บทที่ 3

3642 Words
3                หรือว่านี่จะเป็นพระเอกในชีวิตจริงของดวงใจ?                จู่ ๆ คำพูดของพี่แพรที่เคยพูดไว้ในช่วงเช้าก็ได้ไหลวนเข้ามาในความคิดของดวงใจอีกครั้ง หลังจากที่พ่อได้พาเขาเข้าไปทำความรู้จักกับคุณพร้อมในช่วงเช้า ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา…จวบจนกระทั่งตอนนี้ที่ใกล้จะถึงเวลาสังสรรค์ในช่วงเย็นเต็มทีแล้ว ดวงใจก็ยังเพ้อหาคุณพร้อมไม่ยอมหยุด หลังเขากำลังรู้สึกว่าหัวใจที่เคยเป็นของเขามาตั้งแต่กำเนิด ในเวลานี้มันกลับไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปแล้ว                แต่กลายเป็นของผู้ชายวัยสามสิบห้าปีคนนั้นต่างหาก                “ดวงใจ! นี่แกกำลังนั่งเหม่ออะไรอยู่เนี่ย ทำไมถึงไม่รีบล้างจานให้เสร็จ เพราะเดี๋ยวแขกเขาก็ไม่มีถ้วยจานใช้หรอก” ขณะที่ดวงใจกำลังนั่งจมอยู่ในจินตนาการของตนเองอยู่นั้น เสียงของแม่ที่ตะโกนมาจากหน้าเตาร้อนระอุก็ทำเอาผู้เป็นเจ้าของชื่อที่กำลังนั่งล้างจานอยู่อีกฝั่งหนึ่งของครัวถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วรีบหันกลับไปมองหน้าผู้เป็นมารดาโดยพลัน                “ป—เปล่าจ้ะแม่ ไม่มีอะไร” ดวงใจตอบกลับแม่พร้อมรีบสะบัดใบหน้าของตัวเองเบา ๆ เพื่อให้คุณพร้อมหลุดออกจากความคิด แล้วในหลังจากนั้นเขาก็รีบตั้งหน้าตั้งตาล้างจานชามตามแรงกระตุ้นของผู้เป็นแม่ทันที                เนื่องจากงานแต่งงานของพี่แพรเป็นการจัดงานแบบเรียบง่ายและต้องการที่จะประหยัดงบประมาณให้มากที่สุด พี่แพรจึงไม่มีการจ้างแม่ครัวจากในตัวเมืองให้มาจัดโต๊ะจีนให้ แต่เป็นการอาศัยน้ำใจจากคนงานในไร่เดียวกันที่มีฝีมือการทำอาหารมาช่วยกันจัดงานเสียมากกว่า โดยพี่แพรและเจ้าบ่าวของเธอก็จะมีการตอบแทนทุกคนด้วยการเลี้ยงอาหารอร่อย ๆ ที่มีให้กินแบบไม่อั้นทั้งเช้าและเย็น                “ใจ! พ่อเห็นนะว่าเอ็งกำลังจะดื่มอะไรน่ะ…เอ็งรีบวางแก้วลงเลย” เมื่องานสังสรรค์ในช่วงเย็นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงของพ่อที่นั่งกินข้าวพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวก็ดังข้ามฝั่งมาทันที หลังอีกฝ่ายเห็นว่าดวงใจที่กำลังนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนคนงานเช่นเดียวกันกำลังจะยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม                “โธ่…พ่อจ๋า นี่ใจจะอายุยี่สิบแล้วนะพ่อ” ดวงใจโวยวายพร้อมส่งสายตาเว้าวอนให้อีกฝ่าย ก่อนจะพูดต่อ “แล้วอีกอย่าง…นี่มันงานสังสรรค์ทั้งทีนะพ่อ ใจคอพ่อจะให้ใจกินแต่น้ำอัดลมหรือไง เพราะเพื่อนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันเขาก็พากันดื่มแอลกอฮอล์กันทั้งนั้น”                “….”                “พ่อ อย่าดุใจนักเลย”                “ก็ได้ ๆ เพราะพ่อเห็นว่านาน ๆ ทีมีหนหรอกนะ แต่ยังไงเอ็งก็อย่าดื่มเยอะจนทำให้ตัวเองเมาก็แล้วกัน ถ้ากินแล้วก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย อย่าให้ไปเป็นภาระของคนอื่นเขา”                “ได้จ้ะพ่อ ใจรู้แล้ว” เมื่อได้ยินพ่อเอ่ยเช่นนั้นดวงใจก็ตอบทั้งรอยยิ้ม โดยหลังจากที่พ่อของเขาได้อนุญาตแล้ว ดวงใจก็รีบยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มตามเพื่อนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันทันที                “ไอ้ฉัตรชัย! นี่แกแอบซื้อเหล้าเข้ามากินในงานด้วยเหรอ? พวกผู้ใหญ่เขาบอกให้เรากินแค่น้ำอัดลมกับเบียร์เท่านั้นนะ!” ในช่วงหัวค่ำของวัน หลังดวงใจเห็นเพื่อนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันหยิบขวดเหล้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขาก็ถึงกับโวยวายขึ้นทันที เมื่อดวงใจไม่นึกว่าฉัตรชัยเพื่อนที่ทำงานอยู่ในไร่เดียวกันและโตมาด้วยกันนั้นจะกล้าแหกกฎเช่นนี้                “เงียบ ๆ ไปน่าไอ้ดวงใจ นี่งานสังสรรค์ทั้งทีนะแล้วแกจะให้เรามากินแค่น้ำอัดลมแค่เบียร์ได้ยังไง ไม่เห็นจะสนุกเลย” ฉัตรชัยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนึกรำคาญ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบเทเหล้าใส่แก้วของตัวเองทันที ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นฉัตรชัยก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือมาหยิบแก้วของดวงใจไปใส่เหล้าด้วยเช่นกัน                “ไอ้ฉัตรชัยฉันไม่กินด้วยนะ!” ทันทีที่เห็นเช่นนั้น ดวงใจก็รีบเอ่ยขึ้นพร้อมพยายามจะยื้อแย่งแก้วของตัวเองกลับมาจากเพื่อนทันที                “แกต้องกิน เพราะแกเห็นแล้วว่าฉันแอบซื้อเหล้าเข้ามาในงานนี้”                “….”                “ไม่ต้องห่วงหรอกน่าดวงใจ เพราะฉันไม่เก็บค่าเหล้าจากแกหรอก ฉันให้แกกินฟรี…เพราะงั้นห้ามโวยวายนะ”                “นี่แกไปรวยมาจากไหนเนี่ย ทำไมถึงสามารถเลี้ยงเหล้าเพื่อนฝูงได้ขนาดนี้” ดวงใจตั้งคำถามอย่างไม่เข้าใจ                “แกไม่ต้องสงสัยหรอก เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันมีเงิน…จบนะ”                “….”                “ยกขึ้นดื่มสิ! รับรองคืนนี้สนุกแน่” ฉัตรชัยเอ่ย พร้อมคะยั้นคะยอให้ดวงใจยกแก้วแอลกอฮอล์ที่มีเหล้าผสมอยู่ในนั้นขึ้นดื่ม แต่ทว่าดวงใจกลับส่ายหน้าปฏิเสธโดยพลัน ไม่ยอมเห็นด้วยกับเพื่อน เนื่องจากเขาได้สัญญากับผู้เป็นพ่อแล้วว่าคืนนี้จะไม่เมาเด็ดขาด                “แกนี่ดื้อจริง ๆ เลยนะดวงใจ” อีกฝ่ายว่า                “ก็ฉันสัญญากับพ่อแล้วนี่ว่าคืนนี้จะไม่เมา”                “แหม เป็นเด็กดีจังเลยนะ”                “….”                “ว่าแต่ทำไมแกถึงไม่ลองแหกกฎดูเสียบ้างล่ะ เพราะว่านี่เป็นชีวิตของแกนะดวงใจ ไม่ใช่ของพ่อแม่แกสักหน่อย” คำพูดของฉัตรชัยทำเอาดวงใจถึงกับชะงักไปเล็กน้อย หลังเขากำลังรู้สึกว่ามันกระทบกับจิตใจของตนเอง ซึ่งในจังหวะที่ดวงใจกำลังจะตอบโต้เพื่อนกลับไปนั้น สายตาของเขาก็ดันเหลือบไปเห็นเจ้าของไร่กาแฟอย่างคุณพร้อมกำลังเดินเข้ามาในงานสังสรรค์นี้พอดี            ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจแทบลืมเรื่องที่เขาจะพูดไปเสียสนิท                “นี่แกกำลังมองใครอยู่?” ฉัตรชัยถามต่ออย่างสงสัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดสินใจมองตามสายตาของดวงใจที่กำลังจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อ ๆ ของคุณพร้อมตาไม่กะพริบ                “อ๋อ กำลังมองคุณพร้อมอยู่นี่เอง นี่ฉันได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันว่าการที่คุณพร้อมกลับมาไร่ครั้งนี้ เขาจะอยู่นานเป็นเดือน ๆ เลยนะไม่ใช่มาแค่สองสามวันเหมือนอย่างทุกครั้ง”                “จริงเหรอ” คราวนี้ดวงใจถึงกับผละสายตาออกจากใบหน้าของคุณพร้อมโดยพลัน แล้วหันมองเพื่อนของตัวเองอย่างสนใจทันที                “ก็ใช่น่ะสิ ฉันเห็นพวกผู้ใหญ่บอกว่าคุณพร้อมเขามีธุระที่นี่ เขาก็เลยต้องมาอยู่ที่ไร่ยาว ๆ เลย”                “แล้วธุระอะไรวะ” ดวงใจถามต่อ                “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาบอกแค่ว่ามีธุระที่นี่”                “อ๋อ…” เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงใจก็พยักหน้ารับ ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะยกแก้วแอลกอฮอล์ของตัวเองขึ้นดื่มพร้อมจับจ้องไปยังคุณพร้อมอีกครั้งอย่างสนใจ                แต่ก็ดูเหมือนว่าดวงใจจะจับจ้องใบหน้าของคุณพร้อมนานไปเสียหน่อย นั่นจึงทำให้อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวและหันกลับมาสบสายตากับเขาทันที ซึ่งในหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ยักคิ้วให้ดวงใจเล็กน้อย คล้ายกับจะถามว่ามีอะไรนั่นแหละ ดวงใจถึงค่อยหันหน้าไปทางอื่นโดยพลัน ก่อนจะแอบระบายยิ้มออกมาเพียงลำพังด้วยอาการหัวใจเต้นแรง                หลังดวงใจคิดว่า…เขาได้ตกหลุมรักรอยยิ้มของคุณพร้อมเข้าเสียแล้ว                หลายวันต่อมา                “ใจ…พ่อว่าเอ็งเข้าไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เถอะ ของมันพังไปแล้วลูก”                “มันจะพังจริงเหรอจ๊ะ? แต่ปกติแล้วถ้าใจเอามันไปแช่ในถังข้าวสาร มันก็สามารถกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมนะ” ดวงใจพึมพำทั้งคิ้วขมวด พร้อมใช้นิ้วกดเปิดโทรศัพท์เครื่องเก่งของตัวเองอยู่ซ้ำ ๆ หลังเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะทำโทรศัพท์ของตัวเองตกไปในคลองน้ำท้ายไร่                ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ของตัวเองได้อีกเลย…จนกระทั่งถึงตอนนี้                “ครั้งก่อนมันกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม แต่ว่าครั้งนี้มันกลับมาใช้งานไม่ได้แล้วไงลูก” พ่อของดวงใจว่า                “แล้วพ่อจะให้ใจทำยังไงล่ะจ๊ะ จะให้ใจซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่หรือ? นี่เงินเก็บของใจก็เหลือแค่ไม่กี่บาทเองนะ”                “….”                “ถ้ามันเปิดไม่ได้ งั้นเดี๋ยวใจเอาไปให้ช่างโทรศัพท์เขาดูให้ดีกว่า” ดวงใจเอ่ยพลางถอนหายใจออกมาอย่างแรง หลังเขาไม่อยากจะเสียเงินให้ช่างซ่อมโทรศัพท์เลย                “งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน…เดี๋ยวพ่อจะให้เงินเอ็งไปพันห้าแล้วไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เสีย โอเคไหม?”                “….”                “แล้วช่วงบ่าย ๆ ของวันนี้คุณพร้อมเขาจะเข้าไปทำธุระในเมืองพอดี เพราะงั้นเอ็งก็ติดรถเข้าเมืองไปกับคุณพร้อมเลยนะ เดี๋ยวพ่อจะเป็นคนไปขอเขาให้เอง เอ็งโอเคหรือเปล่า?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม                “โอเคจ้ะ พ่อ…ใจรักพ่อนะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงใจก็ตอบรับผู้เป็นพ่อและฉีกยิ้มร่าอย่างดีใจทันที หลังเขาจะได้โทรศัพท์เครื่องใหม่แล้วและก็จะได้เจอกับคุณพร้อมด้วย                “ยังไงผมก็ฝากไอ้ดวงใจด้วยนะครับคุณพร้อม แล้วถ้าไอ้ดวงใจมันดื้อเมื่อไรคุณพร้อมก็ดุมันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจผมเลยครับ”            “ฮ่า ๆ นายมั่นก็พูดไป คนอย่างฉันจะกล้าไปดุใครที่ไหนกันเล่า แล้วอีกอย่าง…ดวงใจก็คงไม่ดื้อหรอกจริงไหม?” คุณพร้อมหันมาถามความเห็นจากดวงใจทั้งรอยยิ้ม                “จริงจ้ะคุณพร้อม” ซึ่งดวงใจก็ตอบกลับไปพลางฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีให้กับผู้เป็นเจ้าของไร่ หลังในช่วงบ่ายของวันพ่อของเขาก็ได้พาเข้าไปหาคุณพร้อม เพื่อที่จะขอติดรถเข้าไปในเมืองด้วย โดยการเข้าเมืองครั้งนี้ก็จะมีแค่ดวงใจและคุณพร้อมเท่านั้น                “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันพาดวงใจเข้าเมืองเลยนะ เพราะเดี๋ยวมันจะกลับมาถึงไร่เย็นเกินไป” คุณพร้อมว่า เมื่ออีกฝ่ายเตรียมเอกสารที่จะเข้าไปทำธุระในเมืองเรียบร้อยแล้ว                “ได้ครับ คุณพร้อม” พ่อของดวงใจเอ่ยแล้วหันมาพูดกับเขาต่อ “อย่าเอารุ่นที่แพงมากนะดวงใจ แล้วถ้าเงินเหลือก็เอามาคืนพ่อด้วยนะ”                “ได้จ้ะ พ่อ”                “ดวงใจขึ้นรถครับ”                “จ้ะ!” หลังรับปากกับผู้เป็นพ่อเสร็จดวงใจก็รีบหันกลับไปขานรับคุณพร้อมเสียงหวานต่อ แล้วในหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินตามคุณพร้อมเพื่อไปขึ้นรถหรูเตรียมจะเข้าไปในตัวเมืองด้วยกันทันที โดยตลอดทั้งการเดินทางร่วมหลายสิบกิโลนี้ก็ทำเอาดวงใจรู้สึกสั่นประหม่าอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเพระเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะคนข้างกายของดวงใจนี้มีหน้าตาหล่อเหลาและเขาเองก็แอบปลื้มอีกฝ่ายมาตั้งแต่แรกเห็นแล้วต่างหาก            นั่นจึงทำให้ดวงใจเก็บอาการไม่ค่อยได้นัก                “ดวงใจ เธอเป็นอะไร?” ระหว่างที่กำลังนั่งอยู่บนรถด้วยกันนั้น จู่ ๆ คุณพร้อมก็พูดขึ้น เพื่อทำลายความเงียบระหว่างเราทั้งคู่ โดยนั่นก็ทำให้ดวงใจถึงกับต้องหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง                “อะไรเหรอจ๊ะ?” ดวงใจถาม                “ฉันเห็นเธอเกร็ง ๆ ดูหายใจไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไรนัก เธอตื่นเต้นหรือไงที่ได้เข้าเมือง” คุณพร้อมขยายความต่อทั้งรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของคุณเขาก็ทำเอาดวงใจได้แต่หวีดร้องในใจเบา ๆ เพราะมันช่างเหมือนกับพระเอกละครหลังข่าวที่เขาชอบดูนัก                “ไม่ใช่จ้ะ ใจไม่ได้ตื่นเต้นเรื่องที่จะได้เข้าเมืองหรอก” ดวงใจตอบกลับไป                “อ้าว…แล้วเธอตื่นเต้นเรื่องอะไร? หรือว่าเธอตื่นเต้นที่ตัวเองจะได้ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่” คุณพร้อมลองคาดเดา ซึ่งดวงใจก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างและส่ายหน้าปฏิเสธกลับไปเช่นเดิม                “ใจไม่บอกคุณพร้อมหรอกจ้ะ”                “ฮ่า ๆ อายุเธอก็แค่ไม่เท่าไรเองนะ แต่ทำไมถึงแพรวพราวนัก” หลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้น คุณพร้อมก็พูดขึ้นอีกครั้งพลางกลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอราวกับถูกใจในคำตอบของดวงใจนัก ซึ่งในหลังจากนั้นดวงใจก็เป็นฝ่ายถามคุณพร้อมกลับบ้าง                “แล้วนี่คุณพร้อมจะเข้าเมืองไปทำอะไรเหรอจ๊ะ?”                “อ๋อ ฉันต้องเข้าไปทำธุระที่ธนาคารน่ะสิ จริง ๆ ฉันจะให้คนในไร่ไปเองก็ได้แหละ แต่ฉันขี้เกียจเซ็นมอบอำนาจให้เขาไง แล้วอีกอย่างช่วงนี้ฉันเองก็ว่าง ๆ ด้วยยังไม่ได้ยุ่งอะไรนักก็เลยตัดสินใจเข้าไปทำธุระเองดีกว่า”                “อ๋อ แบบนี้นี่เอง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงใจก็พยักหน้ารับ แล้วถามต่อ “เห็นมีคนบอกว่าคุณพร้อมมาไร่ครั้งนี้จะอยู่นานกว่าปกติแถมอาจอยู่นานเป็นเดือน ๆ ด้วย ใจขอถามได้ไหมจ๊ะว่าทำไมคุณพร้อมถึงอยู่นานจัง”                “ก็พอดีฉันมีโปรเจ็กต์อะไรบางอย่างกับที่ไร่ของเราน่ะสิก็เลยต้องมาดูงานเอง เพราะถ้าให้คนอื่นมาแทนก็กลัวจะทำไม่ถูกใจ แล้วอีกอย่าง…มันก็ไม่มีใครรู้จักไร่ของฉันดีเท่ากับตัวฉันเองแล้วล่ะ ก็เลยตัดสินใจมาดูงานเองดีกว่า”                “แล้วโปรเจ็กต์ที่คุณพร้อมว่า คือโปรเจ็กต์อะไรเหรอจ๊ะ?” ดวงใจยังคงซักไซ้ต่อตามประสาคนขี้สงสัย                “ไม่บอกหรอก เพราะเธอเองก็ยังไม่บอกฉันเลย” คุณพร้อมตอบกลับมาพร้อมส่งยิ้มให้ดวงใจอย่างยียวน แต่รอยยิ้มนั้นกลับถูกใจอีกคนนัก                “อ้าว…เป็นอย่างนั้นไปเสียได้” เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงใจก็พึมพำต่อทั้งรอยยิ้ม แล้วในหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนกระทั่งรถของคุณพร้อมขับมาถึงตัวห้างที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองแล้วนั่นแหละพวกเขาถึงได้คุยกันอีกครั้ง โดยในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็มีทั้งร้านขายโทรศัพท์ที่ดวงใจต้องการและธนาคารที่คุณพร้อมจะแวะเข้ามาทำธุระที่นี่ด้วย                “งั้นเดี๋ยวแวะทำธุระของฉันก่อนก็แล้วกันนะ เพราะคนไม่เยอะนักก็น่าจะใช้เวลาแค่แป๊บเดียว เธอโอเคหรือเปล่าดวงใจ?” คุณพร้อมถาม เมื่อพวกเขาได้เดินเข้ามาในตัวห้างสรรพสินค้าแล้ว                “โอเคจ้ะ ใจไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” ดวงใจตอบกลับคุณพร้อมทั้งรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกครั้ง ซึ่งในหลังจากนั้นเขาก็ไปนั่งรอคุณพร้อมที่โซนเก้าอี้ของธนาคารอย่างใจเย็น ไม่ดื้อไม่ซนจนกระทั่งคุณพร้อมทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วและพร้อมจะพาดวงใจไปซื้อโทรศัพท์แล้วนั่นแหละ ดวงใจถึงค่อยลุกขึ้นจากเก้าอี้                “สรุปใจจะเอารุ่นนี้จริง ๆ เหรอ? แต่ว่ามันไม่มีอินเทอร์เน็ตให้เล่นนะ”                “ใจเอารุ่นนี้แหละจ้ะคุณพร้อม เดี๋ยวจะไม่มีเงินกลับไปคืนพ่อ” ดวงใจตอบกลับคุณพร้อมไปอย่างไม่คิดอะไร หลังพวกเขากำลังยืนดูโทรศัพท์ที่หน้าร้านด้วยกันอยู่ ซึ่งดวงใจก็ได้เลือกเอารุ่นอาม่าที่มีคุณสมบัติทำได้แค่กดรับสายและโทรออกเท่านั้น                “แต่ว่ามันยุคสมัยนี้แล้วนะดวงใจ คนเราเขาก็ต้องเล่นอินเทอร์เน็ตกันสิ แถมเธอเองก็เป็นคนสมัยใหม่ด้วย ก็ต้องเล่นอินเทอร์เน็ตเหมือนอย่างคนอื่น ๆ นะ ไม่งั้นจะตามโลกทันได้ยังไง” คุณพร้อมแย้งกลับทั้งคิ้วขมวด ทำเอาดวงใจได้แต่มองหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้แสดงออกอย่างชัดเจนนักว่าไม่เห็นด้วย หากดวงใจจะเลือกเอาโทรศัพท์รุ่นนี้                “ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าไม่เล่นก็คงไม่เป็นไรหรอก แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนเล่นอินเทอร์เน็ตเก่งอะไรอยู่แล้ว” ดวงใจเอ่ยพลางระบายยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างไม่คิดอะไร ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะหุบยิ้มฉับ เมื่อเขาถูกคุณพร้อมสวนกลับมาทันควัน                “ไม่ได้”                “….”                “งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าไม่อยากโดนพ่อดุ…เธอก็ห้ามไปบอกพ่อของเธอนะ”                “คุณพร้อมหมายความว่ายังไงเหรอจ๊ะ?” ดวงใจถามต่ออย่างไม่เข้าใจหลังจู่ ๆ คุณพร้อมก็พูดจาแปลก ๆ ไป ชวนทำให้เขางุนงงนัก ก่อนที่ในเวลาต่อมาดวงใจจะเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว เมื่อคุณพร้อมได้เงยหน้าขึ้นไปคุยกับพนักงานขายโทรศัพท์อีกครั้งว่าเจ้าตัวต้องการโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดหนึ่งเครื่อง            แถมโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ว่านี้ก็มีมูลค่าหลายหมื่นบาทด้วย                “คุณพร้อมจะซื้อให้ใครเหรอจ๊ะ? ให้ใจเหรอ? ถ้าใช่…ใจไม่เอานะ” ดวงใจเอ่ยพร้อมส่ายหน้าพรืด เนื่องจากเขาไม่เห็นด้วยอย่างแรงหากคุณพร้อมจะทำเช่นนั้น แต่ทว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้สนใจความเห็นจากดวงใจเลยแม้แต่นิด            ราวกับว่าหากคุณพร้อมได้ตัดสินใจแล้วก็ยากนักที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ                “โทรศัพท์ตั้งหลายหมื่นใจรับไว้ไม่ได้หรอกจ้ะ แล้วถ้าคุณพร้อมจะให้ใจทยอยผ่อนคืน….ใจจะต้องทำงานนานกี่เดือนกันถึงจะผ่อนค่าโทรศัพท์หมด” ดวงใจเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ หลังเขาเห็นว่าคุณพร้อมแสร้งทำทีเป็นหูทวนลมอยู่ “คุณพร้อม….”                “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยดวงใจ โทรศัพท์แค่เครื่องเดียวขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอกน่า แล้วก็ไม่ต้องทำงานใช้คืนด้วย เพราะฉันรวย เอาล่ะ…ส่งบัตรประชาชนของเธอไปให้พนักงานสิ เขาจะได้เอาไปจัดการต่อ”                “คุณพร้อม”                “อะไรอีกล่ะ ดวงใจ?” อีกฝ่ายเอ่ยกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน ซึ่งในหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ในเวลาต่อมาชัยชนะนั้นจะตกเป็นของคุณพร้อมและดวงใจก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยื่นบัตรประชาชนของตนเองส่งไปให้พนักงานด้วยใบหน้าบูดบึ้ง                โดยหลังจากที่ดวงใจได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดมาแล้ว เขาก็ได้พาคุณพร้อมเข้าไปยังโซนขายสินค้าในตัวห้างต่อ  เนื่องจากคุณพร้อมเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายต้องการของใช้ส่วนตัวอะไรบางอย่าง ซึ่งในระหว่างที่คุณพร้อมกำลังเดินไปเลือกดูของใช้ส่วนตัวของตนเองอยู่นั้น ดวงใจก็เริ่มซุกซนเดินไปยังโซนของใช้สำหรับสตรี เพราะมันจะมีชั้นจำหน่ายเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงตั้งขายอยู่                “เธออยากได้เหรอ?” ขณะที่ดวงใจกำลังยืนดูอายแชโดว์รุ่นใหม่ล่าสุดอยู่นั้นเขาก็ต้องสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อจู่ ๆ เสียงของคุณพร้อมก็ดังขึ้น หลังอีกฝ่ายเดินกลับมายืนอยู่ด้านหลังดวงใจแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง                “เปล่าจ้ะ ใจก็แค่ดูเฉย ๆ” ดวงใจว่าพร้อมรีบนำอายแชโดว์ที่ว่านั้นเข้าไปเก็บไว้ที่ชั้นของมันโดยพลัน                “ไม่ เธอไม่ได้แค่ดู แต่ว่าเธออยากได้”                “….”                “เธออยากได้ชิ้นไหนก็ไปหยิบมาสิ เดี๋ยวฉันซื้อให้”                “อะไรนะจ๊ะ? เอ่อ…ใจไม่เอาอะไรแล้วจ้ะคุณพร้อม พอแล้วนะ” ดวงใจเอ่ยพร้อมเริ่มทำหน้าจะร้องไห้ เมื่อคุณพร้อมอาสาจะซื้อของให้เขาอีกแล้ว                “ทำไมล่ะ ก็เธออยากได้ไม่ใช่หรือ?” คุณพร้อมถามต่ออย่างไม่เข้าใจ                “ใจก็แค่มองเฉย ๆ จ้ะ ก็ซุกซนไปเรื่อยตามประสานั่นแหละ แล้วอีกอย่าง…ต่อให้ซื้อไปก็คงจะไม่ได้เอาไปใช้ที่ไหนอยู่ดี เพราะวัน ๆ ก็ทำงานอยู่แค่ในไร่เท่านั้น”                “….”                “นี่ใจยังคิดไม่ออกเลยนะจ๊ะว่าจะบอกพ่อเรื่องโทรศัพท์เครื่องนี้ยังไงดี แล้วถ้ามีเรื่องเครื่องสำอางเข้ามาอีก ใจว่าบ้านแตกแน่ ๆ” ดวงใจพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้คุณพร้อมรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาด้วยซ้ำ                “ก็เดี๋ยวฉันจะคุยกับนายมั่นให้เองว่าฉันอยากซื้อให้เธอ”                “….”                “ไปหยิบมาสิ…เลือกมาสักชิ้น เดี๋ยวเราจะได้ไปจ่ายเงินพร้อมกันเลย” คุณพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แล้วพออีกฝ่ายเห็นว่าดวงใจนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่ยอมเชื่อฟังอีกฝ่ายง่าย ๆ คุณเขาก็รีบพูดต่อทันที “ดวงใจอย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”                “ก—ก็ได้จ้ะ” ดวงใจพยักหน้ารับและรีบหันกลับไปหยิบตลับอายแชโดว์ชิ้นที่เขาถูกใจมากที่สุดส่งไปให้คุณพร้อม เพื่อให้อีกฝ่ายได้นำไปจ่ายเงินให้ทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD