ชีวิตของซูเม่ยหลิงดำเนินไปอย่างราบรื่นภายใต้ข้อตกลง ไม่ว่าจะเรื่องชีวิตหรือว่าธุรกิจ ตามคติประจำตัวใหม่ของเธอคือชาตินี้เธอจะไร้ซึ่งรัก เธอจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขบนกองเงินกองทองเท่านั้น
เม่ยหลิงใช้เงินลงทุนจากหลิวเหว่ยเฉิงขยายกิจการอย่างรวดเร็ว โกดังสินค้าที่เสิ่นเจิ้นเริ่มเดินเครื่องผลิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเซียวหาน และการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าล็อตใหญ่ก็กำลังจะมาถึง
เม่ยหลิงใช้ห้องทำงานใหม่ของเธอในการสั่งการทุกเรื่องแม้ความจริงอยากจะแยกออกไปอยู่ข้างนอกใจจะขาดก็ตาม เธอไม่อยากพบเจอกับหลิวเหว่ยเฉิงที่หลัง ๆ ชอบมาตามติดและมองเธอด้วยสายตาเว้าวอน เธอไม่อยากอ่อนแอให้กับผู้ชายใจร้ายคนนี้อีกแล้ว
ดังนั้นเม่ยหลิงจึงหาเรื่องออกไปพบปะนักธุรกิจหญิงด้วยกัน รวมไปถึงภรรยาของบุคคลสำคัญในวงสังคมชั้นสูงเพื่อสร้างหนทางการตลาดเพิ่ม
ในสังคมข้างนอกเธอยังคงสวมบทบาทเป็น คุณนายหลิวผู้สง่างามและน่าเกรงขาม เธอใช้ตำแหน่งที่เขาให้มาให้มีประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด กระทั่งเงินของเขาที่หมุนวนในธุรกิจอย่างราบรื่น บอกแล้วไงชาตินี้เธอจะไม่แพ้จนตัวตาย
หลิวเหว่ยเฉิงอาจจะคิดว่าเขาเป็นผู้ควบคุมเกมเพราะเข้าใจว่าเธอยังต้องพึ่งเงินทองของเขาอยู่ แต่ในความเป็นจริง เธอต่างหากที่เป็นผู้กำหนดทิศทางของทุกสิ่ง
หลิวเหว่ยเฉิงที่กำลังจมดิ่งกับอารมณ์ที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน จากที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยต้องใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีไปกับการคิดถึงภรรยาที่ไม่รัก
แต่ตอนนี้ ทุกความคิดของเขากลับเห็นแต่ภาพของซูเม่ยหลิง และจิตใจของเขาก็ยิ่งร้อนรุ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อมีผู้ชายอย่างเซียวหานอยู่ใกล้ชิดเธอ
หลิวเหว่ยเฉิงนั่งอยู่ในห้องทำงานที่ค่ายทหาร รายงานลับจากจางเฟิงวางอยู่บนโต๊ะ แน่นอนว่ารายงานนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงานในค่ายทหารแต่อย่างใด แต่มันคือรายงานของจางเฟิงที่คอยตามติดชีวิตของเม่ยหลิง
สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดที่สุดคือ
"คุณนายและคุณเซียวหานเต้นรำด้วยกันในงานเลี้ยงธุรกิจเมื่อคืนนี้"
มีความสุข... เมื่ออยู่กับคนอื่น!
หลิวเหว่ยเฉิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเยาะเย้ยแม้ความจริงเขาแทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอก็ตาม เขาแทบจะเป็นบ้ากับความเฉยชาของภรรยาจนถึงขั้นระบายต้องเอาอารมณ์นี้มาระบายกับซูเยว่
"เยว่เยว่... เธอรู้ใช่ไหมว่าซูเม่ยหลิงกำลังทำอะไรอยู่"
หลิวเหว่ยเฉิงถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้น
ซูเยว่ที่กำลังจัดชาให้เขาอยู่กล่าวอย่างแผ่วเบา
"คุณนายหลิวอาจจะแค่ต้องการแสดงความสามารถให้คุณเห็นเท่านั้นค่ะ เหว่ยเฉิง"
เธอทำเป็นปลอบใจ แต่แฝงด้วยคำยุยง
"แต่การที่เธอใกล้ชิดกับพ่อค้าที่ไม่น่าไว้ใจอย่างเซียวหาน... มันอาจจะกระทบต่อเกียรติยศของคุณได้นะคะ ถ้าเธอถูกหลอกให้ทำเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมา..."
คำพูดของซูเยว่เปรียบเสมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟของหลิวเหว่ยเฉิงทันที! เขาไม่ต้องการให้ซูเม่ยหลิงทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพราะห่วงเธอ แต่เพราะกลัวตำแหน่งของเขาจะสั่นคลอนต่างหาก
ถึงเวลาที่เขาจะต้องหยุดยั้งธุรกิจของซูเม่ยหลิงเพื่อบังคับให้เธอต้องกลับมาพึ่งพาเขา
หลังจากที่คิดได้ดังนั้นหลิวเวห่ยเฉิงก็ไม่รอช้าที่จะสั่งการ
"จางเฟิง! หาข้อมูลรายละเอียดของคู่แข่งทางธุรกิจทั้งหมดของซูเม่ยหลิงมาให้ฉัน ฉันต้องการให้บริษัทของซูเม่ยหลิงเผชิญเกิดปัญหาบางอย่างที่ทำให้การขนส่งล่าช้า สินค้าของเธอต้องถูกระงับที่ด่านศุลกากร"
จางเฟิงตกใจกับคำสั่งนี้อย่างมาก
"ท่านรองผู้บัญชาการครับ... การใช้กำลังทหารขัดขวางการค้าขายของภรรยาตัวเอง..."
"นี่คือการทดสอบของฉัน!"
หลิวเหว่ยเฉิงตวาด
"ถ้าเธอไม่สามารถผ่านอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไปได้ เธอก็ไม่คู่ควรที่จะสร้างอาณาจักรของตัวเอง และจะต้องกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน!"
ซูเยว่ มองการตัดสินใจของหลิวเหว่ยเฉิงด้วยความพึงพอใจเงียบ ๆ การที่หลิวเหว่ยเฉิงใช้อำนาจโจมตีซูเม่ยหลิงนั้น แน่นอนว่าซูเม่ยหลิงจะไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวจากธุรกิจ และจะต้องกลับมาเป็นเพียงดอกไม้ประดับในแจกันที่อ่อนแอเหมือนเดิม
วันต่อมา
ซูเม่ยหลิงกำลังจัดการตรวจสอบเอกสารในการลงทุนอย่างใจเย็น เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงของเซียวหานที่ปลายสายเต็มไปด้วยความกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"คุณซู! เป็นอย่างที่คุณคาดไว้ครับ! สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ล็อตใหญ่ของเราถูก ระงับ ที่ด่านศุลกากรอย่างเป็นทางการ คำสั่งมาอย่างเร่งด่วนและเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคงโดยตรง ไม่มีใครกล้าแตะต้องเรื่องนี้เลยครับ!"
เม่ยหลิงยิ้มอย่างเยือกเย็น เธอรู้ดีว่านี่คือการโจมตีโดยการใช้อำนาจสูงสุดของประเทศ และมีเพียงผู้ชายที่ชื่อหลิวเหว่ยเฉิง เท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
"คุณเซียว ไม่ต้องตื่นตระหนกค่ะ"
เม่ยหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเยียบเย็น
"การที่เขาโจมตีเราด้วยวิธีนี้ เป็นการยืนยันว่าธุรกิจของเรากำลังเติบโต เพราะคู่แข่งของเราเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามจากธุรกิจของเราแล้ว"
คิดว่าการสร้างปัญหาขึ้นมาจะทำให้ฉันยอมจำนนและกลับไปร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอย่างนั้นหรือ?
"แต่เงินที่เราลงทุนไปเกือบทั้งหมดอยู่ที่สินค้านั้นนะครับ ถ้าของค้างนานเราจะขาดทุนมหาศาล!"
เซียวหานพยายามแย้ง
"ฉันเข้าใจค่ะ"
เม่ยหลิงตอบ
"คุณดำเนินการเรื่องสัญญาซื้อที่ดินและโรงงานที่เสิ่นเจิ้นต่อไปตามแผนเลย อย่าให้เรื่องนี้มาขัดขวางการขยายธุรกิจของเราได้ ส่วนเรื่องด่านศุลกากร... ฉันจะจัดการเอง"
ซูเม่ยหลิงไม่ได้เสียเวลาไปกับการโต้เถียงกับหลิวเหว่ยเฉิงโดยตรง เธอเลือกใช้ ไพ่ตายมีอำนาจสูงสุดกว่านั้นที่ที่เธอยังคงถือครองอยู่ นั่นคือ ท่านนายพลซู ผู้เป็นบิดา
เธอเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัว และเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่จัดไว้สำหรับรับแขกสำคัญ เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรศัพท์สายตรงไปยังห้องทำงานของบิดา
"พ่อคะ..."
เสียงของเม่ยหลิงแฝงความอ่อนโยนและห่วงใยผู้เป็นบิดาเป็นพิเศษ ไม่ได้เยียบเย็นดังที่แสดงออกมากับคนทั่วไป
"ลูกมีเรื่องด่วนที่ต้องปรึกษาพ่อค่ะ เรื่องธุรกิจนำเข้าของลูกถูกระงับที่ด่านศุลกากรอย่างไม่มีเหตุผล และลูกสงสัยว่ามีการแทรกแซงอำนาจจากคนวงใน ค่ะ"
เม่ยหลิงอธิบายถึงสถานการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยเน้นย้ำถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ และศักดิ์ศรีของตระกูลซูหากธุรกิจนี้ล้มเหลว แต่เธอไม่ได้เอ่ยชื่อ 'หลิวเหว่ยเฉิง' ออกมาแม้แต่น้อย