“ไม่ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น มึงอย่าจี้ได้ปะ ไม่มีอะไรจริงๆ”
(ใช้ได้นะผู้ชายคนนี้ มึงไปมีเพื่อนรวยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ อยู่คอนโดนี้ไม่ธรรมดานะเว้ย) ฉันก็คิดเหมือนเพื่อน
“พ่อแม่เขาคงรวยมั้ง”
(หล่อมั้ย)
“หล่อ”
(ควงให้ไอ้แม็กมันเห็นไปเลย)
“อย่าดึงน้องมันลงมาเกี่ยวด้วยเลย แค่นี้กูก็เป็นภาระน้องมันมากแล้ว”
(เด็กกว่า)
“อืม”
(สุดจัดไปเลยเพื่อนกู)
“เดี๋ยวค่อยคุยกันได้มั้ยมึง ตอนนี้กูผะอืดผะอมปวดหัวมากเลย” ฉันรู้สึกแย่กับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืนมากจริงๆ
(โอเคมึง พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยคุยกันๆ)
“กูรักมึงนะจิ๋ว ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”
(เฮ้อ กูก็รักมึง มีมึงเป็นเพื่อสนิทคนเดียว สนิทที่แปลว่า)
“ตอแหลมาก แค่นี้ก่อนนะจะนอน” อย่าให้สาธยายความรู้สึกข้างในเลยฟังแล้วจะอ้วกเพราะต่างคนก็ต่างปลอม เราทั้งคู่มองตาก็รู้ใจกันแล้วแบบนี้คือจริงใจมากกว่าคำพูดอีก ติดเล่นซะส่วนใหญ่หาสาระและความซาบซึ้งแทบไม่ได้เลย
คิดว่าดีขึ้นแล้วแต่ทำไมพอเห็นหน้าน้องพนักงานกลับทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงกว่าเดิม ฉันดื่มหนักขนาดที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง ชุดที่ใส่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นกลุ้มอย่างที่สุด
คิดมากก็ปวดหัว ฝืนหนังตาขึ้นไม่ไหวอีกแล้ว ทรมานอย่างที่สุด สาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่ดื่มให้เมาขนาดนี้อีกแล้ว ไม่เอาแล้วแต่จะให้เลิกดื่มคงทำไม่ได้เพราะมันคือความสุขเล็กๆของฉัน
ตี๊ดๆ
เสียงนาฬิกาปลุกที่ฉันตั้งไว้ก่อนนอนดังขึ้น ยื่นมือไปข้างๆเพื่อควานปิดมันก่อนที่หูจะแตก ตายังลืมไม่ขึ้น อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเดิมเลย ฉันจะตายคาห้องหรือเปล่า
“หนักเลยเหรอ ให้ผมเรียกรถโรงพยาบาลให้มั้ย”
“ไปก็ถูกหมอด่าน่ะสิ ไม่เคยแฮงก์หรือไง”
“ไม่เคย” เทพเกิน
“ขอเบียร์สักกระป๋องได้มั้ย”
“ท้องว่างอยู่เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
“แล้วจะให้ทำยังไง” จะตายอยู่แล้วไม่เคยแฮงก์ก็พูดได้น่ะสิ
“อยากอ้วกมั้ย”
“อือ”
สภาพเหมือนคนป่วยเดินไม่ไหวต้องมีคนช่วยพยุง พอเดินออกมาได้กลิ่นข้าวต้มเท่านั้นแหละทุกอย่างในท้องก็เริ่มตีวนและถูกผลักขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ
“ไม่ไหวแล้ว จะอ้วก” ฉันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะกลัวอ้วกพุ่งทำให้ห้องเลอะ เรื่องน่าอายแบบนั้นถ้าเกิดต่อหน้าผู้ชายไม่ดีแน่
“เป็นยังไงบ้าง”
“เฮ้อ ทรมานน่ะสิ” พอได้อ้วกก็รู้สึกโล่งแต่อาการปวดหัวยังคงอยู่
“ไปกินข้าวต้มรองท้องสักหน่อยจะได้กินยา”
“ไม่ไปทำงานเหรอเรา”
“ไปมาแล้ว”
“ตอนไหน”
“หลับอยู่จะไปรู้อะไร” ฉันหลับไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง อยากรู้จังว่าเขาอยู่แผนกไหนเนี่ยจะเข้าจะออกตอนไหนก็ได้
“อยู่แผนกไหน ถามจริง”
“ทุกแผนก”
“ไม่ตลกนะ”
“สำคัญตรงไหน” ความจริงแล้วเขาเป็นใคร เริ่มไม่แน่ใจ
“ถามจริง อย่าโกหกกันดิ”
“เดี๋ยวก็รู้เอง ผมไม่ใช่ตัวอันตรายแน่นอนไว้ใจได้”
“ตอนนี้เริ่มไม่ไว้ใจแล้ว” ใครมันจะไปบ้าเชื่อ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่พอเห็นคอนโดและความเป็นอยู่ก็ทำให้ฉันเริ่มคิดใหม่ คอนโดที่มาอ้วกใส่กี่ล้าน แล้วก็รถที่ขับนั่นอีก ถ้าบอกว่าพ่อแม่รวยแล้วทำไมลูกถึงเลือกมาเป็นพนักงานบริษัทล่ะ
“อยากรู้อะไรล่ะ”
“ทุกเรื่อง ถ้าอยากเป็นเพื่อนกันก็เล่ามา แต่ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจกันก็ปิดปากเงียบไว้แบบนั้นแหละ”
“จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย”
“ชอบคนชัดเจน คลุมเครือนี่ไม่คบ”
“ทำไมไม่แทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมล่ะ ? “ประโยคนั้นทำให้ฉันเงยหน้ามองเขาจริงจัง เรื่องมองคนฉันอาจจะพลาดไปบ้างแต่เรื่องความชัดเจนฉันจะไม่ปล่อยผ่านเด็ดขาด อย่ามาตอแหลหลอกลวง ไม่เอา ไม่ชอบ แล้วก็ไม่คบด้วย
“กำลังเล่นตลกอะไร ฉันไม่มีอะไรให้หรอกนะ อย่าเข้ามาปั่นให้ปวดหัว”
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าทำให้เข้าใจผิด ขอโทษก็แล้วกัน”
“แล้วต้องการอะไร”
“ติดหนี้ผมอยู่นะ ค่าเหล้าเมื่อคืน”
“เอ้า ก็ไหนบอกจะเลี้ยงไง ยังไงอ่ะ”
“อยากเลี้ยงคืนมั้ยล่ะ เมื่อไหร่ก็ได้ผมไม่เร่ง”เหอะ แปลี่ยนไปหมดจนทำให้ฉันเริ่มคิดตามไม่ทัน ปวดหัวเพราะอาการแฮงก์ยังไม่ดีขึ้นก็ต้องมาปวดหัวกับผู้ชายคนนี้อีก
“ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอนเพราะไม่มีเงิน”
“รอได้”
เริ่มระวังตัวเองมากขึ้น พยายามพูดให้น้อยที่สุดจนรถหรูเคลื่อนตัวมาจอดหน้าหอพักของเพื่อนสนิท รู้สึกโล่งใจที่เขายอมมาส่งสักที
“เรื่องงานผมจัดการให้แล้วนะ มีใครโทรมาสั่งงานหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อือ” ปกติลางานไม่ใช่แบบนี้ จะต้องมีสายเรียกเข้าจากพี่ติ๋มตลอดแต่ครั้งนี้มันแปลกมาก ปกติงานที่แผนกเยอะจะตายแต่ละตำแหน่งลาแทบไม่ได้ ทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีใครโทรมาถามเรื่องงานเลยหรือว่า ..ไม่ใช่แน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
--------