คนที่น่าสงสาร

1440 Words
“ไม่เอาผ้าเช็ดล่ะคะ” นิสาดุ ก่อนหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้ แต่กวินภพส่ายหน้า “คุ้นๆ ว่า คุณเคยเช็ดให้ผมนะ ใช่มั้ย...” นิสาชะงัก “คุณจำได้เหรอคะ” “อืม...จำได้ไม่หมดหรอก แต่ช็อตนี้เหมือนลางๆ ในความรู้สึก” พูดจบเขาก็ยื่นหน้าลงมาอีก จนได้สบตากันใกล้ๆ ทั้งเธอและเขาเผลอจ้องตากัน แล้วใบหน้าเขาก็ยิ่งโน้มลงมาหา กวินภพอดใจไว้ไม่ไหวอีกแล้ว เขาก้มหน้าลงไปจนเกือบชิดใบหน้านวล และตั้งท่าจะหอมแก้มเธอ แต่เธอกลับผลักใบหน้าเขาหนี “หึ คุณจะมีความทรงจำนี้ได้ยังไง ในเมื่อมันไม่เคยเกิดขึ้น!” เขาเบิกตากว้าง “อะไรนะ!” หญิงสาวชี้หน้าเขาเชิงคาดโทษ “แหม คิดจะลักไก่ฉันเหรอ จะบอกให้นะ คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายเช็ดหน้าให้ฉัน” พูดไปแล้วเธอก็ชะงักอย่างนึกได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ จะทำให้เขาสับสน “พูดอีกสิ นิสา ผมอยากฟังเรื่องของผมตอนที่อยู่กับคุณ” เธอส่ายหน้าไปมา “ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันซักหน่อย” “คิดจะหลอก คิดจะปกปิดกันไปอีกนานเท่าไหร่เหรอ คิดจะทรมานผมไปถึงไหน” เขาตัดพ้อ “ฟังนะคะ มันไม่ใช่การปกปิดหรือทรมาน แต่ฉันกำลังช่วยคุณต่างหาก อย่างที่ฉันเคยบอกไงคะ คุณควรอยู่กับความทรงจำปัจจุบัน” “แล้วช่วยได้หรือเปล่าล่ะ ผมก็ยังคิดถึงแต่คุณอยู่นั่นเอง แล้วก็ฝันเห็นแต่คุณด้วย ยิ่งแน่ใจว่าคนในฝันเป็นคุณ ผมก็ยิ่งทรมาน” “ฉันขอตัวไปดูลูกก่อนนะคะ” หญิงสาวตัดบท แต่กวินภพดึงข้อมือเธอเอาไว้ แล้วมองลึกลงไปในดวงตา “ผมจะจำเรื่องราวระหว่างเราให้ได้ ผมจะทำให้คุณในอดีตคนนั้น มาอยู่ในปัจจุบันของผมให้ได้” “คุณวิน...” เสียงโทรศัพท์มือถือของนิสาดังขึ้น เธอดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา เพื่อหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง แล้วกรอกเสียงลงไป “ค่ะ คุณรันต์...” พลางก็เดินออกจากตรงนั้น กวินภพหูผึ่ง เดินตามไปแอบฟังเธอทันที “จะมาเหรอคะ...ตอนนี้เลยเหรอคะ นี่มันก็ค่ำมากแล้ว...คุณรันต์เมาหรือเปล่าคะ คุณรันต์อย่าขับรถนะ ไม่ต้องมานะคะ...ตอนนี้คุณรันต์อยู่ไหนคะ...ค่ะ รอตรงนั้นนะคะ ไม่ต้องขับรถมานะคะ” ร้านที่การันต์นั่งดื่มอยู่คนเดียวตั้งอยู่ในซอกเล็กๆ แห่งหนึ่งของกรุงเทพ ตัวร้านเป็นห้องแถวเก่าๆ ตกแต่งด้วยไฟสีฉูดฉาด เปิดเพลงลูกทุ่งที่มีเนื้อหาสองแง่สามง่าม ลูกค้าที่มาดื่มกินส่วนมากเป็นเหล่าคนใช้แรงงานที่เงินเดือนไม่มากนัก ‘รันต์จ๋ารันต์ ไม่ใช่ว่ามิ้นไม่รักรันต์นะ ถ้าไม่รัก มิ้นจะยอมทำผิดต่อพี่วินขนาดนี้เหรอ’ เสียงหวานๆ ของผู้หญิงที่เขารักดังก้องในความคิด การันต์ส่งเสียงหึออกมาหยันๆ แล้วกระดกเหล้าเข้าปาก ก่อนพ่นคำออกมา “ไอ้โง่ ไอ้โง่! แกมันโง่ไอ้รันต์” หลายคนในร้านหันมามองเขา แล้วก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนุ่มหล่อ ท่าทางมีฐานะตะโกนคำนี้ออกมา “เกิดมาโง่ โง่ตั้งแต่เด็ก โง่ทุกอย่าง” เขาตะโกนอีก แล้วย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เหมือนภาพยนตร์ฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเกิดมาไม่ค่อยแข็งแรงนัก เรียนก็ไม่เก่ง ตลอดเวลานั้น แม่มักยกตัวอย่างกวินภพให้เขาทำตามญาติคนอื่นๆ ก็มักชื่นชมกวินภพบ่อยๆ เพราะฉลาด เรียนเก่ง สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ทำโน่นทำนี่ให้ญาติๆ ชื่นใจ เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้อิจฉากวินภพ ซ้ำยังชื่นชม ยกให้เป็นไอดอลเสียด้วยซ้ำ แต่เขารำคาญญาติที่ชอบเปรียบเทียบ และในหลายครั้งก็น้อยใจแม่ด้วยเหมือนกัน แม้จะรู้ว่าท่านหวังดี แต่แม่ก็ควรจะรู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นยังไง รักเขาแบบที่เขาเป็นไม่ได้หรือ ตอนหลังเขากับกวินภพย้ายไปเรียนเมืองนอก เขาค่อยหายใจหายคอคล่องหน่อย ที่ไม่มีญาติคอยเปรียบเทียบ แต่เวรกรรมของเขายังไม่หมดสิ้นเมื่อนักเรียนไทยชอบชมกวินภพแล้วดูถูกเขา จนกระทั่งพลอยปภัสร์ไปเรียนที่นั่น เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยเปรียบเทียบเขากับกวินภพ แถมยังคอยต่อว่าพวกปากหมาให้ด้วย เธอมักมีรอยยิ้มหวานๆ มีคำพูดให้กำลังใจเขาเสมอ เขาจึงเหมือนคนหลงทางในทะเลทรายที่ได้เจอแหล่งน้ำเย็นชื่นใจ เขาหลงรักเธอหัวปักหัวปำ แม้เมื่อเธอเลือกกวินภพไปแล้ว เขายังรัก รักจนคลั่ง รักจนเผลอทำสิ่งเลวร้าย... “แกมันทั้งเลวทั้งโง่ไอ้รันต์ ไอ้เลว!ไอ้เลว!” “เฮ้ย หนวกหูเว้ย ตะโกนอยู่ได้” เสียงนั้นลอยมาจากโต๊ะหนึ่ง การันต์หันขวับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สามคน ท่าทางเป็นนักเลงเต็มตัว ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับ ไม่สนใจ ทำท่าจะยกเหล้าขึ้นกระดกอีก แต่ตอนนั้นก็มีมือหนึ่งเอื้อมมากระชากเหล้าออก เขาหันไปมองแล้วก็ทำหน้าเหมือนเจอผี “ไอ้วิน...มาได้ไงวะ” กวินภพไม่ตอบ แต่ยกเหล้าแก้วนั้นขึ้นดื่มเอง “ไป กลับบ้าน” “ไม่กลับเว้ย...นั่งดื่มกับฉันหน่อยดิวะ” “นายเมามากแล้ว” “เมาบ้าอะไร ไม่เม้า...เร็วๆ นั่งลง กินเป็นเพื่อนหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายเยอะแยะเลย” กวินภพนิ่งคิดครู่หนึ่งก็ทรุดกายลงนั่งตรงข้าม “นายมาได้ไงวะ อยู่บ้านนิเหรอ” การันต์ถามขึ้นก่อน อีกฝ่ายใช้ความเงียบเป็นคำตอบ การันต์จึงเอ่ยต่อ “โคตรเซอร์ไพร้ส์เลย ไม่อยากเชื่อว่านายจะมีลูกแล้ว นายนอกใจมิ้นได้ยังไงวะ” กวินภพยังคงไม่พูดอะไร แต่ฟังและจับสังเกตญาติตัวเองไปเรื่อยๆ “มิ้นเขาทั้งสวย ทั้งน่ารัก แล้วก็รักนายมาก นายไม่น่าทรยศเขาเลย” กวินภพยกแก้วขึ้นจิบ กอดอก เอนกายพิงพนัก แล้วฟังอีกคนพล่ามต่อ “นายไม่น่าทำให้เขาเสียใจเลย นายไม่รู้หรอกว่าเวลาผู้หญิงเขาโกรธ น่ากลัวแค่ไหน...ฉันสงสารมิ้น” “แล้วนายไม่สงสารนิสาบ้างเหรอ” ถามกลับเรียบๆ ด้วยความเมา เลยลืมไปว่าตัวเองเล่นละครเอาไว้ ที่สำคัญ นึกไม่ออกว่าจะห่วงหญิงสาวคนนั้นเรื่องอะไร “ห่วง? ห่วงทำไมวะ” ผัวะ! เท่านั้นเอง หมัดลุ่นๆ จากกวินภพก็ปล่อยเข้าที่ปลายคางของคนพูดทันที ทั้งเก้าอี้ทั้งคนหงายหลังร่วงไปที่พื้นสลบไปทันที จากนั้นก็โทร.หาคนขับรถของคนสลบนั่นละ ให้นั่งแท็กซี่มาที่ร้าน เพื่อมาเอารถเอาตัวการันต์กลับไป จัดการเรื่องการันต์เรียบร้อย กวินภพก็กลับไปหานิสาที่บ้านอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเวลายังไม่ดึกมากนัก แต่หญิงสาวก็เตรียมตัวนอนแล้วละ เธออยู่ในชุดนอนแล้ว “ลูกหลับหรือยัง” “หลับไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ...แล้วคุณรันต์เป็นยังไงบ้างคะ” แทนคำตอบ กวินภพกลับสวมกอดเธอเพื่อให้กำลังใจ นาทีนี้ เขาก็สงสารเธอไม่น้อยไปกว่าตัวเองที่โดนสวมเขา ถึงเธอกับการันต์จะเพิ่งคบกันก็เถอะ ถ้ารู้ว่าทุกลมหายใจเข้าออกของการันต์ม่ีแต่คนอื่น ไม่ใช่ตัวเอง เธอก็คงเจ็บไม่น้อยไปกว่าเขา นิสางงไปหมด ไม่เข้าใจเขาสักนิด “เดี๋ยวค่ะ นี่อะไรคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” เธออู้อี้อยู่กับอกเขา เจ้าของอกไม่ตอบอะไร นอกจากลูบเรือนผมนิ่มสลวยของเธอไปมา เพื่อปลอบใจ นาทีนี้ ปลอบทั้งใจเธอ ทั้งใจตัวเองนั่นละ เจ็บชะมัด! “คุณวิน นิหายใจไม่ออกแล้ว ปล่อยก่อน” เขาคลายอ้อมกอด แล้วก้มลงสบตาเธอ คราวนี้นิสาเห็นความเจ็บปวดจากแววตาของเขา “คุยอะไรกับคุณรันต์มาคะ ทำไม...” คำพูดของเธอกลืนหายไปในลำคอ เมื่อเขาประทับจูบลงมาบนปาก นิสามัวแต่ยืนอึ้ง กว่าจะรู้ตัว วงแขนอุ่นของเขาก็รัดร่างเธอแน่นอีกครั้งแล้ว คราวนี้เธอรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่ปล่อยเธอแน่ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD