เช้าวันต่อมา…
“อ๊ากก! ทำไมยังไม่หายไปอีก” ดวงวิญญาณสาวที่ว่างจากการตรวจตรารอบบ้านโวยวายพลางทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ เมื่อภาพในห้องน้ำเมื่อวานยังติดตาเธออยู่ “แบบนี้ฉันจะทำสมาธิได้ยังไงกัน ไม่มีสมาธิเลย” เสียงหวานบ่นอุบก่อนจะปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยสองมือเรียว
ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ที่ออกจากห้องน้ำได้ ดวงวิญญาณสาวก็พยายามทำสมาธิตามที่ดวงวิญญาณอาวุโสสั่งไว้ ทว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้เธอก็ยังไม่สามารถทำจิตใจให้สงบลงได้ ภาพของใครบางคนที่ทำกิจบางอย่างในห้องน้ำต่อหน้าต่อตาเธอยังวนอยู่ในหัวซ้ำ ๆ
“แถมยังชอบพูดอะไรแปลก ๆ อีก ทำอย่างกับว่ามองเห็นเรางั้นแหละ” ดวงวิญญาณสาวว่าพลางทิ้งตัวลงนอนแผ่หรากลางพื้นห้องโถงในศาลเจ้าที่อย่างไม่กลัวว่าจะมีใครมาเห็นเพราะเวลานี้เธออยู่ในศาลนี้คนเดียว
“จะออกไปเที่ยวเล่นก็ไม่ได้อีก อยากไปเม้าท์มอยจังเลยไม่ได้ออกไปนานแล้วนะเนี่ย” ดวงวิญญาณสาวพึมพำ
ตั้งแต่ที่โดนท่านปู่สั่งให้เธอกับเพื่อน ๆ ทำสมาธิเธอก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนอีกเลย ต้องรอจนกว่าจะถึงคืนปล่อยผีถึงพากันออกมาได้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาท่านปู่จะไม่ได้ลงอาคมไว้แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งออกไปไหน กระทั่งเพื่อน ๆ ของเธอขัดคำสั่งแล้วทำเรื่องร้ายแรงขึ้นนั่นแหละสองคนนั้นถึงถูกตรึงวิญญาณไว้ทิ้งให้เธอต้องอยู่คนเดียวแบบนี้
“ความจริงเราออกไปก็ได้นี่นา…แต่ไม่ดีกว่า อยู่แค่ในบ้านก็น่าจะพอแล้ว” ว่าจบก็หายวับออกจากศาลเจ้าที่เข้ามาในบ้านหลังใหญ่พลางกวาดสายตามองไปรอบบ้านที่ยังเงียบอยู่ “ยังไม่ตื่นเหรอ?” เสียงหวานพึมพำเมื่อไม่เห็นคนที่กำลังมองหา
“อยากดูทีวีก็ดูไม่ได้” ดวงวิญญาณสาวบ่นอุบก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าทีวี ดวงตาคู่สวยจ้องมองจอทีวีที่ดำมืดสนิท
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเปิดทีวีดูได้อย่างสบายใจเฉิบไม่ต้องกลัวว่าใครมาเห็นหรือตกใจกลัว แต่ตอนนี้จะขยับตัวก็ยังต้องระวังเพราะผู้อาศัยคนใหม่เป็นถึงน้องชายของผู้เป็นนายหญิง หากทำอะไรพลาดไปแล้วความลับที่ว่ามัดหมี่แต่งงานกับผีนั้นแพร่ออกไปคงไม่ดีแน่
“ของในตู้เย็นก็กินไม่ได้” ดวงวิญญาณพ่นลมหายใจออกมา
เธอติดนิสัยใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปนับตั้งแต่ท่านปู่แต่งงานกับท่านย่าหรือมัดหมี่ซึ่งเป็นคนปกติเสียแล้ว นายหญิงของเธอนั้นใจดีกว่าท่านปู่เป็นร้อยพันเท่าเหล่าบริวารอย่างพวกเธอรู้กันดี นายหญิงของเธอมักจะเตรียมของอร่อยไว้รอพวกเธอในคืนวันปล่อยผีและอนุญาตให้ดูทีวีได้ทั้งวันทั้งคืน
“น่าเบื่อชะมัด” ดวงวิญญาณสาวทิ้งตัวลงนอนแผ่บนโซฟาใหญ่ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ ด้วยความเหนื่อยล้าเพราะไม่ได้พักผ่อนตั้งแต่เมื่อคืน
* * * * * * * * * *
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นรบกวนการหลับนอนของใครบางคน ร่างใหญ่ขยับไปมาใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มควานหาโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นต้นตอของเสียง
“เช้าแล้วเหรอวะ ทำไมรู้สึกเพิ่งนอนไปแป๊บเดียวเอง” ริมฝีปากหนาบ่นอุบเมื่อยกโทรศัพท์มือถือมากดปิดนาฬิกาที่ตั้งเวลาไว้ก่อนจะกระตุกผ้าห่มออกเมื่อนึกได้ว่าวันนี้มีหลายอย่างที่ต้องทำ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินลงมาจากชั้นบนของบ้านดังขึ้น ทว่าร่างบางที่นอนแผ่บนโซฟาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เธอชะโงกหน้าไปมองต้นตอของเสียงก่อนจะนอนแผ่ต่อเพราะมั่นใจว่าไม่มีใครมองเห็นเธอ
“หึ สบายจริงจริ๊ง” เสียงทุ้มแค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างเมื่อสายตาปะทะเข้ากับเงาดำมืดที่นอนแผ่หราอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน
“…?” เจ้าของเงาดำได้ยินแบบนั้นก็ผงกหัวขึ้นมองตามแผ่นหลังกว้างพลางครุ่นคิดจนคิ้วเรียวสองข้างขมวดเข้าหากัน “คุยคนเดียวหรือคุยโทรศัพท์กันนะ?” เงาดำพึมพำก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามเดิม “แต่ไม่น่าจะคุยกับเราหรอกเพราะเขามองไม่เห็น คิก ๆ”
แกรบ
มือใหญ่ฉีกห่อขนมในมือออกก่อนจะหยิบแผ่นมันฝรั่งทอดแผ่นใหญ่เข้าปากไปเคี้ยวเสียงดังจนเงาดำที่นอนแผ่อยู่โซฟาฝั่งตรงข้ามต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
กรอบ!
ฟันคมขบมันฝรั่งทอดแผ่นใหญ่จนเกิดเป็นเสียงดังกรุบกรับทำเอาเจ้าของเงาดำถึงกับน้ำลายสอเพราะมันเป็นของโปรดของเธอ หากมัดหมี่ผู้เป็นนายหญิงอยู่ที่นี่เธอมักจะได้กินขนมแบบนี้เพราะนายหญิงเตรียมไว้ให้
อึก อึก อึก
ลำคอหนากลืนน้ำอัดลมกระป๋องสีแดงลงคออึกใหญ่เผยให้เห็นลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงยามกลืนของกินลงท้อง การกระทำของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของเงาดำบนโซฟา แน่นอนว่าเขาตั้งใจทำแบบนี้แต่เงาดำมืดคงไม่รู้ว่าเขาเองก็มองเห็นการกระทำและได้ยินเสียงของเธอ
“เจ้หมี่นี่รู้ใจจริง ๆ เล้ย มาม่ารสนี้ไอ้ไม้ชอบซะด้วย รสโปรดเลยนะเนี่ย” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากวางกระป๋องน้ำอัดลมลงตรงหน้าแล้วคว้าถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เติมน้ำร้อนไว้มาคนด้วยส้อมพลาสติกสีขาว “หอมเนอะ” เสียงทุ้มพูดต่อทำเอาเจ้าของเงาดำถึงกับขมวดคิ้วเพราะคล้ายกับว่าเขาไม่ได้พูดคนเดียวแต่พูดกับเธอ
“คุณไม้มองเห็นนัทเหรอ” ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งเสียงหวานจึงถามออกไปพร้อมเอ่ยชื่อเขาเพราะได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ “...” ทว่ากลับไร้ซึ่งคำตอบจากคนตรงหน้า
“ถ้ามองไม่เห็นก็อย่ามาทำเหมือนมองเห็นสิ” เสียงหวานบ่นอุบพลางนั่งมองคนตรงหน้าซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้อน ๆ ลำคอบางก็กลืนน้ำลายตามอึกแล้วอึกเล่าเพราะทุกอย่างที่มัดหมี่เตรียมไว้ให้น้องชายล้วนแล้วแต่เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น
“ทำไมยังอยู่เฉยได้อีกนะ คิดว่าจะทำอะไรซะอีก” ริมฝีปากหนาเอ่ยหลังจากซดน้ำบะหมี่ร้อน ๆ ลงคอ ชายหนุ่มยังนึกสงสัยที่เมื่อครู่นี้ดวงวิญญาณสาวเอ่ยชื่อของเขาอย่างสุภาพ แถมเมื่อคืนเขาก็ยังนอนหลับโดยที่ไม่โดนผีหลอกอย่างที่คิดเอาไว้ “หรือจะไม่ใช่เธอ” ริมฝีปากหนาพึมพำต่อ ทำเอาเงาดำที่นั่งมองอยู่ถึงกับงุนงงว่าเขากำลังพูดอะไรและพูดกับใคร