ความสุขเป็นแบบนี้

1488 Words
“รับทราบครับคุณแม่” มือที่ว่างถูกยกต๊ะเบ๊ะเพื่อรับทราบ มุมหนึ่ง หญิงสาวใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อย ในมือมีแฟ้มเอกสาร ยืนมองตามทั้งคู่ด้วยความไม่แน่ใจ ยิ่งยามที่มองไปที่กวินภพ คิ้วของเธอก็ยิ่งขมวด “ใช่หรือไม่ใช่นะ...” ...อรสานั่นเอง... ญาดาดูรูปของนิสาในมือถือที่พรศรียื่นส่งให้ แล้วก็ต้องยอมรับว่าอีตาการันต์ตาแหลมไม่เบา เธอเงยหน้าส่งยิ้มให้พรศรีที่นั่งตรงข้าม ขณะนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง “โคตรสวยอ่ะ จุมม่า” ว่าพลางยื่นมือถือคืนเจ้าของ “สวย กิริยามารยาทก็ดี พูดจาก็เพราะ เสียอย่างเดียว...เขามีลูกติด คือม่าน่ะไม่ติดหรอก ยังไงก็ได้ แล้วแต่รันต์ แต่ญาติพี่น้องน่ะสิ ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่” “แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับคุณนิสาเขานะสิคะ เขาก็คงไม่อยากเป็นแม่ม่ายลูกติดหรอกค่ะ” “เท่านั้นไม่พอ...คือเขามีลูกกับตาวินน่ะ” “หะ? อ้าว พี่วินมีแฟนแล้วนี่คะ เห็นว่าจะแต่งงานกันแล้วด้วย” คราวนี้ญาดาตาโต “ก็นั่นแหละที่งงๆ กัน เด็กอายุสามขวบ ตอนนั้นวินก็คบกับหนูมิ้นแล้วด้วย” “อ้าวๆ ไอ้พี่วิน อุตส่าห์กรี๊ดว่าหล่อ รวย น่ารัก รักเดียวใจเดียวกับแฟน ดันแอบไปไข่ทิ้งไว้ซะงั้น” ญาดาทำท่าหมั่นไส้ “คือเรื่องมันยาวน่ะ แต่สรุปง่ายๆ สั้นๆ เลยนะ สำหรับม่า ม่าไม่ติดว่าเขาเคยมีลูก ถึงจะมีกับตาวินม่าก็ไม่ติด ดีเสียอีก พ่อกับพ่อเลี้ยงเป็นพี่น้องกัน แต่ญาติๆ ม่าติดกันทุกคน บอกว่าน่าเกลียดที่พี่น้องมีเมียคนเดียวกัน แถมก็ยังมีลูกกันแบบฟ้าแลบอีกด้วย” "หนูเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะม่า แต่ที่สุดแล้ว คนที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนี้ก็คือพี่รันต์” “อะไร ใครจะอยู่กับใคร” เสียงการันต์ดังขึ้น ก่อนตัวเขาจะเดินเข้ามาที่โต๊ะ ตาก็มองญาดาด้วยความหมั่นไส้ “เป็นกูรูเรื่องครอบครัวงั้นเหรอ ได้ข่าวว่าไม่มีใครเอา จนแม่ต้องยัดเยียดให้ผู้ชาย” “ปากเสีย ไปว่าน้องงั้นได้ไง ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้เลยนะ” พรศรีอุทานพลางตีเผียะที่แขนของลูกชายซึ่งตอนนี้ทรุดกายลงนั่งข้างตน “รันต์พูดเรื่องจริงนี่แม่ ทำไมต้องขอโทษ” ญาดาเบะปาก กลอกตามองบนไปมา “ไม่เป็นไรค่ะม่า เกี๊ยบไม่ถือ” “เถียงไม่ออกล่ะมากกว่า” การันต์ค่อนให้อีก “แล้วนี่แม่นัดแม่นี่มาด้วยเหรอ ทำไมไม่บอกผมก่อน เห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่ลง” “ไม่ได้นัด เจอกันโดยบังเอิญน่ะ หนูเกี๊ยบเขานัดกับน้าสาวเขาไว้ เขาเดินผ่านร้าน เห็นแม่นั่งอยู่คนเดียวเลยแวะมาคุยด้วย” เป็นคำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือสักนิดสำหรับการันต์ “ตอนนี้ฉันมาแล้ว เชิญเธอได้เลย” เขาผายมือไล่ ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ “เสียใจด้วยนะ บังเอิญฉันก็จองร้านนี้ไว้เหมือนกัน ฉันจะรอน้าอยู่ที่โต๊ะนี้” ญาดากวนกลับ และยักคิ้วให้เขา การันต์ทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้ ระหว่างนั้นเอง อรสาก็เดินเข้ามา พอเห็นว่าหลานสาวนั่งอยู่กับคนอื่น เธอก็ชะงักไปเล็กน้อย “น้าอรขา คุณป้าพรศรีหรืออาจุมม่าของเกี๊ยบค่ะ อาจุมม่า น้าอรของเกี๊ยบค่ะ” ญาดาแนะนำผู้หญิงทั้งสองคนให้รู้จักกัน อรสาที่อายุน้อยกว่าพนมมือไหว้ สองหญิงที่วัยไม่ต่างกันมากต่างก็ทักทายกันด้วยไมตรี จากนั้นอรสาก็วางสายตาไปทางชายหนุ่มข้างๆ พรศรี คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด เห็นอย่างนั้น พรศรีก็แนะนำให้รู้จัก “นี่ตารันต์ ลูกชายพี่เองค่ะ คุณอรคงเคยได้ยินชื่อมาบ้าง” อรสาผงกศีรษะรับ “ก็ว่าอยู่ว่าทำไมหน้าคุ้นๆ ที่แท้ก็คุณรันต์นี่เอง สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” “สวัสดีครับ คุณน้า...เอ่อ ไม่ทราบว่ารู้จักผมในแง่ไหนเหรอครับ” ตอนที่ถาม เขาจ้องญาดาอย่างจับผิด ประมาณว่ายายคนนี้ต้องเมาท์เขาแน่ๆ ญาดาเบะปากมองบนใส่ “แม่หนูเกี๊ยบชมเช้าชมเย็นค่ะ บอกว่าหล่อ น้าก็นึกว่าหล่อเฉยๆ เอาจริงๆ คือหล่อมาก” พรศรีหัวเราะถูกอกถูกใจที่มีคนชมลูกชาย ก่อนเสนอความคิดเห็น “ไหนๆ ก็มากันครบแล้ว นั่งโต๊ะเดียวกันไปเลยก็ดีนะคะ ” “ไม่เอาค่ะ/ครับ” สองหนุ่มสาวตอบพร้อมกัน แล้วก็หันมองหน้ากัน แล้วต่างคนต่างก็สะบัดออก ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ส่ายหน้าทั้งขำทั้งระอาความไม่ลงรอยกันของทั้งคู่ “เรารวมโต๊ะกันได้ก็ดีค่ะ เผื่อลูกค้าท่านอื่นจะได้มีโต๊ะทานเพิ่ม” อรสาเห็นดีเห็นงามไปด้วย ทั้งคู่ขัดไม่ได้ จำต้องเลยตามเลย ถึงเวลาทานจริงๆ บรรยากาศก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แม้จะชอบกัดกันแซะกัน แต่หลายครั้งทั้งคู่ก็ช่วยกันปล่อยมุกให้ได้หัวเราะทั้งโต๊ะ เมื่อสมควรแก่เวลาก็แยกย้ายกัน “วันนี้อิ่มเป็นบ้าเลย เสียดายคุณแม่กับยายกี๋ไม่ได้มาด้วย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเลี้ยงฉลองอีกก็ได้” ญาดาว่าขณะพารถเลี้ยวออกจากลานจอดรถ “น้าได้งานทำแค่นี้ ต้องฉลองถึงสองรอบเลยเหรอ เว่อร์ไปหน่อยป่าว แค่พาน้ามากินข้าวแค่นี้ก็พอแล้ว...” คนเป็นน้าไม่เห็นด้วย ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ย “เกี๊ยบ...ที่น้าบอกหนูว่าคุ้นหน้าคุณการันต์น่ะ หนูไม่แปลกใจเหรอว่าทำไมน้าพูดแบบนั้น ทั้งที่น้าไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน” “อ้าว ก็น้าบอกว่าแม่ชมเขาให้ฟัง แม่ไม่ได้ให้ดูรูปเหรอคะ” “เปล่าจ้ะ แต่ที่น้าคุ้นหน้าเขาก็เพราะว่า...เขาเคยไปหาคนไข้ของน้าที่โรงพยาบาลครั้งหรือสองครั้งได้” “อ๋อ...อ้าว แล้วเขาจำน้าไม่ได้เหรอคะ” “เขาไม่เห็นหน้าน้าหรอกจ้ะ น้าใส่หน้ากากอนามัยเกือบตลอดเวลา แล้วพยาบาลที่เป็นคนเอเชียก็เยอะ ที่สำคัญ...น้าเคยเห็นเขากับ...คู่หมั้นของคนไข้น้า...คือเขาดูสนิทกันมากๆ เลย" "อ๋อ งั้นเหรอคะ" หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ ขณะที่อรสาเอ่ยต่อไป "เขากับคนไข้เป็นญาติกัน เขาไม่น่าทำแบบนั้นเลย" คราวนี้คิ้วเรียวของญาดาขมวดเข้าหากัน "เอ๊ะ เป็นญาติกัน? เดี๋ยวนะคะ ญาติของนายรันต์ก็...พี่วินนะสิคะ..." หญิงสาวเบิกตากว้างหันขวับมองหน้าสาว "พี่วินนี่ใครจ๊ะ" "พี่วินก็คือญาติของนายรันต์ไงคะ ต้องใช่พี่วินแน่ๆ เพราะพี่วินเพิ่งกลับจากเมืองนอกเมื่อไม่นานมานี้เอง" น้ำเสียงหญิงสาวตื่นเต้นเป็นที่สุด ถึงกับต้องจอดรถเพื่อคุย "น้าอรเล่ามาให้หมดเลยค่ะว่านายรันต์ทำอะไรบ้าง..." เสียงหัวเราะสองพ่อลูกดังมาจากในห้องน้ำ ทำให้นิสาที่กำลังเอาเสื้อผ้าลงเครื่องซักต้องเผลอยิ้มออกมา เมื่อกลับมาถึงบ้าน กวินภพก็อาสาอาบน้ำให้เด็กชาย เธอไม่ขัดขวางเขา พร้อมบอกขั้นตอนการอาบให้ด้วย สักพัก ชายหนุ่มก็แบกเด็กโป๊ออกจากห้องน้ำ ทั้งที่ยังไม่ได้เช็ดตัวให้แห้ง ตัวเขาเองก็เปียกไปเกือบครึ่งตัว น้ำจึงไหลหยดเป็นทาง “แน่ะ ทำไมไม่เช็ดตัวให้แห้งก่อนคะ เลอะบ้านหมดแล้ว” เธอหันไปดุ “อุ๊ย ลืม ขอโทษค้าบ” กวินภพทำหน้าสำนึกผิด และเด็กชายธาราก็ทำหน้าอย่างเดียวกัน เห็นแล้วนิสาก็อดยิ้มไม่ได้ ทั้งคู่เหมือนภาพซีรอกซ์กันอย่างไรอย่างนั้น “รีบไปใส่เสื้อผ้าคับ เดี๋ยวไม่สบาย” “ได้คับ ปล่อยคับคุณลุง เดี๋ยวพี่น้ำใส่เสื้อผ้าเอง” “คับ...” กวินภพทำตามคำขอนั้น แล้วเด็กชายก็วิ่งตื๋อไปทางห้องนอนของตัวเอง ส่วนกวินภพเดินเข้ามาใกล้นิสา “เช็ดหน้าให้หน่อยได้มั้ยคับ รู้สึกเหมือนหน้าจะเปื้อนฟองสบู่เลยคับ” เขาทำเสียงอ้อนเลียนแบบเสียงลูก นิสาย่นจมูกใส่หน้าเขา “สู้ลูกไม่ได้เลยนะคับ ลูกแค่สามขวบยังเช็ดตัวเองได้เลยคับ” กวินภพหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ใช้มือนั่นละเช็ดหน้าให้ตัวเอง แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะฟองสบู่ไปทั่วทั้งหน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD