คล้าย ๆ จะเป็นครอบครัว

1458 Words
ถึงคราวที่เขาจะเป็นฝ่ายเงียบไปบ้าง “เสียดายที่ผมไม่ได้อยู่กับคุณกับลูกตั้งแต่แรก ไม่ได้เห็นตอนเขาทำอะไรครั้งแรก ไม่ได้ช่วยคุณอุ้มเขา ผมขอโทษนะ นิสา” หญิงสาวควานหามือเขาที่วางบนตัวลูกแล้วบีบเบาๆ “ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ อย่าโทษตัวเองเลย” เธอปลอบและให้กำลังใจ ตอนนี้เขามีความทุกข์มากพอแล้ว ไม่ควรต้องมีเรื่องอื่นทำให้ยิ่งทุกข์และรู้สึกแย่มากไปกว่าเดิม กวินภพบีบกลับ ความอบอุ่นไหลแทรกซึมทั่วร่างทั่วหัวใจ ความเจ็บปวดจากเรื่องของการันต์และพลอยปภัสร์เบาบางลงมาได้บ้าง แม้จะไม่หมดก็ตาม เมื่อนึกถึงสองคนนั้น เขาก็เผลอขบกรามแน่นด้วยความแค้นเคือง ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เขาไม่คิดว่าทั้งคู่จะกล้า เขารักการันต์เหมือนน้องชายแท้ๆ เพราะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือแบ่งปันมาทุกอย่าง ทุกเรื่อง ยิ่งไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกด้วยกันตั้งแต่จบประถม ก็ยิ่งต้องดูแลช่วยเหลือกัน ช่วงที่เขากับเรียนปริญญาโทจบ ก็มีนักเรียนสาวจากเมืองไทยย้ายไปเรียนที่นั่นด้วย สวย น่ารัก อ่อนหวาน เป็นที่ต้องตาต้องใจหนุ่มไทยและหนุ่มฝรั่งหลายคน รวมทั้งเขา และเขาก็โชคดีนักที่เป็นคนที่เธอเลือก เขาเรียนจบก็ฝึกงานอยู่ที่นั่นต่อเพื่อรอเธอเรียนจบ ส่วนการันต์กลับเมืองไทยก่อน เมื่อเธอเรียนจบ ก็บินกลับไปไทยพร้อมกันกับเขา ไม่นานเขาก็โดนดักชิงทรัพย์ทำร้ายร่างกาย สูญเสียความทรงจำไป จนครอบครัวต้องส่งไปรักษาตัวที่เมืองนอก โดยมีพลอยปภัสร์ตามไปดูแล ซึ่งเธอก็เล่าว่าระหว่างที่ความจำเขาไม่กลับมา เธอได้ดูแลเขาอย่างดี ช่วงนั้นการันต์ก็ตามไปเรียนปริญญาโทด้วย และคอยช่วยพลอยปภัสร์ดูแลเขา ทั้งสองคนสนิทกันมากเหมือนพี่น้องกันจริงๆ และเขาก็วางใจทั้งคู่มาก แม้แต่วันที่พลอยปภัสร์ช่วยเลือกชุดให้นิสา เขาก็ยังไม่เอะใจ แม้จะเห็นว่าทั้งคู่เดินออกมาจากห้องลองด้วยกัน แต่ก็คิดว่าตัวเองอาจตาฝาด ...ไม่นึกเลย... ความคิดของกวินภพชะงักไป เมื่อรู้สึกว่ามือที่เกาะกุมมือเขาอยู่คลายลง แสดงว่าเธอคงหลับไปแล้ว ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นเป็นนอนตะแคง แล้วมองสองแม่ลูกผ่านความสลัว แม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ความอบอุ่นในหัวใจของเขากลับยิ่งเด่นชัด พร้อมกันนั้น ก็ให้นึกสงสารผู้หญิงตัวบางๆ คนนี้นัก ต้องเลี้ยงลูกมาคนเดียว ต้องทนกับสายตาและคำพูดดูถูกสารพัด ขณะที่เขาซึ่งเป็นพ่อของเด็กกลับใช้ชีวิตสุขสบายที่เมืองนอก เถอะ ถึงจะเป็นการไปรักษาความทรงจำ แต่ชีวิตก็ไม่ได้ลำบากอะไร แล้วตอนนี้เธอยังโดนการันต์หักหลังอีก เมื่อครู่นี้ ตอนที่เห็นเธอเห็นภาพของการันต์กับพลอยปภัสร์ เขาก็ห่วงความรู้สึกเธอยิ่งนัก ไม่ต่างจากที่เธอก็ห่วงความรู้สึกเขา กวินภพก้มลงหอมแก้มลูกชายอีกครั้งหนึ่ง แต่ก่อนจะก้าวลงจากเตียง เขาก็ตัดสินใจจุ๊บแก้มแม่ของลูก เพื่อขอบคุณที่วันนี้เธออยู่ข้างๆ เขาตอนที่เขาเจ็บปวดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต หลังจากนั้นจึงลุกจากมาเพื่อไปนอนในห้องที่เธอเตรียมไว้ให้ แต่ก็นั่นละ เขานอนไม่หลับ สมองยังวนเวียนอยู่กับภาพของการันต์และพลอยปภัสร์ พร้อมกันนั้นก็คิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุดด้วย กวินภพรู้สึกตัวตื่น เพราะได้ยินเสียงสองแม่ลูกที่คุยกันอยู่นอกห้อง เสียงทำกับข้าวดังกุกกักๆ พร้อมกลิ่นอาหารที่ลอยผ่านประตูห้องเข้ามา “พี่น้ำค้าบ แต่งตัวเสร็จหรือยังคับ” “เสร็จแล้วค้าบแม่” แล้วก็มีเสียงฝีเท้าเด็กน้อยเดินเร็วๆ จากห้องนอน ผ่านห้องของเขาไปที่ห้องครัว “นั่งโต๊ะเลยคับ เตรียมตัวทานข้าว” “แม่ค้าบ...พี่น้ำไม่กินข้าวได้มั้ยคับ พี่น้ำไม่หิว” “ไม่หิวก็ต้องกินคับ อาหารเช้าสำคัญกับร่างกายเรามาก โดยเฉพาะเด็กอย่างพี่น้ำ” “เดี๋ยวพี่น้ำไปซื้อขนมกินที่หน้าโรงเรียนก็ได้คุณแม่ อิ่มเหมือนกัน” “อิ่มเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันคับ ขนมพวกนั้นไม่มีประโยชน์ นอกจากช่วยให้อิ่มนิดหน่อย...แล้วก็วางของเล่นก่อนด้วยคับ” “พี่น้ำขอเล่นต่ออีกนิดหนึ่งได้มั้ยคับ จะเสร็จแล้วเนี่ยคับ” “ไม่ได้คับ นี่เป็นเวลากินข้าว” แล้วก็มีเสียงกุกกักๆ ต่อ ตามด้วยเสียงดุเบาๆ “พี่น้ำ วางของเล่น แล้วกินข้าวคับ” “ค้าบ กินแล้วค้าบ” กวินภพนอนอมยิ้มอยู่บนเตียง เสียงข้างนอกนั่นฟังเพลินเหลือเกิน เพลิน สดใส มีชีวิตชีวา แล้วก็อบอุ่นในหัวใจ นี่กระมัง เสียงของครอบครัว... “แม่ค้าบ เมื่อคืนพี่น้ำฝันแปลกด้วยอ่ะคับ” ทางด้านสองแม่ลูก ระหว่างที่ทานข้าว เด็กชายธาราก็เอ่ยกับผู้เป็นแม่ “แปลกยังไงคับลูก” “พี่น้ำฝันเห็นคุณลุงคับ เหมือนกับว่าคุณลุงวินมากอดแล้วก็หอมพี่น้ำด้วยนะคับ” ตอบเสียงแจ๋วๆ คนเป็นแม่ชะงัก เหลือบมองประตูที่ตอนนี้ ‘คุณลุง’ นอนอยู่แวบหนึ่งก็ก้มลงเอ่ยกับลูก “รีบทานข้าวกันดีกว่านะ” “เมื่อไหร่คุณลุงจะมาอีกคับ” พอจบคำถามนั้น คุณลุงก็เปิดประตูออกมาพอดี นิสาที่หันหน้าไปทางประตูเงยหน้ามอง ก็เห็นว่าเขาเอานิ้วชี้จุปากห้ามไม่ให้เธอพูดอะไร เธอจึงก้มหน้าทานอาหารต่อ “แม่คับ แม่มีเบอร์คุณลุง...อุ๊ย” ตอนท้ายเด็กชายอุทาน เมื่อมีมือใหญ่มาปิดตาเขาไว้ “ทายซิ ใครเอ่ย” มืออ้วนป้อมรีบแกะมือใหญ่ออกด้วยความตื่นเต้น แล้วรีบหันไปมอง “คุณลุง!” กวินภพกอดลูกชายและก้มลงหอมแก้มเขาครั้งหนึ่ง “มอนิ่งคับ คนเก่ง” “คุณลุงมานอนที่นี่จริงๆ พี่น้ำไม่ได้ฝันไป” “ก็ไม่ได้ฝันนะสิคับ” เขาว่าพลางทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ นั้น “คุณลุงมาเมื่อไหร่คับ ทำไมพี่น้ำไม่รู้เลย” “มาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละ แต่เห็นพี่น้ำหลับอยู่ก็เลยไม่ปลุก ไหน เช้านี้มีอะไรกินบ้าง ขอคุณลุงกินด้วยได้มั้ยคับ” “แม่คับ ตักข้าวให้ลุงด้วยคับ” เด็กชายหันมาขอร้องแม่ด้วยท่าทีที่ยังตื่นเต้นและกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายสดใส “จ้า” “คุณลุงไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ล้างมือก่อนนะคับ” เขาหันไปทางคุณลุงและออกคำสั่งอย่างที่แม่เคยสั่งให้ทำจนเป็นกิจวัตร กวินภพหัวเราะชอบใจ ยกมือยีศีรษะเขาเบาๆ ด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ ก่อนเงยหน้ามาส่งยิ้มกับคนเป็นแม่ แล้วจึงยอมลุกจากเก้าอี้ไปทำตามคำนั้น “อ้าว แล้วเพื่อนคุณล่ะ” เมื่อกลับมา เขาก็ถามหาคนที่เมื่อคืนมาช่วยดูลูก “ลุกกลับแต่เช้ามืดแล้วค่ะ...พี่น้ำจ๋า คนดีของแม่ รีบทานคับ อย่ามัวแต่มองคุณลุงอยู่เลย” หญิงสาวอดแซวลูกชายไม่ได้ เมื่อเห็นเขาเอาแต่มองหน้ากวินภพอยู่นั่นเอง “คุณครูบอกว่าพี่น้ำหน้าเหมือนคุณลุง บอกว่านึกว่าเป็นคุณพ่อด้วยละ” แล้วเขาก็หัวเราะประสาซื่อ “คุณแม่ว่าเหมือนมั้ยคับ” ผู้ใหญ่ทั้งสองคนชะงักแล้วมองหน้ากัน เพราะไม่รู้จะตอบลูกว่าอย่างไร “ถ้าเหมือนลุงก็จงภูมิใจเถอะว่าหล่อมาก” กวินภพรีบเล่นมุก ก่อนบรรยากาศจะหม่นลง เพราะตอนนี้มันดีเหลือเกิน “ผมอยากหล่อเหมือนคุณลุงคับ” “คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” เด็กชายหัวเราะเสียงใส สีหน้าระบายด้วยความสุขที่นิสามองข้ามไม่ได้ ขอบตาเธอร้อนผ่าวจนต้องอิ่มข้าว ยกจานไปวางในอ่างล้าง กรีดน้ำตาให้เสร็จเรียบร้อย แล้วจึงหันมา “รีบกินเร็วเข้า เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะคับ” “ค้าบ” วันนี้เด็กชายธาราร่าเริงกว่าทุกวัน เพราะมีแม่กับคุณลุงจูงมือเข้าไปส่งข้างในโรงเรียน โดยก่อนกลับ เด็กชายอ้อนขอให้คุณลุงมาอีกจะได้ไหม ซึ่งคุณลุงก็รับปากมั่นเหมาะ ส่งลูกเรียบร้อยแล้ว กวินภพก็ไปส่งนิสาที่ทำงาน แม้หญิงสาวจะปฏิเสธก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD