นก็ต่างคนต่างทำคนละเมนู”
“คุณกวินภพ!” หญิงสาวระอาใจเหลือที่จะกล่าวแล้ว พลันนั้น เธอก็อดนึกถึงช่วงเวลาที่เธอมีเรนไม่ได้ ครั้งหนึ่ง เขาก็เคยพูดแบบนี้กับเธอ หากแต่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่านี้หลายเท่านัก
‘ช่วยกันทำคนละเมนูแล้วกันนะนิ จะได้เสร็จเร็วๆ ไง’ เขากอดเธอไว้แล้วเอ่ยคำนั้น
‘แต่คุณมากอดฉันอยู่แบบนี้ จะได้ทำมั้ยล่ะ’ เธอค้อนเขาตาคว่ำ
‘งั้นคุณกอดผมตอนผมทำก็ได้ ผมสามารถ’ พูดจบเขาก็คลายวงแขนออก แล้วดึงมือเธอไปโอบรอบเอวเขา จากนั้นเขาก็หยิบกระทะมาตั้งเตาด้วยท่าทางขมีขมัน พอเธอจะปล่อยมือ เขาก็หันมาจับมือเธอไปกอดอีกครั้ง ซ้ำยังลงโทษด้วยการจุ๊บปากเธออีกด้วย เธอก็ได้แต่หน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก
“นี่ผมหาทางออกให้คุณอยู่นะ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยไม่ทราบ” เสียงของกวินภพกระชากความหวานในอดีตของเธอให้กระเจิดกระเจิง นิสากะพริบตาถี่ๆ แล้วเงยหน้าสบตาคนที่จ้องเธอดุๆ ตรงหน้า
“ฉันถามจริงๆ เถอะ คุณไม่มีการมีงานทำเหรอไง”
“ทีคุณล่ะ ยังไม่ไปทำเลย”
“โอ๊ย ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว” เธอส่งวงค้อนให้เขาวงใหญ่ๆ แล้วหันไปจัดการเตรียมอาหารต่อ
“ตกลงคนละเมนูใช่ป่ะ” เขายิ้มอย่างผู้ชนะ
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำเอง คุณออกไปไกลๆ ฉันเลย”
“ไม่เอา เดี๋ยวโดนใส่ยา ซึ่งอาจจะเป็นยาถ่าย ยาพิษ หรือไม่ก็ยาปลุกเซ็กส์”
“โอ๊ย! คิดได้ยังไง” เธอกรีดเสียงอย่างเหลืออด
กวินภพหัวเราะหึหึในลำคอ
“คุณนี่จัดว่าเป็นผู้หญิงที่ยั่วขึ้นคนหนึ่งเลยนะ ดูๆ ไปก็น่ารักดี”
“อยากให้คุณมิ้นได้ยินจริงๆ” เธอเอ่ยพลางยิ้มมีเลศนัย กวินภพชะงัก ก่อนหัวเราะเบาๆ
“คุณไม่ทำหรอก ถ้าจะทำ คุณคงทำตั้งนานแล้ว แล้วก็คงไม่หนีมาแบบนี้”