แม่ม่ายผัวทิ้ง!

1354 Words
“ใจเย็นๆ สิครับที่รัก” ศรุชาอยากจะยิ้มเยาะ แต่ก็ทำได้เพียงขยับมุมปากนิดๆ กับคำหวานหูของสามีตัวเอง เขาไม่เคยสักครั้งที่จะเรียกเธอให้ชื่นใจว่า ‘ที่รัก’ คงเป็นเพราะสำหรับเขา ศรุชาคือ ‘ที่ชัง’ มากกว่ามั้ง แม้ไม่อยากจะรู้สึกรู้สากับสิ่งใด แต่ก็อดไม่ได้ที่หัวใจจะเจ็บแปลบขึ้นมาหน่อยๆ “เซ็นต์ชื่อตรงนี้ใช่ไหมคะ” หญิงสาวผู้อาภัพในชีวิตรักหันไปถามเพื่อความแน่ใจกับเจ้าพนักงานที่นั่งตรงหน้า ที่มีทีท่ากระอักกระอ่วนแปลกๆ เขาพยักหน้ารับพร้อมส่งสายตาเห็นใจมาให้เมียหลวงที่ผัวควงมาหย่าต่อหน้าชู้รัก หากทว่ายังไม่ทันได้จรดปากกาลงไป จู่ๆ ก็มีเสียงขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน “เดี๋ยว!” หญิงสาวชะงัก เงยหน้ามองเจ้าของน้ำเสียงนิ่งๆ แอบคิดว่าเขาอาจเกิดจะเปลี่ยนใจเสียดายภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคนนี้ขึ้นมาในนาทีสุดท้ายจนไม่อยากหย่าหรือเปล่า แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อได้ยินคำถามต่อมา “แล้วสมบัติ เอ่อ...สินสมรสล่ะครับ” “ตามกฏหมายก็ต้องแบ่งครึ่งครับ” เจ้าพนักงานเป็นฝ่ายตอบแทน “เอ๊ะ ไม่ได้นะ มันมาตัวเปล่า จะมาชุบมือเปิบฮุบเอาสมบัติของฉัน เอ๊ย! ของเราไปเฉยๆ แบบนี้ได้ไง มิ้งค์ไม่ยอมนะคะกฤต” เมื่อเห็นสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันได้ ทำให้ทีแรกที่คิดว่าอยากจะปฏิเสธไม่ขอรับอะไรจากคนเป็นสามีแม้แต่แดงเดียว เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ให้จนถึงที่สุด ศรุชาจึงเปลี่ยนใจนิ่งเงียบเสีย รอดูว่าคนตรงหน้าจะทำอย่างไร เมื่อต้องแบ่งมรดกที่เพิ่งได้จากการเสียชีวิตของบิดามารดาให้ภรรยาที่เขาแสนจะเกลียดชังราวกับเศษสวะโสโครกคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำอะไรให้ นอกจากแต่งงานกับเขาตามที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบด้วยก็แค่นั้น หากไม่นับทางพฤตินัยที่เขาเองเป็นฝ่ายปฏิเสธเธอมาตลอด ขนาดห้องนอนยังต้องแยก ขนาดคืนเข้าหอ เขายังทิ้งเธอไปหาหญิงอื่นด้วยซ้ำ แถมยังนอกใจไปคบผู้หญิงคนที่ว่าซ้อนกับเธอเสียด้วย ที่แสบกว่านั้นคือ...เขาคบกันแบบเปิดเผยชนิดตำตาเธอเลยทีเดียว แล้วเธอจะไปทำยังไงได้ ภรรยาที่สามีไม่รัก ภรรยาที่ได้มาเพราะพ่อแม่บังคับจับคลุมถุงชนแต่งงานทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จริงๆ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำผิดหรอก แต่อาจเป็นเธอต่างหากที่อยู่ผิดที่ “ถ้าไม่ยอม เห็นทีพวกคุณคงต้องฟ้องร้องต่อศาล แต่คงต้องใช้เวลาอีกมากทีเดียวนะครับ” นายทะเบียนเอ่ยคล่อง เพราะนี่ไม่ใช่เคสแรกที่เจอ ยังดีที่เคสนี้ไม่มีลูกเต้าให้ต้องตบตีแย่งชิงกันด้วย หาไม่คงได้ปวดหัวมากกว่านี้ เผลอๆ งานนี้หากฝ่ายเมียหลวงเขี้ยวๆ อีกหน่อยไปยื่นฟ้องว่าโดนสามีนอกใจตนไปมีชู้จนตั้งครรภ์ขึ้นมา คดีนี้คงจบไม่สวยแน่ แต่ดูจากท่าทางภรรยาตามกฏหมายรายนี้จะนิ่งเหมือนยอมรับชะตากรรมเสียมากกว่า ไม่งั้นผัวพาเมียใหม่มาเย้ยกันแบบนี้รายอื่นคงมีตบตีกันให้วุ่นไปแล้ว “ไม่ได้นะ! มิ้งค์รอวันนี้มาตั้งนานแล้ว จะให้รออีกนานแค่ไหนกันคะ นี่มิ้งค์ต้องยอมให้คนทั้งเมืองหัวเราะเยาะนินทาว่ามิ้งค์เป็นเมียน้อยคุณกับผู้หญิงคนนี้ถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อเราสองคนรักกันมาก่อนที่คุณจะถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้คนนี้ด้วยซ้ำ” เสียงแปดหลอดนั่นทำให้คนแถวนั้นหันมามองกันอย่างสนใจ แถมยังทำให้หัวหลักหัวตอที่ถูกพาดพิงอย่างศรุชาเริ่มจะหน้าชาเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุ๊บๆ จนแทบจะหัวระเบิด “แต่ถ้าหย่าตอนนี้ สมบัติพ่อแม่ผมก็ต้องถูกแบ่งครึ่งน่ะสิ” กฤตภาคย์เอ่ยหน้าเครียด แม้รู้ดีว่าเขาไม่อยากเสียผลประโยชน์อะไรทั้งนั้นให้ภรรยาแสนชังที่กำลังจะกลายเป็นอดีตแม้แต่สตางค์แดงเดียว ซึ่งถ้าหากเขายอมขอร้องดีๆ ด้วยคำพูดที่ไม่ต้องหวานเท่าที่เขาพูดกับคนที่เขารักก็ได้ บางทีศรุชาก็คงยอมไม่รับสินสมรสที่ว่าเลยสักแดงเดียวก็ได้ เพื่อเห็นแก่พ่อกับแม่สามีที่ท่านใจดีมีเมตตามาตลอด แต่นี่เขากลับทำราวกับไม่ยอมเห็นหัวใครทั้งนั้น แม้กระทั่งบิดามารดาที่นอนในโลงยังไม่ทันได้เผาทั้งคู่ หลังพวกท่านเสียเพียงไม่นานก็ลากเธอมาหย่าที่เขตพร้อมกับยอมให้ผู้หญิงอีกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกันจนย่อยยับต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ “เอายังไงดีคะ ตกลงจะให้ฉันเซ็นต์ชื่อได้หรือยัง” หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉื่อยไม่ยินดียินร้าย ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า ความอ่อนแอไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนอกจากจะทำให้คนอื่นไม่เกรงใจเราก็เท่านั้น ความสุภาพอ่อนน้อมควรใช้กับคนที่เห็นค่าของมัน หาใช่คนที่นอกจากไม่เคยเห็นค่า แล้วยังคอยแต่เหยียบย่ำหัวใจกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เห็นเขานิ่งคิดหน้าเครียดจัดไปพักใหญ่ ตาดุๆ คู่นั้นมองมาเหมือนถ้าหักคอกันได้คงทำไปแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็ตัดใจเอ่ยออกมาอย่างขอไปที “อืม! ก็รีบเซ็นต์สิ” แอบเห็นสายตาพิฆาตของผู้หญิงคนนั้นตวัดมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน ก็แอบยิ้มเย็นก่อนจับด้ามปากกาไว้มั่น แล้วจรดมันลงไปบนกระดาษตรงหน้าอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป ปิดฉากการเป็นเมียที่มีค่าเพียงเศษสวะในหัวใจของผู้ชายตรงหน้าตลอดกาล รอชั่วครู่กระดาษสองใบก็ถูกยื่นคืนมาให้ ศรุชาเอื้อมไปหยิบใบหนึ่งขึ้นมาอ่านดูความถูกต้องก่อนส่งให้ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมาย สามีที่เพิ่งกลายเป็นอดีตหมาดๆ ! “นี่ค่ะ อิสรภาพของคุณ ฉันขอคืนให้” เขาตวัดสายตามองนิดๆ ก่อนที่กระดาษแผ่นนั้นจะถูกมือของหญิงสาวข้างกายคว้าหมับไปดูอย่างเสียมารยาท แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงดีใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ “จบเรื่องแล้ว ฉันขอตัวไปเก็บข้าวของที่บ้านก่อนนะคะ” “เดี๋ยวก่อน!” ร่างบางระหงชะงักกึก “แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่หยิบสมบัติของผัวฉันติดมือไปด้วย” “ข้อนั้นอย่าห่วงเลยค่ะ เพราะเท่าที่ได้ไปฉันก็คิดว่ามันมากพอที่ฉันจะไม่ต้องลักขโมยสมบัติใครแล้ว” “แก!” “ใจเย็นๆ สิครับมิ้งค์ โมโหมากไปจะไม่ดีกับลูกของเรานะ แถมยังเสียฤกษ์ดีๆ ด้วย” น้ำเสียงเชือดเฉือนนั่นไม่เท่าดวงตาร้ายกาจที่ตวัดไปทางคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียฤกษ์ “อุ้ย...นั่นสิคะ มิ้งค์ก็ลืมไป เอ้า...หมดเรื่องก็รีบๆ ลุกเสียทีสิ ฉันกับกฤตจะได้จดทะเบียนสมรสต่อเลย” เจ้าหล่อนน้ำเสียงเยาะเย้ยโดยไม่ปิดบัง ศรุชาแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสกัดกลั้นละอองน้ำที่กำลังจะหยาดรินให้ย้อนกลับเข้าไป ก่อนตีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่แยแสก่อนที่จะประคองร่างที่จวนเจียนจะเป็นลมของตนจากชายหญิงทั้งสองไปพร้อมกับใบหย่าในมือ อิสรภาพที่ได้รับกลับคืนมาอีกครั้ง ปิดฉากบทบาทภรรยาที่เหมือนเศษสวะในหัวใจของกฤตภาคย์ตลอดกาล พร้อมกับเปิดฉากบทบาทใหม่ของชีวิต... แม่ม่ายผัวทิ้ง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD