บทนำ

932 Words
@ศาลเจ้าที่วายุ “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะท่านปู่” เสียงหวานปนตกใจเอ่ยถามดวงวิญญาณอาวุโสเมื่อเธอเห็นเพื่อนบริวารด้วยกันยืนทำหน้าสลดอยู่   “พวกมันวางแผนจะเอาชีวิตคนเป็นน่ะสิ แถมยังเป็นเจ้าสาวของหลานกูอีก” น้ำเสียงน่าเกรงขามเอ่ยตอบด้วยท่าทีขุ่นเคือง   ณัชชาเป็นบริวารของผีเจ้าที่นามว่าวายุ เธอและเพื่อน ๆ อีกสองคนนั่นก็คือวรพลและศรุตถูกกักบริเวณให้ทำสมาธิเนื่องจากพลังดวงวิญญาณอ่อนแอลงมาก สาเหตุก็เพราะทั้งสามคนชอบออกไปเที่ยวเล่นและไม่ยอมบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ดวงวิญญาณนั่นเอง ครั้นจะรอแต่ส่วนบุญที่ผู้คนทำมาให้ก็ไม่พอยังชีพ   “นี่พวกแกสองคนแอบหนีออกไปข้างนอกเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามเพื่อนรักทั้งสอง “พวกแกบ้าไปแล้วหรือไง ถึงท่านปู่ไม่ได้ลงอาคมขังพวกเราไว้แต่ก็ตกลงกันแล้วนี่ว่าจะไม่ออกไปไหน”     “พวกกูคิดมาดีแล้ว มึงเลิกโวยวายสักทีเถอะอีนัท” วรพลเอ่ยขึ้น   “จากนี้ต่อไปกูขอสั่งให้มึงออกมาทำงานดูแลบ้านช่องได้ตามปกติ และทุกครั้งที่มึงว่างมึงจะต้องไปทำสมาธิ อย่าเที่ยวออกไปแรดที่ไหนไกล ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก” ดวงวิญญาณอาวุโสเอ่ยกับบริวารสาว   “ค่ะท่านปู่”   “ส่วนพวกมึงสองคนกูจะตรึงวิญญาณไว้ไม่ให้ได้ออกไปไหนอีก แค่กักบริเวณปากเปล่าคงไม่เป็นผลแล้ว เสียแรงที่กูไว้ใจพวกมึง นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความจงรักภักดีที่อยู่ด้วยกันมานานนับพันปี กูคงส่งพวกมึงสองคนให้ศาลวิญญาณท่านตัดสินความผิดไปแล้ว” ดวงวิญญาณอาวุโสหันไปพูดกับบริวารทั้งสองที่ยืนก้มหน้าอยู่   “พวกเราขอโทษที่ทำให้ท่านปู่ผิดหวังครับ และโทษที่ท่านปู่ตัดสินให้พวกเราก็ขอน้อมรับไว้โดยไม่โกรธเคืองท่านปู่” สองดวงวิญญาณเอ่ยขึ้นพร้อมกัน พลันนั้นฝ่ามือใหญ่ของดวงวิญญาณอาวุโสก็วาดวนไปมาบนอากาศ ริมฝีปากหนาร่ายอาคมแกร่งเบา ๆ ก่อนจะเป่าลมออกจากโพรงปากหนา   วูบ 〜 วินาทีนั้นเองที่ดวงวิญญาณบริวารทั้งสองกลายเป็นดวงไฟเล็ก ๆ สีขาวอมเหลืองลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ   “มึงไปทำหน้าที่ของมึงได้แล้วอีนัท” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยบอกบริวารสาว ก่อนจะกำดวงไฟทั้งสองดวงไว้ในมือใหญ่ พลันนั้นเองที่แสงสีขาวอมเหลือนั้นก็หายวับไป   “ท่านปู่จะตรึงวิญญาณพวกมันสองคนนานแค่ไหนคะ”    “ร้อยปี”   “…” บริวารสาวแทบพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำตอบจากผู้อาวุโส   “หากมีเรื่องจำเป็นกูถึงจะให้พวกมันออกมาชั่วครั้งคราว เพราะงานในโลกวิญญาณก็ใช่ว่าจะไม่มี” ดวงวิญญาณแกร่งเอ่ยต่อ “อีกสองสามวันข้างหน้าน้องชายของเมียกูจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ มึงอย่าปรากฏตัวให้เห็นเป็นอันขาด” ดวงวิญญาณแกร่งกำชับกับบริวารสาวผู้ซึ่งมักจะทำอะไรผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งพลังวิญญาณของเธอก็อ่อนแอจนน่าเป็นห่วงเพราะนิสัยไม่ชอบทำสมาธินั่นเอง   “ท่านปู่กับคุณมัดหมี่ไม่อยู่ที่นี่ด้วยกันเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อคำสั่งก่อนหน้าคล้ายกับว่าเธอต้องอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว   “กูต้องย้ายไปอยู่บ้านมัดหมี่ที่ต่างจังหวัดเพราะมีงานที่นั่นต้องช่วยกันทำ แต่กูจะกลับมาที่นี่นาน ๆ ครั้ง” ดวงวิญญาณแกร่งเอ่ยตอบบริวาร “กูลงอาคมรอบบ้านไว้หมดแล้ว ดวงวิญญาณอื่นที่ไม่ใช่ผีเจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือนหลังนี้จะเข้ามาไม่ได้ พวกผีร้ายผีเร่ร่อนก็เหมือนกัน มึงมีหน้าที่ดูแลปกป้องผู้อาศัยในบ้านให้รอดพ้นจากพวกขโมยขโจรแล้วก็อันตรายที่จะเกิดขึ้นในบ้านก็พอ”   “เข้าใจแล้วค่ะท่านปู่”   “เอ้อ! อีกอย่างที่มึงต้องระวังให้ดีก็คืออย่าให้น้องชายของเมียกูรู้เป็นอันขาดว่ากูเป็นใคร” สองขาแกร่งที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักกึกก่อนจะหันมาหาบริวารสาวอีกครั้งแล้วเอ่ยต่อ “ที่สำคัญก็คือน้องชายของเมียกูมองเห็นผีเห็นวิญญาณได้ เพราะฉะนั้นมึงอย่าพลาดเชียวนะอีนัท”   “ค่ะท่านปู่ นัทจะไม่พลาด”   “หากมีอะไรก็บอกไอ้เพทายให้ช่วยเหลือไปก่อน ไม่ก็เพ่งจิตหากูกูจะรีบมา”   “ค่ะท่านปู่” หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้วดวงวิญญาณแกร่งก็หายวับไป ในบ้านหลังใหญ่ตอนนี้มีเพียงดวงวิญญาณสาวผู้เป็นบริวารอาศัยอยู่คนเดียว    ด้วยว่าวายุนั้นแต่งงานกับเจ้าสาวในโลกคนเป็น เขาจึงต้องออกไปใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติกับผู้เป็นเจ้าสาวไม่เช่นนั้นผู้คนรอบข้างจะสงสัยได้ เพราะเรื่องที่เขามาจากโลกวิญญาณนั้นถูกเก็บเป็นความลับ มีเพียงเจ้าสาวของเขาและเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านหลังข้างกันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เพราะเธอคนนั้นก็แต่งงานกับเจ้าบ่าวในโลกวิญญาณเช่นกัน คนคนนั้นก็คือเพทายหลานชายของวายุนั่นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD