EP.28 #ขอค่าแบกหน่อย

1178 Words
“เฮ้ย!” เสียงแรกเป็นเสียงของร่างหนากระแทกลงบนพื้นห้อง ส่วนเสียงที่สองคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเป็นเสียงของใคร ฉันเป็นคนผลักเวฬาเองแหละ ด้วยความกรุ่นโกรธ ความปวดเนื้อปวดตัว หรือความแฮงค์ก็ตาม มันทำให้ฉันหงุดหงิดมากที่ตื่นมาเห็นภาพเดิมราวกับย้อนกลับไปในเหตุการณ์บ้าบอคืนนั้น พอนึกถึงมันแล้วก็โมโห พอโมโหมือและเท้ามันก็พร้อมใจกันผลักดันผู้ชายข้างกายให้ออกไปไกลตัวทันที “มันเจ็บนะบีลีฟ เล่นอะไรของเธอวะ” เวฬาปีนขึ้นมาบนเตียงด้วยสีหน้าหงุดหงิดและงัวเงียในคราวเดียวกัน ฉันกลอกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อสายตาปะทะกับแผงอกเปล่าเปลือยที่มีรอยสักลวดลายเท่ ๆ แสนดึงดูดสายตาพาดผ่านอยู่ เขาทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมแล้วทำท่าจะนอนต่ออย่างหน้าตาเฉย นี่คิดว่าเมื่อกี้มือฉันกระตุกหรือไง? ต้องหน้าด้านเบอร์ไหนถึงจะทำมึนแบบหมอนี่ได้! “ออกไปจากห้องเลยนะเวฬา! นายเข้ามาทำบ้าอะไรในนี้เนี่ย!” ปากก็ว่า สองมือก็รัวทุบไหล่เขาแรง ๆ เวฬาทิ้งตัวลงนอนแล้วพลิกกลับมารวบข้อมือฉัน สีหน้าหงุดหงิดระดับสิบริกเตอร์ เขาคงจะง่วงนอนมาก แต่ฉันไม่สน! “โวยวายอะไรนัก นี่มันห้องฉันนะอย่าลืม” ฉันชะงักไปเล็กน้อย สายตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้จนเกินพอดี เหมือนเวฬาจงใจดึงข้อมือฉันเข้าหาตัวเอง ทำให้ตัวฉันที่กำลังนั่งอยู่จำต้องเอนลงไปหาตามแรงฉุดรั้งนั่น เราสบตากันชั่วครู่แล้วปล่อยให้ความเงียบกลืนกินรอบตัว บ้าจริง… ทำไมอยู่ดี ๆ ฉันถึงรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาของเวฬานะ หรืออาจจะยังไม่ชินเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยสบตากับฉัน คงใช่… มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ “งั้นก็ปล่อย เดี๋ยวออกไปเอง” ฉันยื้อข้อมือกลับ เบี่ยงหน้าหนีเพื่อหลบตาไปอีกทาง ไม่อยากจ้องหน้าเวฬานาน ๆ เพราะมันทำให้หวนนึกถึงใครอีกคนที่หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะ นึกแล้วมันเจ็บ… ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บ… ไม่อยากเห็นแล้ว “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นอ่ะ นอนด้วยกันนี่แหละ” “เอ๊ะ… นี่!” ฉันถูกมือหนาบังคับให้นอนลงด้วยแรงมหาศาล กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ลอยเข้ามาแตะปลายจมูกบ่งบอกให้รู้ว่าร่างกายแข็งแกร่งตรงหน้าสะอาดสะอ้านมากแค่ไหน ฉันพยายามจะขัดขืนไม่ยอมนอนตามที่คนนิสัยเสียต้องการ พอเห็นฉันดิ้นและพลิกตัวหนี ท่อนแขนร้อน ๆ เปลี่ยนมากอดรัดอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะรั้งจนแผ่นหลังฉันแนบชิดกับร่างกายอบอุ่นของเขา ไออุ่นกรุ่นร้อนจากเวฬากำลังทำฉันบ้า! “ฉันง่วง อย่าเพิ่งดื้อดิ” “วะ… เวฬาปล่อยนะ ทำบ้า… อะไรของนาย” ฉันย่นคอหนีลมหายใจกรุ่นร้อนข้างใบหู ได้ยินเสียงตัวเองพูดออกมาอย่างติดขัด ซึ่งมันบ้ามาก สัมผัสเขามันทำให้ฉันเสียสมาธิ! “นะ นี่! ห้ามหลับนะ ปล่อยก่อนสิ” “อืม” เขาตอบรับแผ่วเบาก่อนจะกระชับกอดแน่นกว่าเดิม ฉันอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ ให้มันสาสมกับความรู้สึกบ้าบอตอนนี้ หัวใจมันเต้นแรงทำไม ใบหน้าจะร้อนทำไม ไม่เข้าใจเลย! “อืมบ้าอะไรของนาย! บอกให้ปล่อยไงไม่ได้ยินเหรอ?” ฉันยังคงโวยวายต่อไปไม่หยุด พลางจิกปลายเล็บลงบนหลังมือของเขาไปด้วย เวฬาคงจะเพลียมาก ฉันเองก็ทั้งเพลียทั้งแฮงค์ แต่จะให้นอนต่อในสภาพแบบนี้ก็ไม่เอาหรอกนะ มันไม่ดีแน่ ๆ “เจ็บ” วลีสั้น ๆ หลุดออกมา ปลายเล็บชะงักเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างคิดหนักว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ถ้าในเวลาปกติฉันเป็นพวกใช้สมองมากกว่าหัวใจและความรู้สึก เพราะอาชีพของฉันต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก การจะตัดสินใจทำอะไรแต่ละอย่างจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบเสมอ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของคนคนหนึ่งเลยทีเดียว หากทว่าในเวลานี้มันโคตรไม่ปกติมาก ๆ ฉันพยายามใช้สมองส่วนที่เหลือคิดหาทางรอดจากอ้อมกอดบ้า ๆ นี่ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยทำได้แค่ทำร้ายเขาด้วยปลายเล็บเท่านั้น “เจ็บก็ปล่อย มากอดทำไม” “หนาว อยากกอด” เวฬาพึมพำตอบ เสียงเขางัวเงียมาก “เมื่อคืนกว่าจะพากลับมาได้ เหนื่อยมากรู้ป่ะ” เขาพูดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ฉันจำแทบไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดฉันนั่งดื่มอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งในสนามแข่งนี่นา จากนั้นก็เมา จำได้บ้างไม่ได้บ้าง มันเลือนรางสุด ๆ คิดแล้วก็ปวดหัว งั้นแสดงว่าเวฬาเป็นคนพาฉันกลับมาจากสนามอย่างนั้นสินะ “ขอค่าแบกหน่อย” “คะ ค่าแบกอะไร ใครใช้ให้พากลับมาล่ะ” ฉันเลิกจิกหลังมือเขาแล้วเปลี่ยนมานอนกอดอกแทน ดิ้นไปก็ไม่หลุด ไม่ดิ้นแล้ว เหนื่อย “เออ ฉันเสือกเอง จบไหม” “ปล่อยสิ เดี๋ยวจบเลย” ฉันดึงแขนเขาออกจากหน้าท้องตัวเองอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิมคือไม่ยอมขยับเลย ชักเหนื่อยแล้วนะ ง่วงด้วย “ไม่เอา ปล่อยแล้วเธอก็หนี ปล่อยแล้วเธอก็หายไป” “…” “ฉันไม่ปล่อยเธอหรอก” อะไร… ก็แค่ประโยคสั้น ๆ ของคนกำลังงัวเงีย… แล้วทำไมต้องใจเต้น? . . . ฉันตื่นขึ้นมาในตอนสายด้วยอาการมึนหัวเล็กน้อย บนเตียงไร้วี่แววของใครอีกคน ดูเหมือนว่าเขาจะลุกไปก่อนฉันนานแล้ว ฉันเลิกสนใจและลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน มือที่กำลังเอื้อมหยิบแปรงชะงักค้างเมื่อเห็นว่าของใช้ทุกอย่างภายในห้องน้ำถูกจัดวางอย่างดี และที่สำคัญมันมีเป็นคู่! ฉันกวาดสายตาไล่มองแปรงสีฟัน เครื่องโกนหนวด โฟมและครีมต่าง ๆ รวมไปถึงผ้าขนหนู เสื้อคลุมที่แขวนอยู่คู่กันด้วย ถ้าจำไม่ผิดก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ของใช้ส่วนตัวของฉันเท่านั้นนี่ เพราะตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ฉันจัดการเก็บของของเวฬาใส่ตู้ไปหมดแล้ว แล้วจู่ ๆ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีของใช้ของหมอนั่นวางรวมอยู่ด้วยล่ะ “คิดจะบ้าอะไรอีกเนี่ย” ฉันบ่นกับตัวเองผ่านกระจกเงา รู้สึกสมเพชตัวเองกับสภาพหน้าโทรม ๆ ที่พักนี้เริ่มเห็นจนชินตา ปกติฉันเป็นคนดูแลตัวเองดีนะ แต่พักหลังมานี้รู้สึกเนือย ไม่อยากแต่งสวยอะไรเลย เบื่อโลกมาก ว่าแล้วก็โทรไปนัดน้ำหอมกับเนตรออกมานั่งชิลกันบ้างดีไหมนะ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD