บทที่ 1 - คนเถื่อนมารับตัวเจ้าสาว [1]
หม่อมราชวงศ์ฟ้าพราว ดุษฎีรังสรรค์ยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกเงาแบบตั้งพื้นบานใหญ่อยู่ในห้องแต่งตัวเจ้าสาว ซึ่งก็คือห้องนอนของเธอภายในวังดุษฎีรังสรรค์นั่นเอง
ภาพที่เห็นคือ หญิงสาวรูปร่างบอบบางอยู่ในชุดไทยจักพรรดิประยุกต์สีแดงเลือดนกปักดิ้นทองซึ่งขับให้ผิวขาวจัดของเธอดูผุดผาดน่ามองยิ่งขึ้น ผมดำขลับนุ่มสลวยดุจเส้นไหมที่ยาวถึงกลางหลังถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยต่ำอย่างเรียบง่ายไว้บริเวณท้ายทอย ส่งให้ใบหน้ารีรูปไข่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างปรานีตสมกับที่วันนี้เป็นวันพิเศษโดดเด่นชวนมอง ฟ้าพราวจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เครื่องหน้าทุกส่วนสอดรับกันอย่างลงตัว วันนี้ควรเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต ทว่าดวงตาสีคาราเมลกลับฉายแววเศร้าสร้อยอย่างปิดไม่มิด
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย นี่งานแต่งงานนะ ไม่ใช่งานศพ ทำหน้าอย่างกับมีใครตาย”
น้ำเสียงแดกดันของหม่อมมาลินีที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ราชนิ-กุลสาวต้องหลับตานิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยง
หม่อมเจ้าดนัยเทพ ดุษฎีรังสรรค์ ท่านพ่อของเธอเสกสมรสกับหม่อมมาลินีหลังจากหม่อมแม่ของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุสิบสองปี หม่อมมาลินีมีลูกติดหนึ่งคน อายุเท่ากับเธอแต่ไม่ค่อยลงรอยกัน ขนาดวันนี้ที่วังมีงานสำคัญ วาสิตาก็ยังหนีไปล่องเรือยอชต์ฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ในแวดวงไฮโซ
“หม่อมมีอะไรกับ ‘ฉัน’ เหรอ” ฟ้าพราวไม่เคยแทนตัวเองว่า ‘หญิง’ กับหม่อมมาลินีเหมือนเวลาที่พูดกับท่านพ่อหรือญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นเลย อีกทั้งไม่เคยลงหางเสียงอย่างให้ความเคารพสักครั้ง
แน่ละ...ใครจะให้ความเคารพแม่เลี้ยงที่ทำตัวเป็นแม่มด!
“ใกล้ถึงเวลาฤกษ์แล้ว ท่านชายดนัยให้มาตามลงไปข้างล่าง” มาลินีเชิดหน้าบอกอย่างจงเกลียดจงชังลูกเลี้ยงที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องมาตั้งแต่เล็กจนโต “แต่จะเป็นม่ายขันหมากหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เพราะป่านนี้เจ้าบ่าวชาวไร่ของคุณหญิงยังไม่โผล่หัวมาเลย ก็อย่างว่า คนชั้นต่ำแบบนั้นจะไปรู้ธรรมเนียมอะไร โดยเฉพาะธรรมเนียมชาววัง”
ฟ้าพราวที่หน้าตึงอยู่แล้วยิ่งตึงมากขึ้นเป็นสองเท่า ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าว แต่เพราะมีนิสัยที่ไม่ชอบคนดูถูกคนอยู่แล้วจึงทำให้อดที่จะตอกกลับอย่างเจ็บแสบไม่ได้ “แต่คนชั้นต่ำที่หม่อมกำลังพูดถึง เขาช่วยรักษาเกียรติยศของดุษฎีรังสรรค์เอาไว้นะ แล้วที่หม่อมยังเชิดหน้าชูคออยู่ได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะเงินของเขา เพราะฉะนั้น หม่อมไม่มีสิทธิพูดจาดูถูกเขาแบบนี้”
“ยังไม่ทันไรก็ออกหน้าปกป้องผัว เอ๊ย...ว่าที่สามีแล้วเหรอ” หม่อมมาลินียิ้มเยาะ “เป็นแค่ชาวไร่กระจอกๆ จะมีเงินสักเท่าไหร่กันเชียว”
“อย่างน้อยก็สิบล้านที่เขาให้ท่านพ่อมาไถ่วังนี้คืนจากเจ้าหนี้ ทำให้หม่อมยังมีที่ซุกหัวนอนนั่นแหละ”
“ก็คงเทหมดหน้าตัก เพราะหวังจะได้เมียเจ้ามายกระดับตัวเอง แต่คนชั้นต่ำยังไงก็เป็นคนชั้นต่ำอยู่วันยันค่ำ” มาลินียังไม่เลิกเหยียดหยาม “ต่อไปคุณหญิงก็คงต้องไปเป็นคุณนายบ้านไร่ ตื่นมาเก็บใบชาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น นางฟ้าตกสวรรค์ชัดๆ น่าสงสารจริงจริ๊ง”
หม่อมราชวงศ์ฟ้าพราวกำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเพราะไม่อยากให้ท่านพ่อที่เพิ่งผ่าตัดหัวใจมาเมื่อสามเดือนก่อนไม่สบายใจ ถ้าเป็นเวลาปกติ ใครฟาดมาเธอก็ฟาดกลับ ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว “หม่อมลงไปก่อน เดี๋ยวฉันตามลงไป”
“เร็วๆ ละ อย่าให้ท่านชายรอนนาน” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปอย่างน่าหมั่นไส้
ฟ้าพราวหันกลับไปมองสำรวจความเรียบร้อยของชุดเจ้าสาวผ่านกระจกเงาบานใหญ่อีกครั้ง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มให้ตัวเองอย่างคนที่ตัดสินใจดีแล้ว แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลน้ำเน่า ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เธอก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนพระคุณของท่านพ่อ
เธอกับว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้รักกัน แม้แต่หน้าเขา เธอก็ยังไม่เคยเห็นสักครั้ง รู้แค่ว่าเขาชื่อภูริดลหรือดิน เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของหม่อมเจ้าดนัยเทพ ทำไร่ชาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย
บรรยากาศภายในห้องโถงของวังดุษฎีรังสรรค์เงียบกริบ ผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวซึ่งมีเพียงพ่อและแม่ของทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันเลิกลัก เพราะใกล้ถึงฤกษ์สวมแหวนแล้ว แต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าบ่าว
“ตกลงลูกชายแกจะมามั้ยนที” หม่อมเจ้าดนัยเทพกระซิบถามเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนประจำและยังไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษด้วยกันอีกหลายปี
“มันรับปากกระหม่อมแล้วว่าจะมา มันก็ต้องมา” นทีรู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดีว่าเป็นคนรักษาคำพูดมากขนาดไหน ถึงแม้ว่าภูริดลจะไม่เต็มใจแต่งงานกับหม่อมราชวงศ์ฟ้าพราว และกว่าที่จะยอมแต่งงานได้ก็ต้องทะเลาะกันบ้านแทบแตก แต่นทีก็มั่นใจว่าลูกชายจะต้องมา
“ถ้าคุณดินไม่มาเข้าพิธี ฟ้าจะเป็นคนไปหาเขาที่ไร่เอง ไม่ต้องมีงานแต่งงานก็ได้” เจ้าสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นหินอ่อนซึ่งปูด้วยพรมเปอร์เซียราคาแพงเงยหน้าขึ้นบอกพ่อและแม่ของเจ้าบ่าว
“ไม่ได้นะคะคุณหญิง ทำแบบนั้นถือเป็นการไม่ให้เกียรติคุณหญิงกับท่านชายดนัยอย่างรุนแรง” น้ำมณี ผู้เป็นแม่ของเจ้าบ่าวรีบแย้งด้วยความเกรงใจแล้วแก้ตัวแทนลูกชาย “ดินอาจจะรถติดอยู่ใกล้ๆ นี่แหละค่ะ ป้าจะโทร. ตามเดี๋ยวนี้ละค่ะ ใจเย็นๆ นะคะคุณหญิง ยังไงดินก็ต้องมาค่ะ” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร. หาลูกชาย