เพลงขวัญดึงตัวเองจากเมื่อสองเดือนก่อน กลับมายังปัจจุบันที่เธอกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ในตอนนี้ บนเตียงหลังกว้างและผ้าปูยับยู่ มีเพียงตัวเธอและเศษเสี้ยวดวงใจที่หล่นกระจายอยู่อย่างไม่รู้จะใช้วิธีไหนกอบเก็บมาประกอบให้เป็นเหมือนเดิม
ร่างบางพยายามฝืนตัวเองเพื่อลุกขึ้น แล้วลงไปหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ข้างเตียงเพื่อนำมาสวมใส่ ทันใดนั้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือรุ่นเรือธงที่วางหงายอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็สว่างวาบขึ้น เป็นสายที่ไม่ได้รับจากพี่ซานิกว่ายี่สิบสาย เพลงขวัญจึงกดโทร.กลับพร้อมทั้งสวมชุดเดรสของตนกลับให้เรียบร้อยไปด้วย
(พี่โทร.หาเราแทบตาย เพลง ทำไมถึงไม่รับสายพี่…อย่าบอกนะว่าเผลอหลับอีกแล้ว…) เสียงบ่นจากผู้จัดการนั้นเจือเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงมากกว่าตำหนิจนคนฟังรู้สึกผิด เมื่อคุยกันเพียงสองต่อสอง ซานิจะใช้ชื่อเล่นที่แท้จริงของเพลงขวัญมาเรียก แทนที่จะเป็นชื่อในวงการอย่างเรญ่า
“ขอโทษนะคะพี่ซานิ เพลงหลับอย่างที่พี่คิดนั่นแหละค่ะ…เพลงเพลียมากเลย วันนี้หลังจากแยกกับพี่ที่อีเวนต์เซรั่มวิตซี ญ่าก็หลับเป็นตายเลยค่ะ” เพลงขวัญโกหกคำโตเพื่อไม่ให้ผู้จัดการตนถามซอกแซกไปมากกว่านี้ “ตอนเช้าเพลงมีคิวงานอะไรบ้างนะคะ รบกวนพี่ซานิทวนให้เพลงอีกทีได้หรือเปล่าคะ...”
(...เผลอหลับบ่อย ๆ ก็ไม่ดีนะเพลง พี่เป็นห่วงเราจริง ๆ นี่ก็ตีสามกว่าแล้ว มีงานอีกทีประมาณเก้าโมงเช้าที่พารากอน เปิดตัวลิปทินต์ของแบรนด์แคทตี้ เพลงจะพักผ่อนพอไหมคะ ให้พี่ขอผัดผ่อนเวลาขึ้นสัมภาษณ์ให้หรือเปล่า) ซานิถาม เพราะรู้ดีว่าการพักผ่อนน้อยจะส่งผลต่อเอเนอร์จีของดาราในความดูแลอย่างแน่นอน เพลงขวัญอาจจะเผลอพูดไม่คิดหรือแสดงสีหน้าที่ไม่เหมาะสมออกไปได้
อาชีพดาราเป็นเหมือนดาวจรัสแสง ที่มีกล้องต่างสายตาของคนทั้งประเทศคอยจับภาพอยู่ทุกย่างก้าว เพลงขวัญเองก็ยังใหม่มาก ๆ กับวงการนี้ ถึงแม้จะโด่งดังจนเป็นที่พูดถึงมาเกือบสองปี แต่อายุงานก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดี
“เพลงไหวค่ะพี่ซานิ ลูกสาวคนเก่งของพี่ซานิคนนี้มีเหรอที่จะทำให้ผิดหวัง ไม่ต้องเลื่อนนะคะ ประมาณแปดโมงมารับเพลงได้เลยค่ะ เพลงอยู่ที่คอนโดฯ ไม่ต้องห่วงนะคะ เพลงจะหลับให้อิ่ม และตื่นมาเตรียมตัวให้พร้อมแน่นอนค่ะ”
(พี่เชื่อใจเพลงนะลูก) ผู้จัดการสาวสองพูดอย่างเป็นกันเอง (แต่ถ้าไม่ไหวบอกพี่ได้ทันที งานเจ้านี้ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เจ้าของแบรนด์เขาก็ง้อเราอย่างกับอะไรดี เปลี่ยนสคริปต์ให้ถามน้อยลงก็ได้ เพลงจะได้มีเวลามาพักเยอะ ๆ ก่อนไป HI-BYE ช่วงท้าย ขืนเผลอทำหน้าง่วงออกสื่อขึ้นมา จะมีพวกนักข่าวนิสัยแย่เอาไปเขียนข่าวเสียหายได้)
“รับทราบแล้วค่าพี่ซานิ ยังไงเดี๋ยวเพลงขอตัวไปนอนต่อก่อนนะคะ ไว้เจอกันตอนเช้าแบบที่เพลงสดใสที่ซู้ด บ๊ายบายค่า” เพลงขวัญพยายามฝืนตอบเสียงใสกิ๊งเพื่อไม่ให้ปลายสายรู้สึกเป็นห่วง เมื่อซานิกดวางไปแล้ว ลมหายใจยาว ๆ ก็ถูกทอดถอนออกมาจากดาราสาวทันที
“ขอโทษนะคะ…ที่เพลงต้องโกหกพี่ซานิแบบนี้อยู่เรื่อยเลย”
ดวงจันทร์บนท้องฟ้ากำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าเพื่อกลับไปยังรังนอนของมัน เช่นเดียวกับเพลงขวัญที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงยับยู่นั้น เพื่อจมลงสู่ห้วงนิทรา เก็บเกี่ยวพลังงานให้มากพอสำหรับการยิ้มให้กล้องในวันรุ่งขึ้น...
…
“เฮ้อ นี่ดีนะที่พี่เผื่อเวลารถติดมารับเราด้วย เป็นไงบ้างเพลง หลับเต็มอิ่มหรือเปล่า” ผู้จัดการส่วนตัวพ่วงด้วยสารถีจำเป็นเอ่ยถามเสียงเรียบ ขณะที่กำลังขับรถพาเพลงขวัญไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีอีเวนต์รอคอยอยู่
ซานิเป็นสาวประเภทสองที่สวยเฉี่ยวเหมือนกับเป็นผู้หญิงจริง ๆ แม้ใบหน้าสวยคมจะมีบางส่วนผ่านมีดหมอมาแล้ว แต่เค้าเดิมก็จัดว่าหน้าตาไม่แย่ ทรวงอกอึ๋มโดยใช้เสื้อชั้นในมีโครงแทนการเสริมด้วยมีดหมอดูเหมาะเจาะกับเรือนกายเอวบางร่างน้อย และสะโพกผายในชุดสูทสำหรับสตรีทะมัดทะแมง ยิ่งทำให้ซานิดูมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง จนมีคนในวงการแวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบหลายครั้ง แต่ซานิกลับต้องผิดหวังอยู่ร่ำไปเพราะหลังจากที่คนเหล่านั้นได้รู้เพศสภาพที่แท้จริงแล้วก็เป็นอันต้องเบือนหน้าหนี
“หลับเต็มอิ่มที่สุดเลยค่ะ เด็กหญิงเพลงขวัญของพี่ซานิพร้อมมากสำหรับอีเวนต์ลิปทินต์ครั้งนี้ค่ะ” ในวันนี้เพลงขวัญอยู่ในชุดเดรสกระโปรงฟู ๆ สีชมพูขาวดูสดใสเข้ากับธีมงาน ใบหน้านวลลงไพรเมอร์ไว้รอให้ช่างแต่งหน้าที่อีเวนต์แต่งให้อีกที
“โอเคจ้ะ พี่จะคอยซัปพอร์ตนะ มีอะไรฉุกเฉินก็ทำมือเป็นสัญญาณบอกพี่ตามที่เราเข้าใจกันได้เลย…” ซานิยังพูดไม่จบ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนจึงใช้วิธีเชื่อมต่อบลูทูธเข้ากับรถ เพื่อสนทนากับปลายสาย เพลงขวัญเหลือบไปเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจว่านั่นเป็นสายเรียกเข้าจากน้องสาวของซานิ
(สวัสดีค่าคุณพี่ชาย~)
“พี่ชายอะไรยะตัวแสบ พี่สาวต่างหาก” ซานิหัวเราะเบา ๆ กับความกวนส้นของน้องสาวร่วมท้องเดียวกัน เพลงขวัญได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องแบบนั้นก็ทำให้เธอนึกถึงใครบางคน
คนที่เธอเคยเรียกด้วยความเคารพว่าพี่ชาย…
...
‘นี่ไงครับ เพลงขวัญ น้องสาวของผม’
ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่ใบหน้าแทบจะถอดแบบจากเพลงขวัญไปเกือบครบทุกส่วนพูดห้วน ๆ หนวดเคราและดวงตาลึกโหลบ่งบอกถึงอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่เพลงขวัญไม่ปรารถนาจะนึกถึง
หญิงสาวยืนประสานมือด้วยความประหม่ากลางห้องกว้างที่มืดทึบ ตรงกลางห้องมีโซฟาบุนวมอย่างดีสีแดงตัวเขื่องตั้งอยู่ พร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งที่นั่งไขว่ห้าง ใบหน้าของเขาดูรางเลือนเพราะแสงสว่างที่ไม่เพียงพอ
‘ฉันตกลงรับข้อเสนอของแก ไอ้พลพัชร์’
เพลงขวัญตัวสั่นทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงทรงอำนาจจากคนที่นั่งอยู่เรียกชื่อพี่ชายของตน และแล้วแสงไฟที่ถูกเปิดเพิ่มขึ้นก็ทำให้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนได้มองเห็นใบหน้าของคนคนนั้นได้ชัดเจน
ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสงครามในเทพนิยายกรีก-โรมันทำเอาหัวใจของเพลงขวัญเต้นไม่เป็นส่ำ เส้นผมสีเดียวกับท้องฟ้าในยามราตรีถูกเซตเรียบร้อยบ่งบอกถึงความเนี้ยบไม่มีใครเกิน ส่วนเสื้อผ้านั้นมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นชุดที่ผ่านการตัดเย็บจากห้องเสื้อคุณภาพสูง ขณะที่หญิงสาวกำลังลอบสำรวจอีกฝ่ายอยู่นั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็สบเข้ากับเธอจนต้องสะดุ้งเฮือก
‘ไม่ต้องกลัว นี่คือคุณเมฆ เมฆา ธาราพิพัฒน์ จำเอาไว้ซะ เขาเป็นถึงประธานบริษัทธาราพิพัฒน์กรุ๊ป ไม่ใช่พวกคนไม่ดีที่ไหนหรอกน่า...’ พลพัชร์กระซิบให้น้องสาวได้ยินเพียงสองคน
คุณเมฆ…?