บทที่ 2

3104 Words
2                ก่อนหน้านี้ดวงใจก็อยากเห็นหน้าคุณพร้อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เขามารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนตั้งชื่อให้กันอีก นั่นก็ยิ่งทำให้ดวงใจอยากจะเห็นใบหน้าของคุณพร้อมผู้เป็นเจ้าของไร่กาแฟแห่งนี้เข้าไปใหญ่            อยากเห็น…จนถึงขั้นนับวันรอให้ถึงวันแต่งงานของพี่แพรด้วยซ้ำ                “พี่แพร เมื่อคืนพี่แพรได้เข้านอนเร็วหรือเปล่า?”                “เร็วสิ เมื่อคืนนี้หลังจากที่พี่อาบน้ำเสร็จ พี่ก็รีบเข้านอนอย่างที่แกบอกเลยนะ”                “งั้นก็ดีแล้วเพราะถ้าพี่แพรนอนไม่พอ เดี๋ยวมันจะแต่งหน้าไม่ติด” ดวงใจเอ่ย ขณะที่เขากำลังไล่สายตาดูพวกเครื่องสำอางที่จะนำมาแต่งหน้าให้กับเจ้าสาวไปด้วย โดยงานแต่งงานของพี่แพรก็จะถูกจัดขึ้นในไร่กาแฟแห่งนี้นี่แหละ มีลำดับพิธีการว่าช่วงเช้าจะเป็นการสู่ขอผู้หลักผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมของไทย ส่วนช่วงเย็นก็จะเป็นการสังสรรค์กันตามปกติ                “วันนี้แกต้องแต่งหน้าให้พี่สุดฝีมือเลยนะดวงใจ” พี่แพรพูดขึ้น เมื่อเธอได้มานั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้ามของดวงใจแล้ว เพื่อเตรียมที่จะให้เขาเนรมิตใบหน้าของเจ้าสาวให้                “แน่นอนสิ ก็วันนี้เป็นวันแต่งงานของพี่แพรทั้งทีนี่นา…ใจก็อยากให้พี่แพรเป็นคนที่สวยที่สุดในงานเหมือนกันนะ” ดวงใจตอบกลับพร้อมระบายยิ้มออกมาจาง ๆ แล้วในหลังจากนั้นเขาก็เริ่มใช้กระดาษทิชชูซับหน้าให้เจ้าสาวอย่างแผ่วเบา   เพื่อเตรียมจะแต่งหน้าให้เธอ                โดยในระหว่างที่ดวงใจกำลังนั่งแต่งหน้าให้พี่แพรอยู่นั้น เขากับเจ้าสาวป้ายแดงก็พูดคุยเรื่องต่าง ๆ ไปด้วย  โดยเฉพาะเรื่องความรักของพี่แพรที่เกิดขึ้นกับแฟนหนุ่มของเธอ จนทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันนี่แหละ                “แล้วอะไรถึงทำให้พี่แพรอยากแต่งงานกับเขาเหรอ? แค่เป็นแฟนกันมันไม่พอหรือไง” ระหว่างที่ดวงใจกำลังร่างโครงคิ้วให้เจ้าสาวอยู่นั้น เขาก็เอ่ยถามพี่แพรอย่างซื่อ ๆ ไปด้วย                “จริง ๆ ถ้าเป็นแฟนกันต่อไปเรื่อย ๆ มันก็ได้แหละ แต่ว่าพี่อยากใช้ชีวิตกับเขาตลอดทั้งชีวิตนี้ไง อยากอยู่กับเขาไปด้วยกันจนแก่จนเฒ่า อยากมีลูกด้วยกันกับเขา…เหตุผลมันก็มีแค่เท่านี้แหละดวงใจ”                “แต่ว่าถ้าพูดกันตามตรงแล้ว เจ้าบ่าวของพี่แพรเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยเลยนะพี่แล้วอีกอย่าง…เวลาที่เราจะเลือกคู่ชีวิตสักคน… เราก็ต้องเลือกคนที่มีฐานะมั่นคงไม่ทำให้เราลำบากไม่ใช่เหรอ?” ดวงใจตั้งข้อสงสัยต่อ                “ฟังพี่นะดวงใจ ใคร ๆ เขาก็อยากแต่งงานกับคนที่มีชีวิตมั่นคงกันทั้งนั้นแหละ พี่เองก็เหมือนกัน…แต่ก็ใช่ว่าทุกคนบนโลกนี้เขาจะประสบความสำเร็จกันทั้งหมดนี่ คนล้มเหลวมันก็มีนะ คนที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่หวังและก็ไม่ได้ล้มเหลวก็มี”                “….”                “จริงอยู่ที่เจ้าบ่าวของพี่เขาไม่ได้มีชีวิตมั่นคงมากนัก เพราะเขาเองก็หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน แต่ว่าเขาก็ขยันทำมาหากินมากนะ ซึ่งพี่ก็รู้สึกว่าโอเคมากหากพี่จะต้องสร้างความมั่นคงไปพร้อม ๆ กับเขา” พี่แพรพูดพร้อมจ้องหน้าดวงใจด้วยสายตาจริงจัง ราวกับพี่สาวที่กำลังสอนความจริงของชีวิตให้กับน้องชายผู้ที่ยังไม่ประสีประสากับความรักอย่างไรอย่างนั้น                “ตอนนี้ดวงใจอาจจะยังไม่เข้าใจเหตุผลของพี่หรอก แต่ถ้าวันไหนที่ดวงใจโตขึ้น ดวงใจก็จะรู้เองแหละว่ามันจะมีสักคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้นของเรา”                “ถ้าอย่างนั้น…ใจจะรอวันที่ตัวเองเติบโตขึ้นและได้รู้ซึ้งเหตุผลของพี่แพรในวันนี้นะ” ดวงใจตอบกลับพี่แพรอย่างซื่อตรงพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อหยิบมาสคารามาปัดขนคิ้วให้พี่แพรต่อ                “ใจถามแต่พี่อยู่ฝ่ายเดียว…งั้นพี่ขอถามกลับบ้างนะว่าตอนนี้ใจมีแฟนหรือยัง? เพราะไม่เห็นจะเล่าเรื่องความรักให้พี่ฟังเลยนะวัยรุ่น” พี่แพรเอ่ยอย่างขำ ๆ โดยคำถามของเธอนั้นก็ทำให้ดวงใจรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที                “ใจไม่เคยมีแฟนหรอก แต่ถ้าศัตรูน่ะ…ใจมีทั้งสายชั้นเลย”                “แหม แกก็พูดเป็นเล่นไปนะ”                “ใจพูดจริง ๆ นะพี่แพร เพราะไอ้พวกผู้ชายที่โรงเรียนน่ะมันชอบแกล้งใจมากเลย ชอบเตะบอลอัดใส่หน้า ชอบผิวปากแซว พวกมันทำเหมือนกับว่าใจเป็นตัวตลกของโรงเรียนเลยพี่” ดวงใจเอ่ยพร้อมทำหน้าสลดลงเล็กน้อย เมื่อเขากำลังนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์สมัยที่ยังเรียนมัธยมอยู่ ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในตอนนั้นมันก็มีแต่ความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนัก                แถมมันยังสร้างแผลใจฝากไว้ให้กับเขา จนกลายเป็นเรื่องยากที่ดวงใจจะลืมมันด้วย            “ใจไม่ได้เป็นตัวตลกสักหน่อย ใจก็มีความรู้สึกเหงา เศร้า เจ็บปวดเหมือนกับพวกมันนะ แล้วก็ไม่ได้มีความสุขด้วยเวลาที่ถูกพวกมันแกล้ง แต่ไม่รู้ทำไมพวกมันถึงชอบแกล้งใจนัก ทั้ง ๆ ที่ตัวของพวกมันเองก็ไม่ชอบเวลาที่ถูกแกล้งเหมือนกัน” ดวงใจพูด                “ทำไมพี่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยว่าใจโดนพวกผู้ชายที่โรงเรียนแกล้ง แล้วนี่ใจเคยบอกคุณครูบ้างหรือเปล่า”  หลังจากที่พี่แพรได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที                “ใจไม่กล้าบอกพี่แพรหรอก เพราะเราสองคนก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กันสักหน่อยแถมยังไม่ใช่ญาติกันด้วย ส่วนเรื่องบอกคุณครูที่โรงเรียน…ใจเองก็เคยบอกนะพี่ แต่เหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้เลย เพราะถ้าใจบอกคุณครูแล้วพวกมันถูกลงโทษนะ มันก็จะยิ่งแอบมาแกล้งใจหนักกว่าเดิมอีก”                “….”                “แล้วที่มันหนักสุด ๆ เลยนะพี่แพรคือพวกมันแอบเอากระเป๋าเครื่องสำอางของใจไปทิ้งในสระน้ำหลังโรงเรียนด้วย ทั้ง ๆ ที่ใจอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบแทบตายเพื่อที่จะได้ซื้อเครื่องสำอางสักชิ้นหนึ่ง แต่มันก็ยังกล้าทำแบบนั้นกับใจได้ ทั้ง ๆ ที่ใจไม่เคยไปหาเรื่องพวกมันเลย พวกมันใจร้ายใจอำมหิตจนใจไม่รู้จะเรียกพวกมันว่าอะไรแล้ว”                “พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแกมีปัญหาแบบนี้ที่โรงเรียน แล้วถ้าพี่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนนั้นนะ แกก็คงไม่ต้องไปเจออะไรแบบนั้น” พี่แพรเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด โดยในเวลานี้ใบหน้าของเจ้าสาวที่ควรจะงดงามที่สุดของวันกลับกำลังหม่นหมองลง เพราะเรื่องของดวงใจ                “พี่แพรอย่าทำหน้าเศร้าสิ เพราะเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วนะและอีกอย่างใจก็เรียนจบมาแล้วด้วย เพราะงั้นไม่มีทางที่ใจจะได้ไปเจออะไรแบบนั้นอีกแล้วล่ะ” ดวงใจพูดพลางบีบมือเจ้าสาวคนสวยไปด้วย เมื่อเขาเห็นว่าพี่แพรกำลังทำหน้าคล้ายกับจะร้องไห้ออกมา                “อืม…เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วนี่เนอะ พี่ดีใจนะที่แกผ่านเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้นมาได้น่ะ แต่ถ้าในอนาคตแกเจอพวกเด็กในไร่มาแกล้งอะไรทำนองนี้อีก แกก็สามารถบอกพี่ได้เสมอเลยนะดวงใจเดี๋ยวพี่จะจัดการให้เอง ถึงเราจะไม่ใช่ญาติพี่น้องกันก็เถอะ แต่พี่ก็รักก็เอ็นดูแกเหมือนน้องชายแท้ ๆ ของพี่นะดวงใจ”                “….”                “แกสัญญากับพี่ได้ไหมว่าถ้าเจออะไรแบบนี้อีก แกจะมาบอกพี่” พี่แพรพูดต่อ                “อืม ใจสัญญาครับ” ดวงใจตอบกลับไปพร้อมระบายยิ้มกว้างจนตาปิด หลังเขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นพี่แพรแสนดีกับเขาขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวดวงใจเองก็เป็นแค่เด็กในไร่กาแฟเท่านั้น เป็นแค่คนที่ทำงานในไร่เดียวกันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเธอทางสายเลือดเลย                “ใจสัญญากับพี่แล้ว เพราะงั้น…ก็ห้ามลืมสัญญานะ พี่สัญญาว่าพี่จะคอยปกป้องแกจนกว่าแกจะเจอพระเอกในชีวิตจริง”                “พี่แพรก็พูดไปเรื่อย ความรักเป็นยังไงใจยังไม่เคยรู้จักเลย เพราะงั้นใจจะไปเจอพระเอกในชีวิตจริงได้ยังไงเล่า” พูดจบ ดวงใจก็กลั้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างนึกขัน เนื่องจากวัน ๆ เขาก็เอาแต่คลั่งไคล้พระเอกในละครหลังข่าวเท่านั้นและในชีวิตจริงดวงใจก็ไม่เคยตกหลุมรักใครเลย เพราะงั้นเขาจะไปมีพระเอกในชีวิตจริงได้อย่างไรกัน                “ก็ไม่แน่หรอก…แกก็เพิ่งจะอายุได้ไม่เท่าไรเองชีวิตยังอีกยาวไกลนัก เดี๋ยวสักวันหนึ่งแกก็คงจะได้เจอพระเอกในชีวิตจริงนั่นแหละ” พี่แพรเอ่ยแล้วหลังจากนั้นบทสนทนาระหว่างพวกเขาก็ต้องหยุดไป เมื่อมีคนกำลังเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวแห่งนี้พอดี                “กำลังหาตัวอยู่พอดีเลย…ดวงใจเอ็งแต่งหน้าให้เจ้าแพรเสร็จหรือยัง?” ระหว่างที่ดวงใจกำลังลงมือแต่งหน้าให้พี่แพรอย่างขะมักเขม้น จู่ ๆ พ่อของเขาที่อยู่ในชุดพร้อมออกงานสำหรับพิธีการในช่วงเช้าแล้วก็ได้เดินเข้ามาถามด้วยท่าทีตื่น ๆ จนทำให้ดวงใจเห็นแล้วก็อดรู้สึกตื่นเต้นตามไม่ได้                “ยังเลยจ้ะ แต่ว่าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ว่าแต่พ่อมีอะไรจะคุยกับใจเหรอจ๊ะ?” ดวงใจตอบ พร้อมถามกลับอย่างนึกสงสัย                “อ๋อ ก็ตอนนี้คุณพร้อมเขาเดินทางมาถึงไร่แล้วน่ะสิ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันถ้าเอ็งแต่งหน้าให้เจ้าแพรเสร็จแล้วก็รีบออกมาหาพ่อหน่อยนะ เดี๋ยวพ่อจะพาเอ็งเข้าไปไหว้คุณพร้อมให้เสร็จ ๆ เสียที” เพียงแค่ได้ยินพ่อเอ่ยเช่นนั้นดวงใจก็ถึงกับทำตาโตด้วยความตกใจทันที ก่อนที่เขาจะรีบพยักหน้ารับแล้วรีบตั้งหน้าตั้งตาแต่งหน้าให้เจ้าสาวคนสวยอย่างสุดฝีมือทันที เพื่อที่ดวงใจจะได้เข้าไปไหว้คุณพร้อมพร้อมกับพ่อเร็ว ๆ            เพราะดวงใจอยากจะเห็นหน้าคุณพร้อมเสียจะแย่อยู่แล้ว            “เรียบร้อย!” เมื่อเวลาผ่านไปได้พักใหญ่และดวงใจก็ได้ใช้สเปรย์ฉีดพรมไปทั่วใบหน้าของเจ้าสาว เพื่อล็อกเครื่องสำอางให้ติดทนกว่าเดิม เขาก็ได้เอ่ยต่อด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งของตัวเองออกมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย เผื่อว่าในอนาคตดวงใจจะได้เอามันไปอวดใครต่อใครบ้างว่าฝีมือการแต่งหน้าของเขาก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน                “โห นี่พี่จริง ๆ เหรอเนี่ย” ขณะที่พี่แพรกำลังยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกเงา เธอก็พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วราวกับไม่เชื่อสายตา ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ดวงใจแล้วว่าต่อ “ดวงใจ…แกแต่งหน้าให้พี่สวยมากเลย นี่พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ยว่านี่เป็นตัวเองน่ะ”                “พี่แพรอย่ายกยอใจมากนักเลย เดี๋ยวใจจะเหลิงเอานะแล้วอีกอย่างพี่แพรก็เป็นคนผิวหน้าดีอยู่แล้วด้วย สิวก็ไม่มี ฝ้ากระก็ไม่มี เพราะงั้นไม่ว่าใจจะแต่งหน้าแบบไหนให้มันก็ดูสวยขึ้นทั้งนั้นแหละ” ดวงใจเอ่ย พลางเก็บเครื่องสำอางของตนเองลงในกระเป๋าสัมภาระไปด้วย                “แต่ยังไงพี่ก็ขอบใจแกมากนะที่อุตส่าห์มาช่วยกัน”                “เรื่องเล็กน้อยน่า แล้วนี่พี่แพรมีอะไรจะให้ใจช่วยอีกหรือเปล่า? เพราะถ้าไม่มีอะไรแล้วใจก็จะได้ออกไปหาพ่อเลย” ดวงใจถามต่อ                “อ๋อ พี่ไม่มีอะไรให้ช่วยแล้วล่ะ…ใจออกไปหาพ่อเถอะ เพราะมันก็ใกล้จะถึงเวลาของพิธีการช่วงเช้าแล้วด้วย”                “โอเคจ้ะ แต่ถ้าพี่แพรมีปัญหาอะไรก็โทรมาหาใจได้เลยนะ เดี๋ยวใจจะเข้ามาช่วย” ดวงใจเอ่ยพร้อมรูดซิปกระเป๋าเครื่องสำอางเพื่อปิดมัน แล้วในหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินออกมาตามหาพ่อ ณ สถานที่จัดงานแต่งของพี่แพรทันที เนื่องจากดวงใจอยากจะให้พ่อพาเขาเข้าไปไหว้คุณพร้อมแล้ว                โดยหลังจากที่ดวงใจเดินเข้ามาภายในงานแต่งแล้วและใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อเดินตามหาพ่อ ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับพ่อของตัวเองเสียที ซึ่งหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายแล้ว ดวงใจก็ไม่รอช้าเขารีบเดินเข้าไปหาพ่อตามนัดหมายที่คุยกันไว้ทันที                “พ่อ! ใจว่างแล้วนะ” ดวงใจเอ่ย พร้อมสะกิดแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อเบา ๆ                “อ้าว เอ็งแต่งหน้าให้เจ้าแพรเสร็จแล้วเหรอ? ตอนนี้คุณพร้อมเขากำลังยืนคุยกับแขกอยู่พอดีเลย งั้นเอ็งก็เดินตามพ่อมานี่มา เดี๋ยวพ่อจะพาเข้าไปคุยกับเขาเอง” พูดจบ พ่อของดวงใจก็รีบเดินนำเขาไปหาคุณพร้อมทันที ซึ่งตลอดการเดินเข้าไปหาคุณพร้อมนั้น ดวงใจก็รู้สึกตื่นเต้นและใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก                “นั่นไง คุณพร้อมเขาอยู่นั่นพอดี” พ่อของดวงใจเอ่ย พร้อมชี้นิ้วไปยังผู้ชายแผ่นหลังกว้างที่กำลังสวมเสื้อสูทสีฟ้าอ่อนและกำลังยืนหันหลังให้กันอยู่ เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังยืนคุยกับแขกของงานอย่างออกรส โดยทันทีที่ดวงใจเห็นแผ่นหลังกว้างนั้น หัวใจของเขาก็สั่นโครมครามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก            มันเต้นแรง….จนเหมือนมันจะหลุดออกมาจากโพรงอกอยู่แล้ว                “คุณพร้อม สวัสดีครับ” เมื่อแขกของคุณพร้อมได้เดินจากไปแล้ว พ่อของดวงใจก็รีบหาจังหวะพาดวงใจเข้าไปทักทายกับอีกคนทันที                “อ้าว สวัสดีนายมั่น” ฝั่งของคุณพร้อม เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเสียงเรียกจากพ่อของดวงใจแล้ว คุณพร้อมก็รีบหันกลับมาตอบทั้งรอยยิ้ม ซึ่งในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นสายตาของอีกฝ่ายก็เลื่อนมาสบตากับดวงใจที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของพ่อเข้าพอดี โดยนั่นก็ทำให้พวกเขาทั้งสองคนได้เผลอสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ                ทั้งคู่สบตากันได้แค่ครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นานดวงใจก็เป็นฝ่ายหลบตาไปเสียก่อนพร้อมรีบก้มหน้าลงโดยพลัน เนื่องจากเขากำลังเสียอาการให้กับความหล่อเหลาของคุณพร้อม                คิ้วเข้ม…สันกรามคมชัด…. ใบหน้าหล่อเหลาไร้ปัญหาเรื่องผิวพรรณ นี่มันพระเอกในละครหลังข่าวชัด ๆ ดวงใจได้แต่นึกในใจ                “วันนี้ผมเอาลูกชายมาแนะนำตัวกับคุณพร้อมครับ นี่ก็เพิ่งเรียนจบม.หกได้ไม่นานนี่เองและตอนนี้ก็กำลังทำงานอยู่ในไร่กาแฟของเราครับ” พ่อของดวงใจเอ่ยทั้งรอยยิ้มพร้อมผายมือมาทางดวงใจอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้ดวงใจรีบยกมือไหว้คนที่มีอายุมากกว่าทันที                “สวัสดีจ้ะ” ดวงใจเอ่ยทักทายคุณพร้อมอย่างเคอะเขิน                “สวัสดี ชื่ออะไรล่ะเรา?” คุณพร้อมเอ่ยถามพลางยกมือรับไหว้จากดวงใจไปด้วย                “ช—ชื่อดวงใจจ้ะ” ดวงใจตอบคุณพร้อมเสียงสั่น หลังในเวลานี้มันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่ดวงใจจะเก็บอาการเคอะเขินของตัวเองเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร                “ดวงใจ…” เมื่อคุณพร้อมได้ยินเช่นนั้น อีกฝ่ายก็ทวนชื่อของดวงใจเบา ๆ พร้อมทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปถามพ่อของดวงใจทั้งรอยยิ้ม “นายมั่น…นี่ใช่เด็กคนที่ฉันเคยตั้งชื่อให้หรือเปล่า?”                “ผมนึกว่าคุณพร้อมจะจำไม่ได้เสียแล้ว แต่ว่าใช่แล้วครับ…เด็กคนนี้แหละที่คุณพร้อมตั้งชื่อให้ในวันนั้น” พ่อของดวงใจเอ่ยพร้อมฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ หลังคุณพร้อมจำความทรงจำเมื่อวันวานได้                “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะตอนนั้นที่เจอกัน…เด็กคนนี้ยังไม่ทันได้ลืมตาเลยด้วยซ้ำ ตัวยังแดง ๆ นอนอยู่ในตู้อบอยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้โตเป็นหนุ่มหล่อแล้วเหรอนี่” ทันทีที่ดวงใจได้ยินคุณพร้อมเอ่ยเช่นนั้น รอยยิ้มของเขาที่มีในตอนแรกก็ถึงกับหายไปโดยพลัน หลังรู้สึกขัดใจกับคำพูดของคุณพร้อมอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งอาการเหล่านั้นที่ดวงใจแสดงออกมามันก็มีมากพอที่จะทำให้คุณพร้อมสังเกตเห็นมันได้ จนทำให้อีกฝ่ายถึงกับอึกอักไปชั่วขณะ                “อ่า ไม่สินะ เธอโตเป็น…”                “เป็นคนสวย” ดวงใจตอบให้ หลังเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังดูลังเลไม่รู้จะใช้คำไหนกับเขาดี                “นี่! ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะดวงใจ” ตัดภาพมาที่พ่อของดวงใจ หลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินดวงใจบอกคุณพร้อมเช่นนั้น พ่อของเขาก็รีบพูดด้วยเสียงดุทันที ทำเอาดวงใจถึงกับหน้างองุ้มและคุณพร้อมก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน                “ฮ่า ๆ อย่าดุลูกสินายมั่น”                “ถ้าเขาจะเป็นคนสวยก็ปล่อยให้เขาเป็นคนสวยไปสิ แล้วเมื่อกี้ฉันก็ขอโทษด้วยนะที่ใช้คำพูดผิดไป จนทำให้เธอรู้สึกไม่ดี” คุณพร้อมเอ่ยแล้วสบตากับดวงใจไปด้วย โดยนั่นก็ทำให้คนถูกพูดด้วยรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะตอบกลับเจ้าของไร่กาแฟไปเสียงแผ่ว                “ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD