ตอนที่ 8 ปิ่นหยกลายโบตั๋น

1373 Words
รถม้าสกุลหยวนมาจอดเทียบที่หน้าโรงน้ำชาสกุลฉู่ อาไฉ่บ่าวคนสนิทและผู้คุ้มกันประจำตัวหยวนไป๋เยี่ยนนำม้วนตำราขึ้นไปเก็บยังห้องที่ฉู่อวี่หนิงจัดเตรียมเอาไว้ คุณหนูฉู่ลงจากรถม้าแล้วจะเดินเข้าไปในโรงน้ำชาพร้อมกับเสี่ยวชิ่งที่ติดตามมา แต่หยวนไป๋เยี่ยนก็เดินมาขวางเอาไว้เสียก่อน “ท่านแม่กำชับมาว่าให้ข้าหาของขวัญให้เจ้า เราเดินไปดูเครื่องประดับสักชิ้นก่อนแล้วค่อยขึ้นไป” บัณฑิตหนุ่มกล่าว ฉู่อวี่หนิงมองด้วยสายตาที่เรียบเฉย บุรุษผู้นี้ตั้งใจจะทำให้นางรู้สึกแย่ด้วยการอ้างถึงมารดา บ่งบอกว่าการกระทำทุกอย่างล้วนไม่ได้มาจากความตั้งใจของเขา เย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งเสียอีก เสี่ยวชิ่งเดินตามคุณหนูของตนด้วยสีหน้าดูไม่สดใส หันกลับไปมองที่โรงน้ำชาอยู่ตลอดจนฉู่อวี่หนิงสังเกตเห็น นางจึงหยุดเดินแล้วหันไปหาสาวใช้ของตน “วันนี้ข้าให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน” พูดจบก็หยิบพวงเงินขึ้นมาเอาให้นางจำนวนห้าสิบอีแปะ “ข้าเอาให้เจ้าติดตัวไว้ อยากได้อะไรก็ซื้อ แล้วอย่าลืมซื้อขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงร้านเถ้าแก่หม่ามาให้ข้าด้วย” นางกล่าวอย่างรู้ใจว่าสาวใช้ต้องการที่จะไปหาหวังลู่ลูกชายหลงจู๊ที่ดูแลโรงน้ำชาให้สกุลฉู่ของตน “ขอบคุณคุณหนู” เสี่ยวชิ่งไม่ปฏิเสธความเมตตานั้น รับเงินแล้วรีบเดินไปด้วยความยินดี คุณหนูใหญ่ฉู่ยิ้มมองตามอย่างสุขใจ พอหันหลังกลับไปพบว่าหยวนไป๋เยี่ยนยืนเอามือขัดหลัง มองนางด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ากำลังจ้องจับผิดอะไรบางอย่าง พลันแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย “อยากอยู่กับข้าตามลำพังถึงกลับต้องติดสินบนสาวใช้ของตัวเองให้ออกไปเลยหรือ” “ท่านคิดว่าตนเองรูปงามและมีเสน่ห์น่าดึงดูดจนข้าอยากอยู่ด้วยตามลำพังเช่นนั้นหรือ หากสบายใจท่านจะคิดเช่นนั้นก็ได้” รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความขบขัน ยกพัดขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะเบา ๆ เงยหน้าขึ้นสบตาที่กำลังจับจ้องอย่างไม่ลดละ “รีบไปซื้อของแทนใจให้แก่คู่หมั้นของท่านเถิด นางอยากเดินเคียงข้างกับบัณฑิตรูปงามจนร้อนใจไปหมดแล้ว” น้ำเสียงอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความประชดประชันทำให้หยวนไป๋เยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความขัดใจที่ถูกนางพูดประชดใส่ ก่อนที่จะสะบัดชายเสื้อแล้วเดินเคียงข้างกับนางไปยังร้านขายเครื่องประดับด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง สายตาของคนที่จับจ้องกิ่งทองใบหยกคู่นี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน ช่างดูเหมาะสมทั้งฐานะและรูปร่างหน้าตาเป็นที่ชื่นชมของผู้พบเห็น เมื่อไปถึงร้านขายเครื่องประดับที่ตั้งตรงหน้าก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่หลี่โม่เทียนและจางเยี่ยนฟางเดินมาถึงหน้าร้านพอดีเช่นกัน หยวนไป๋เยี่ยนไม่ได้ถอยให้ เขาเดินเข้าไปในร้านก่อน แต่หลี่โม่เทียนก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน จึงทำให้เกือบที่จะชนกันของสองบุรุษ ทั้งสองสบตากันเล็กน้อยก่อนที่นายกองหลี่จะเป็นฝ่ายหลีกทางแล้วผายมือให้อย่างสุภาพ “เชิญคุณชายหยวนก่อน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบพร้อมกับมองหน้าคุณหนูฉู่ที่จ้องมา รู้สึกถึงแววอาฆาตในสายตาคู่นั้นจนขนลุกชันไปทั่วแผ่นหลัง อธิบายไม่ถูกว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือเป็นเพราะว่านางล่วงรู้ถึงแผนการที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วและสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของตนเช่นนั้นหรือไม่ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็อดระแวงไม่ได้ เมื่อถูกเชิญให้เข้าไปก่อนก็ย่อมต้องรับน้ำใจนั้นเอาไว้ หยวนไป๋เยี่ยนพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปด้วยท่าทีที่สง่างาม ตามด้วยฉู่อวี่หนิงที่เดินเข้าไปโดยไม่สนใจทักทายนายกองหลี่กับหญิงงามที่เคียงข้าง จางเยี่ยนฟางปรายตามองดูจางเยี่ยนฟางที่ทำสีหน้าไม่พอใจมองทั้งสองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก “พวกเรามาถึงก่อน เหตุใดท่านจึงยอมให้สองคนนั้นเข้าไปก่อนเล่า” นางพูดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ “ข้าไม่อยากมีเรื่องกับใคร คุณหนูจาง…ข้าเป็นเพียงนายกองทหารไม่ได้มีอำนาจอะไร ทั้งสองเป็นถึงลูกเศรษฐีคหบดีในหนานอัน คุณชายหยวนก็เป็นถึงทายาทสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งของแคว้นฉี ทหารชั้นผู้น้อยอย่างข้าไม่อาจทำให้เขาขัดเคือง” ประโยคที่ยังถ่อมตนทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งและยิ่งรักใคร่ชายที่แสนดีผู้นี้ “นายกองหลี่ไม่ต้องกังวล ข้าจะสนับสนุนท่านให้ได้ฝึกฝนร่ำเรียนกับยอดฝีมือชื่อดังและให้ท่านพ่อช่วยสนับสนุนกองทัพเพื่อนดันให้ท่านขึ้นสู่ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่” “ทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากการติดสินบน ข้าอยากสอบเลื่อนขั้นเองน่าจะดีกว่า หากข้าเลื่อนขั้นได้เป็นรองแม่ทัพก็จะเหมาะสมกับท่าน ถึงตอนนั้นข้าจึงจะกล้าสู่ขอคุณหนูได้อย่างสมเกียรติและภาคภูมิใจ” ประโยคนั้นทำให้คนฟังใบหน้าร้อนผ่าว “ไม่ต้องรอให้เป็นรองแม่ทัพ ท่านเป็นนายกองก็แต่งงานกับข้าได้ ท่านพ่อชื่นชมท่านยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยกขาให้ท่านอย่างแน่นอน” น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความเทิดทูน มือเรียวสอดคล้องแขนแข็งแกร่งแล้วเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับด้วยกัน หลี่โม่เทียนลอบยิ้มด้วยความพอใจกับสตรีที่หลงใหลเชื่อฟังคำพูดของตน ปิ่นหยกสีเขียวแสงขาวเนื้อดีสลักเป็นรูปดอกโบตั๋นลวดลายประณีตวางอยู่ตรงหน้า ฉู่อวี่หนิงจ้องมองปิ่นอันนั้นด้วยความที่รังเกียจ ชาติที่แล้วหลี่โม่เทียนเลือกซื้อให้กับตนเพื่อเป็นของรักแทนใจถือเป็นสิ่งที่ใช้หมั้นหมาย ชาตินี้นางจะไม่มีวันแตะต้องปิ่นอัปมงคลชิ้นนี้อย่างเด็ดขาด หลี่โม่เทียนกับคุณหนูจางเดินเข้ามา ทำให้นางคิดถึงประโยคที่เขาใบ้มัดใจนางเมื่อชาติที่แล้ว “ข้าใช้เงินเดือนทั้งปีของข้าเพื่อซื้อปิ่นหยกชิ้นนี้ให้แก่เจ้า เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ” ประโยคนี้หวังว่าคงไม่นำกลับมาใช้อีก “ปิ่นปักผมชิ้นนั้นงดงามยิ่งนัก” จางเยี่ยนฟางสะดุดตากับปิ่นปักผมตรงหน้า แต่เสียดายที่มีป้ายบอกว่ามีคนจับจองแล้ว “ปิ่นชิ้นนั้นเป็นข้าที่เตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูจาง” หลี่โม่เทียนกล่าวพร้อมกับยืดอกอย่างภาคภูมิ “จริงหรือ ท่านเป็นคนซื้อให้ข้าหรือ” “ใช่แล้ว ข้าใช้เงินเดือนทั้งปีซื้อปิ่นนี้ให้ท่าน เป็นการแสดงความจริงใจว่าข้ายอมเสียทุกอย่างได้เพื่อความสุขของท่าน” ฉู่อวี่หนิงได้ยินประโยคนี้ก็ยกพัดปิดบังรอยยิ้มที่ขบขันปนสมเพช จากนั้นก็หันไปหาเครื่องประดับชิ้นที่ถูกใจ “ข้าอยากได้สร้อยเส้นนี้” นางชี้ไปที่สร้อยทองเส้นหนึ่งที่มีจี้ทับทิมล้อมรอบไข่มุกคล้ายกับปิ่นที่นางปัก “แม่นางสายตาเฉียบแหลม สร้อยชิ้นนี้เป็นฝีมือของช่างฝีมือเก่าแก่” เจ้าของร้านกล่าวแล้วหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาให้ หยวนไป๋เยี่ยนจ่ายเงินแล้วรับสร้อยมาถือไว้ มองสายตาที่เป็นประกายสุกใสของหญิงคู่หมั้น จากนั้นก็ก้าวขาเข้าไปยืนตรงหน้าแล้วสวมสร้อยให้แก่นาง พร้อมโน้มไปกระซิบเสียงเบา “เลือกของที่แพงใช้ได้เลยนะคุณหนูฉู่” “คุณชายหยวนซื้อให้ทั้งทีจะน้อยกว่านี้ได้อย่างไรกัน” นางกล่าวแล้วถอยออกห่างเมื่อสวมสร้อยคอสำเร็จ สายตาที่มองหยวนไป๋เยี่ยนเต็มไปด้วยผลประโยชน์ที่แอบแฝง ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD