“เอ๊ะ หนูมิ้นรู้จักหนูนิสาด้วยเหรอจ๊ะ” พิสมัยรีบชงให้พลอยปภัสร์อย่างคนที่รู้กันดีอยู่
“รู้จักค่ะคุณแม่ เป็นเรื่องบังเอิญมาก...คุณนิสาเคยโทร.หามิ้นเพื่อแจ้งข่าวเรื่องพี่วินเมื่อสี่ปีก่อนค่ะ” พลอยปภัสร์ค่อยๆ ตีวงล้อม
“อ้าว งั้นหรอกเหรอ” พรศรีอุทานแปลกใจ “แสดงว่าวินกับหนูนิสาก็รู้จักกันแล้วสิ”
กวินภพยังคงไม่ตอบ จนพลอยปภัสร์ต้องหันไปมอง เห็นเขาเอาแต่จ้องนิสา ก็เผลอเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ
“พี่วินคะ คุณน้าถามค่ะ”
“ครับ ถามว่าอะไรนะครับ”
“น้าถามว่า อย่างนี้วินรู้จักหนูนิสามาแล้วสิ แล้วตอนนั้นเจอวินที่ไหนนะ”
“แถวบ้านค่ะ” นิสาเพิ่งตอบเป็นครั้งแรก
“แถวบ้านหนูอยู่ที่ไหนนะ...ใช่ฝั่งธนโน่นหรือเปล่า เห็นบอกบ้านริมน้ำด้วย” พิสมัยรับหน้าที่อีกครั้ง
“ริมน้ำสมัยนี้คงจะเป็นน้ำที่ไม่สะอาดเท่าไหร่นัก”
“ท่าทางบ้านจะอยู่ติดๆ กันด้วยนะคะ มิ้นอยู่แบบนั้นไม่ได้แน่ๆ ค่ะ คงจะหายใจไม่ออก” พลอยปภัสร์พูดเชิงหยอก แต่แววตาแอบมีเยาะนิสา
พรศรีผิดหวังเล็กน้อย ด้วยนึกว่าจะได้ว่าที่สะใภ้ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งหน้าตาและชาติตระกูล เธอนึกว่านิสาเป็นลูกหลานผู้ดีมีเงินที่ไหนซักคน เพราะกิริยามารยาทเรียบร้อย เดินเหิน พูดจาก็ดูมีสัมมาคารวะและมีเสน่ห์
“ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้นี่จ๊ะ มิ้น” กวินภพที่ทนฟังแม่และว่าที่ภรรยากระแนะกระแหนนิสามานานขัดขึ้น “และบางคนแม้เกิดมาแล้ว ก็ยังเลือกที่จะมีชีวิตแบบที่ตัวเองชอบไม่ได้อยู่ดี”
พิสมัยกับพลอยปภัสร์สบตากันด้วยความไม่พอใจที่กวินภพพูดเหมือนช่วยแก้ต่างให้นิสา ส่วนนิสา เธอเงยหน้ามองเขาคล้ายคาดไม่ถึง ก่อนส่งคำขอบคุณผ่านแววตาไปให้ แต่กวินภพเมินออกด้วยความหมั่นไส้เธอ
“อ้าว มาแล้วเหรอ วิน มิ้น” เสียงการันต์ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงพร้อมด้วยเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและนิสา
“มาแล้ว แล้วก็เพิ่งเห็นว่าแฟนรันต์สวยมาก” พลอยปภัสร์เอ่ยยิ้มๆ จงใจยิ้มใส่ตาเขาด้วยความหมายที่รู้กันแค่สองคน การันต์ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนตอบ
“อันนี้ก็ต้องยอมรับนะคร้าบว่านิเขาสวยจริงๆ และมิ้นก็เจ๋งมากด้วยที่ช่วยเลือกชุดได้เหมาะกับนิ ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน”
“แหม ถ้ารู้ว่าเป็นคุณนิ มิ้นจะเลือกให้สวยกว่านี้เลย” พลอยปภัสร์เอ่ยแซว ก่อนหัวเราะเบาๆ
“แค่นี้รันต์ก็ขี้เกียจจะหวงเขาแล้ว...แม่ครับ รันต์ขอพานิไปหาเพื่อนๆ ก่อนนะครับ” ตอนท้ายการันต์หันไปทางมารดา ซึ่งก็พยักหน้าอนุญาต ชายหนุ่มจึงสะกิดแขนเธอให้ลุกขึ้น แล้วพากันถือแก้วเครื่องดื่มออกจากโต๊ะ
นิสาถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก เมื่อกี้เธออึดอัดแทบบ้า
“อึดอัดเหรอนิ” การันต์ถามด้วยความเห็นใจ
“นิดหน่อยน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ถ้านิจะทำให้แผนของคุณพัง”
“ไม่หรอก นิทำดีแล้ว...”
ทางด้านกวินภพ หลังจากนิสากับการันต์ลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว ไม่นาน เขาก็ขอตัวบ้าง โดยอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ ส่วนพิสมัยก็เลื่อนที่นั่งจากที่ของตนไปใกล้พรศรี เพื่อคุยอะไรบางอย่าง
การันต์พานิสาไปทักทายเพื่อนๆ ของเขา ซึ่งต่างก็ชมความตาแหลมของเขา จนเขาอดกระซิบไม่ได้
“แหม เพื่อนชมจนผมอยากจีบคุณจริงๆ แล้วสิ”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ อย่างเห็นขัน เล่นมุกกลับ “อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวนิใจอ่อน...อืม ห้องน้ำอยู่ทางไหนคะ”
“ให้ผมไปส่งมั้ย”
“ตายแล้ว นิมากับคุณในฐานะคู่ควงนะคะ ไม่ใช่ลูก คุณรันต์เนี่ย”
การันต์หัวเราะ แล้วชี้ทางไปห้องน้ำให้เธอ “เรียบร้อยแล้ว นิมาหาผมที่เดิมนะ”
รับปากแล้ว หญิงสาวก็รีบมาเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็เดินออกมา แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นกวินภพยืนกอดอกอยู่บริเวณทางเข้าออกนั่นเอง ตอนแรกเธอนึกว่าพลอยปภัสร์มาเข้าห้องน้ำด้วย จึงไม่คิดจะพูดอะไรกับเขา แต่ปรากฏว่าเขาเดินตามเธอมา
“ไม่คิดจะทักทายพ่อของลูกบ้างเหรอ”
“ทักทายที่โต๊ะแล้วไงคะ”
“จะว่าไปเราก็เคยเป็นผัวเมียกัน ผัวเมียเขาไม่ทักกันแค่นี้หรอกมั้ง” เขาเริ่มตีรวน และขยับเข้ามาใกล้เธออีกนิด
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามนะคะ”
“ทำไมล่ะ ผัวเมียกันจะจับมือถือแขนกันไม่ได้หรื หรือต้องไอ้รันต์คนเดียว”
“ดิฉันว่าคุณกำลังเมา”
“เมาบ้าอะไร ยังไม่ได้ดื่มซักแก้ว แล้วนี่ออกมานี่ ลูกอยู่กับใคร อย่าบอกนะว่าปล่อยลูกไว้คนเดียว”
“เห็นดิฉันเป็นแม่ที่แย่มากขนาดนั้นเหรอคะ”
“จะไปรู้เหรอ เผื่อเห่อตำแหน่งว่าที่สะใภ้คุณน้าจนลืมลูก”
“ขอตัวนะคะ” หญิงสาวตัดบทและขยับตัวอีกครั้ง ไม่อยากยอมรับเลยว่าวันนี้เขาหล่อมากในชุดสูทสีดำ เนคไทสีชมพู ซึ่งเข้ากับชุดของพลอยปภัสร์ ผมถูกใช้เจลหวีเสยเพื่อเปิดหน้าผาก ซึ่งครั้งหนึ่งในบ้านหลังนั้น เขาก็เคยเปิดหน้าผากแบบนี้ ต่างกันแค่วันนี้ใช้เจล แต่วันนั้นเขาใช้หนังยางมัดผมส่วนหน้าขึ้น ขณะพยายามช่วยเธอทำงานบ้าน เหงื่อเขาไหลอาบหน้าและท่วมตัว แต่รอยยิ้มกับแววตากลับแจ่มกระจ่างให้เธอต้องมนต์เขาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เรนของเธอคนนั้น คงไม่กลับมาอีกแล้ว
“ทำไม ห่างกันแค่ไม่กี่นาที ทนไม่ได้เลยเหรอ” เขาตีรวนเห็นได้ชัด มือหนาเกาะกุมต้นแขนเธอเอาไว้ และมือเขาก็อุ่นจัดทีเดียว เธอเงยหน้าสบตาเขาด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องชะงักไปกับความรู้สึกบางอย่างที่ฉายชัดอยู่ในนั้น
“เรน...” เธอเผลอเอ่ยชื่อนั้นออกมา แล้วก็รีบเรียกใหม่ “คุณกวินภพ ปล่อยเถอะค่ะ”
“ผมชอบชื่อนั้น คุณเรียกผมแบบนั้นได้มั้ย”