นี่มัน… บีลีฟไม่ใช่เหรอวะ?!
ผมถึงกับอึ้งตาค้าง ร่างกายก็คร่อมเธอค้างอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าขยับไม่ได้นะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากขยับเลย นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้จ้องหน้าบีลีฟใกล้ ๆ แบบนี้ มันนานมากแล้วที่ผมไม่กล้าแม้แต่สบตากับเธอตรง ๆ
นับตั้งแต่วันนั้น… วันที่เธอทำให้หัวใจอันแข็งกระด้างของผมเต้นรัว
‘ร้อนจาง… อึดอาด’
พลั่ก!
‘โอ๊ย!’ ความคิดของผมถูกน็อคด้วยหมัดเล็ก ๆ ของคนใต้ร่าง เธอเสยคางผมเต็มเปาเลย แม่งโคตรเจ็บอ่ะ! เพราะมัวแต่จ้องหน้าเธอแล้วคิดอะไรเพลิน ๆ เลยไม่ทันระวังตัวแท้ ๆ ผมขยับกรามตัวเองสองสามที ก่อนจะหลุบตามองแรงใส่ยัยขี้เมาตัวแสบที่ไม่รู้ว่าเข้ามานอนบนเตียงผมได้ยังไง แล้วทำไมถึงเมาหนักขนาดนี้ได้
‘ครายว้า… อยากตายหรออ’ เธอโวยวายเมื่อโดนรวบข้อมือสองข้างขึ้น ผมไม่ไว้ใจเธอแล้ว เล่นต่อยอากาศรัวซะขนาดนั้นถ้าปล่อยไว้มีหวังเข้าเบ้าหน้าผมอีกแน่ ๆ จะว่าไปก็เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าเวลายัยนี่เมาแล้วนักเลงโตแบบนี้น่ะ
‘เหลือเชื่อจริง ๆ ให้ตาย!’
‘งื้ออ… เสียงครายย’
ดวงตาหวานเยิ้มพยายามลืมขึ้น ตอนแรกผมแอบตกใจเล็กน้อย เพราะกลัวว่าถ้าหากบีลีฟเห็นหน้าผม เธออาจจะร้องโวยวายจนทุกคนในบ้านแตกตื่นก็เป็นได้ หากทว่ามันกลับผิดคาด… ดวงตาหวานจับจ้องมาที่ผมนิ่งงันเกือบนาที เราสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งคนใต้ร่างเป็นฝ่ายขยับริมฝีปากจิ้มลิ้มขึ้นก่อน
‘เฮียเหรออ… อึก… เฮียฑีช่ายม้ายย…’
‘…’ ชื่อเรียกที่หลุดออกมาจากริมฝีปากนั่นเปรียบเสมือนใบมีดเฉือนหัวใจผมเลย แม้ไม่ได้คาดหวังให้เธอจำกันได้ แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้เธอมองผมเป็นหมอนั่นหรอกนะ ถึงเธอจะกำลังเมาหนักมากก็เถอะ
ผมถอนหายใจหนัก ๆ ปล่อยมือออกแล้วทำท่าจะถอยตัวลงจากเตียง ทว่ากลับต้องชะงักนิ่งเมื่อถูกมือเล็กคว้าชายเสื้อเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมองหัวใจที่มันเย็นเฉียบกลับร้อนรุ่มขึ้นมาทันทีที่เห็นดวงตาหวานเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
‘จะทิ้งเหรอ… ฮึก… เฮียจะทิ้งฉานเหรอ’
ยอมรับเลยว่าวินาทีนั้นหัวใจผมมันอ่อนยวบไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าเพียงน้ำตาหยดเดียวของบีลีฟสามารถตรึงร่างของผมเอาไว้ได้ ผมรู้ว่าไม่ควรฉวยโอกาสยามเธอกำลังไม่ได้สติ ผมรู้ว่ามันโคตรเสียศักดิ์ศรีแค่ไหนกลับการแกล้งเนียนเป็นพี่ชายฝาแฝดตัวเองแบบนี้ ผมรู้ว่ามันไม่ดี…
แต่ว่า… บางครั้งความดีมันก็ใช้ร่วมกับความรักไม่ได้…
ผมเองก็เช่นกัน… ผมอาจไม่ใช่คนดี… แต่ผมมีความรัก และคงไม่ต้องให้บอกนะว่าความรักของผมอยู่ที่ใคร…
‘อย่าไปนะ… เฮียอย่าไปเลย… ฮึก’ เสียงสะอื้นอ้อนวอนพร้อมแรงกระตุกชายเสื้อเบา ๆ ผมตัดสินใจทิ้งตัวนอนลงด้านข้างยัยตัวเล็กขี้เมาแล้วดึงเธอเข้ามากอดแนบอก บีลีฟให้ความร่วมมืออย่างดี เธอกอดผมตอบแถมยังซบหน้ากับแผงอกของผม มันอาจจะเป็นเพราะความเมา และเพราะเธอเข้าใจว่าผมคือใครอีกคน เธอถึงตอบสนองผมแบบนี้
หากเป็นเวลาปกติผมคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้แตะต้องตัวเธอด้วยซ้ำ แม้มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำใจจะขาดก็ตาม มันไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่มันทำไม่ได้ต่างหากล่ะ เพราะสถานะของเราสองคนมันอยู่ในจุดที่ไม่ควรแม้จะสบตากันด้วยซ้ำ เพราะอะไรน่ะเหรอ…
เพราะบีลีฟคือว่าที่คู่หมั้นของนาฑี… พี่ชายฝาแฝดผมน่ะสิ!
ใช่แล้ว… อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละ ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของผมตอนนี้กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับพี่ชายของผมเร็ว ๆ นี้แล้ว เธอคือผู้หญิงที่ผมไม่ควรจะแตะต้อง ผู้หญิงที่ผมไม่อาจจะไขว่คว้า ผู้หญิงที่ต่อให้ผมรักมากมายแค่ไหนก็มีสิทธิ์ทำได้แค่มองไกล ๆ เท่านั้น
ผมเคยคิดแบบนั้น…
ทว่าเมื่อได้มาสัมผัสถึงความเสียใจของบีลีฟในตอนนี้ ความคิดของผมมันเปลี่ยนไปทันที ผมไม่อาจทนเห็นเธอเจ็บปวดเพราะนาฑีได้อีกแล้ว หลายครั้งหลายหนที่ผมพยายามอดทน พยายามอย่างมากในการเก็บกดอารมณ์ และคำถามมากมายในใจว่าทำไมคนที่ได้ยืนข้างเธอถึงไม่ใช่ผม ผมรู้มาตลอดว่าพวกผู้ใหญ่จับคู่นาฑีกับบีลีฟมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะรู้ผมถึงยอมทน
แต่… ผมทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนจริง ๆ ของนาฑี ผมรู้ว่ามันเหลวไหลมากแค่ไหน มันเองก็มีนิสัยรักสนุกไม่ต่างจากผมหรอก ขนาดมันกำลังจะหมั้นกับบีลีฟแท้ ๆ มันยังเที่ยวและนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่เลย แม้ต่อหน้าผู้ใหญ่และต่อหน้าเธอ นาฑีจะทำตัวแสนดีแสนอ่อนโยนยังไง แต่ผมสัมผัสได้ถึงเส้นบางอย่างที่มันพยายามขีดกั้นบีลีฟเอาไว้ และผมก็เชื่อว่าบีลีฟสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ เธอถึงได้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ไง!
‘ทำมาย… ทำมายเฮียไม่สนใจฉานบ้าง… ฮึก… ม่ายรักฉานบ้างเลยเหรอ’ บีลีฟสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของผม ยิ่งได้รับฟังถึงความเสียใจของเธอ ความเดือดดาลในใจของผมก็ยิ่งปะทุ ผมจะไม่ทนนิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว…
ในเมื่ออยู่กับนาฑีแล้วมันไม่เคยใส่ใจ ดีแต่ทำให้เธอเสียใจ ผมจะยอมสวมบทเป็นคนเลว แล้ว ‘แย่ง’ เธอมาจากพี่ชายตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม! ผมจะเปลี่ยนหัวใจเธอให้ได้!
‘รักสิ… เฮียรักเธอนะบีลีฟ’