แสงแดดในยามเช้าส่องทะลุม่านกำมะหยี่สีทึบเข้ามาอาบไล้บนผิวนวลของเพลงขวัญเพียงเล็กน้อย แต่สัญชาตญาณของหญิงสาวผู้ทุ่มเทกับงานเป็นที่หนึ่งทำให้ดวงตากลมลืมขึ้นอย่างกะทันหันเพราะรู้ว่าตนมีนัด ร่างบางพยุงตนเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าอกของตนไปด้วย
แม้ว่าเมื่อคืนจะถูกอีกฝ่ายมองจนแทบพรุนไปทั้งร่าง แต่เธอก็ไม่อยากลุกไปไหนมาไหนด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบแบบนี้ มือบางเอื้อมไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีไข่ที่กระดุมรุ่ยไปสองสามเม็ดบนพื้นขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ กะว่าถ้าลงจากเตียงแล้วจะก้มหาเสื้อชั้นในมาใส่ทีหลัง
กว่าจะสวมเสื้อผ้าให้ตนเองได้ครบถ้วนก็เล่นเอาเหงื่อตกอยู่พอสมควร เพลงขวัญนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนภาพของรอยรักที่โผล่พ้นคอเสื้อหลายจุด ทำเอาเพลงขวัญอดถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนไม่ได้ คอนซีลเลอร์ที่ซื้อมาตุนไว้คงต้องดูถูกแกะออกมาใช้อีกตามเคย
“...ดีแค่ไหนที่รอยอื่นอยู่ใต้ร่มผ้า ไม่งั้นพี่ซานิได้ซักเราจนสะอาดแน่ คุณเมฆนะคุณเมฆ…เมื่อคืนหงุดหงิดอะไรมาก็ไม่รู้” ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นพึมพำด้วยความเคืองระคนน้อยใจ เพลงรักที่ถูกบรรเลงขึ้นเมื่อคืนนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นอย่างที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
ความเหนอะหนะบริเวณส่วนล่างทำให้เพลงขวัญคิดอยากจะอาบน้ำสักหน่อย ร่างเล็กจึงลุกขึ้นไปถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้า เพื่อหยิบเอาชุดคลุมอาบน้ำแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมให้เรียบร้อย
ความประทับใจแรกของวันปรากฏขึ้นในหัวใจของหญิงสาวเมื่อเห็นว่ามีถุงกระดาษสีน้ำตาลประทับตราห้องเสื้อชื่อดังวางอยู่บนเคาน์เตอร์ล้างหน้า ภายในบรรจุชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อนเรียบหรู ประเมินด้วยสายตาแล้วคงราคาไม่ต่ำกว่าห้าหลักเป็นอย่างต่ำแน่นอน แถมยังมีถุงผ้าซ้อนด้านในซึ่งมีชุดชั้นในสำหรับสุภาพสตรีแบรนด์คุณภาพสูงแนบมาด้วย
“ใส่ใจคนอื่นก็เป็นเหมือนกันนี่นา…” เพลงขวัญอมยิ้มเมื่อนึกถึงพ่อหมาป่าจอมดุร้ายที่อุตส่าห์เตรียมของแบบนี้ไว้ให้ตน แต่เพียงครู่เดียวรอยยิ้มนั้นก็ค่อย ๆ จืดจางลงเพราะนี่อาจเป็นเอริคที่เตรียมให้ก็เป็นได้
เพลงขวัญปล่อยให้สายน้ำเย็นชื่นใจจากฝักบัวอาบทั่วร่างของตน ชำระคราบขุ่นขาวให้หมดสิ้นไป ก่อนจะรีบจัดการสวมชุดให้เสร็จสรรพเรียบร้อยเพื่อให้พร้อมสำหรับการโทร.หาพี่ซานิให้มารับไปถ่ายละครเรื่องดอกรักริมรั้วต่อ โดยตั้งใจว่าระหว่างทางจะแง้ม ๆ เรื่องที่ถูกคุกคามเมื่อวานให้ผู้จัดการสุดเฮี้ยบของตนทราบด้วย เผื่อว่าซานิพอช่วยอะไรได้บ้าง
ทันทีที่ก้าวออกจากห้องน้ำ เพลงขวัญก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องได้ตื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มนั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับกอดอกเอาไว้ เรือนกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามดูดีสวมเสื้อเชิ้ตเอาไว้โดยไม่ติดกระดุม
“เอ่อ…อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเมฆ”
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย นั่งก่อนสิ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มออกคำสั่ง ทำให้เพลงขวัญต้องเดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
“เรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้เลวนั่น” เมฆาพูดต่อ เมื่อเห็นว่าคนฟังขมวดคิ้ว ชายหนุ่มจึงไขข้อข้องใจในประโยคถัดมา “ไอ้พัชร์”
“พี่พัชร์ทำอะไรให้คุณเมฆเคืองอีกหรือคะ…ฉันต้องขอโทษ—”
“ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องขอโทษ” เมฆาปรามเสียงดุ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมองด้วยความไม่พอใจที่หญิงสาวต้องมาขอโทษแทนความเลวทรามของพี่ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไอ้พัชร์บอกกับฉัน ว่าจะขายเธอให้กับเสี่ยกระเป๋าหนักที่จ่ายเงินให้มันได้มากกว่าฉัน”
“…” เพลงขวัญนิ่งค้าง ลำคอแห้งผากจนคลำหาเสียงที่จะโต้ตอบไม่เจอ
แต่ไหนแต่ไรเธอรู้ดีว่าพี่ชายของตนเป็นคนที่…คิดทำเรื่องดี ๆ ไม่ได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าคนเป็นพี่ชายร่วมสายเลือดจะตัดสินใจทำเรื่องที่ทุเรศเกินรับไหวกับเธอได้ถึงขนาดนั้น
คำพูดแทะโลมและสายตาน่ารังเกียจจากผู้กำกับทิศยังคงฉายชัดในหัวของเพลงขวัญจนหูอื้อ ฟังสิ่งที่เมฆาพูดต่อแทบไม่รู้เรื่อง
เสียงบทสนทนาของนักแสดงสาวที่เคยร่วมงานกันเมื่อหลายเดือนก่อนไหลวนเข้ามาเหมือนเทปที่ถูกกรอให้เล่นซ้ำ
‘โอโห ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเกรซจะยอมให้เสี่ยฤกษ์ซื้อตัวไปจริง ๆ ทั้งที่ละครเรื่องแรกจะได้ออนแอร์อยู่แล้วเชียว ดันเอาตัวเองไปลงนรกซะได้’
‘แต่ฉันเคยได้ยินมานะ ว่าถ้าเราเอาใจเสี่ยเก่ง ๆ เนี่ย ก็จะได้เงินทองมากมายจนใช้ไม่หมดเลยละ ระดับที่แบบว่าเป็นนางเอกสิบเรื่อง ยังได้เงินค่าตัวไม่เท่าไปนอนกับเสี่ยหนึ่งคืนเลยนะ’
‘นั่นน่ะ มันก็แค่คนที่โชคดีเท่านั้นแหละ เพราะฉันได้ยินมานะ ว่าเกรซถูกเสี่ยขายต่อให้กับพวกฝรั่ง เอาไปเป็นดาราหนังโป๊ โดนทารุณสารพัด แต่จริงเท็จขนาดไหนฉันก็ไม่รู้หรอกนะ รู้แต่ว่าเกรซมันไม่ได้อัปเดตโซเชียลมานานมากแล้ว’
ความกลัวแล่นริ้วเข้าโจมตีจนทำให้สะท้านไปทั้งร่าง รู้ตัวอีกทีเพลงขวัญก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเมฆาเข้ามาบีบไหล่ตนเบา ๆ ให้รู้สึกตัว
“…คะ?”
“แปลว่าที่ฉันพูดไปทั้งหมดเมื่อกี้เธอไม่ได้ฟังเลยล่ะสิ” เมฆาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ทั้งสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เพลงขวัญจะเป็นฝ่ายหลบตาเพราะรู้สึกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาแปลก ๆ ชอบกล
“ขอโทษค่ะ…ฉันเหม่อไปหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ “แล้วเรื่องที่พี่พัชร์จะขายฉันให้กับเสี่ยน่ะค่ะ คือฉัน...”
“ฉันมีข้อเสนอให้เธออยู่แล้ว เพลงขวัญ” ร่างสูงปล่อยมือออกจากบ่าเล็กแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ไอ้พัชร์มันบอกว่าจะขายเธอให้กับพวกเสี่ยที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันเลยอยากถามเธอด้วยตัวเอง ว่าอยากไปตามที่พี่ชายเวรตะไลของเธอเสนอฉันมาหรือเปล่า หรืออยากเป็นคนของฉันต่อ”
คนของฉัน?
เพลงขวัญไม่อยากยอมรับเลยว่าหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอชักเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินคำนี้ ริมฝีปากสั่น ๆ รีบตอบปฏิเสธเรื่องข้อต่อรองของพี่ชายไปอย่างรวดเร็ว “ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการทำตามสิ่งที่พี่พัชร์บอกคุณ…ฉันไม่อยากโดนขายให้กับใครอีกต่อไปแล้ว”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเจ้าของห้องเหลือบมองมายังหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดถึงข้อเสนอของตนเองต่อ “ถ้าอยากอยู่กับฉันต่อ เธอต้องทำสัญญากับฉัน”
“สัญญา? ....สัญญาอะไรคะ”
“ช่วงสาย ๆ เอริคจะเอาเอกสารไปให้เธออ่านอย่างละเอียดและเซ็นสัญญา พอเรียบร้อยแล้วเธอก็มาหาฉัน แต่ไม่ใช่ที่คอนโดฯ นี้ เอาไว้ฉันจะบอกอีกทีว่าเจอกันที่ไหน ตอนนี้กลับไปได้แล้วไป” ความเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากทุกถ้อยคำในประโยคทำเอาหัวใจที่เพิ่งพองโตเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นตรงข้าม
“รับทราบค่ะคุณเมฆ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เพลงขวัญรับคำเสียงแผ่ว มือบางคว้าเอากระเป๋าสะพายขึ้นมาถือ แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกเดิม ๆ อย่างที่เคยรู้สึกมาตลอด
ความรู้สึกของการเป็นสิ่งของ ที่จะถูกจับวางอย่างไรก็ได้
โดยไม่มีสิทธิ์แสดงออกอะไรทั้งสิ้น…