บทที่ 1 - คนเถื่อนมารับตัวเจ้าสาว [3]

1056 Words
“คนเถื่อน หยาบคาย” “แค่นี้ยังน้อย ผมเถื่อนได้มากกว่านี้อีกร้อยเท่า คุณหญิงเตรียมตัวรับมือกับผัวเถื่อนคนนี้เอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็ช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มหน้าตาเฉย “ว้าย!” ราชนิกุลสาวกรีดร้องด้วยความตกใจ “จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ” “บอกว่าร้อนเท้าไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำในลำคอแบบรำคาญความเรื่องมากของผู้ดีเต็มทน “ร้อน แต่เดินเองได้” “ให้ผัวบริการเมียสักวันก็แล้วกัน เพราะต่อไปคุณหญิงต้องบริการผัวชาวไร่คนนี้ให้ ‘ถึงใจ’ ทุกคืน” “พูดจาน่าเกลียด!” ต่อว่าพร้อมกับตวัดมือฟาดซีกแก้มสากกระด้างไปเต็มแรงให้สาสมกับความหยาบคายของเขา “ตบผัวเหรอ” ภูริดลจ้องหน้าคนในวงแขนตาดุแล้วก้มลงฉกริมฝีปากเต็มอิ่ม “อร้าย!” กรี๊ดใส่แล้วก็ตบเขาไปอีกหนึ่งที แล้วก็โดนตอบโต้ด้วยจูบที่ดุดันจนแทบหายใจไม่ทันอีกหนึ่งที “ผัวจูบปากแค่นี้ไม่ต้องกรี๊ด ยังไงคืนนี้คุณหญิงก็ต้องโดนจูบทั้งตัวอยู่แล้ว อยากเป็นเมียชาวไร่มากนักผมก็จะจัดหนักให้แบบที่ต้องร้องขอชีวิตกันเลย” หม่อมราชวงศ์ฟ้าพราวอยากจะตบหน้าคนเถื่อนอีกสักฉาด แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงให้ถูกจูบโดยไม่จำเป็นอีกจึงยอมเก็บมือ สงบปากสงบคำแล้วปล่อยให้เขาอุ้มไปวางในรถเอสยูวีสีดำที่ดูเหมือนจะไม่ได้ล้างมาเป็นปี “เรื่องเข้าหอคืนนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ทำใจรอไว้ได้เลย” ภูริดลยิ้มร้ายใส่นัยน์ตาเจ้าสาวแล้วขโมยจุ๊บที่ริมฝีปากเธออย่างรวดเร็วครั้งหนึ่งก่อนปิดประตูรถให้แล้วเดินอ้อมไปนั่งตรงที่นั่งด้านคนขับแล้วเคลื่อนรถออกไป หม่อมราชวงศ์ฟ้าพราวนั่งเงียบมาในรถหลายชั่วโมง ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นอย่างดื้อรั้น สายตามองตรงไปเบื้องหน้า แผ่นหลังตั้งตรงไม่แตะพนักพิง “นั่งเชิดหน้าคอตั้งแบบนั้นไม่เมื่อยหรือไงคุณหญิง” ในที่สุดภูริดลก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนเพราะทนความเงียบไม่ไหว “มีหน้าที่ขับรถก็ขับไป ไม่ต้องพูดมาก” “นี่ผัวนะ ไม่ใช่คนขับรถ” ชายหนุ่มดุเสียงเข้ม “ไม่ต้องย้ำมากก็ได้ ฉันรู้ว่าเราแต่งงานกันแล้ว คุณเป็น ‘สามี’ ของฉัน แต่ตอนนี้หน้าที่ของคุณคือขับรถ ก็ขับไป ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องการนั่งของฉัน” ราชนิกุลสาวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ โดยไม่แม้แต่จะชายตามองคนกวนประสาทข้างตัว “ไม่ต้องมาทำเป็นผู้ดีเรียกผมว่าสามีหรอก เรียกผมว่า ‘ผัว’ น่าจะเหมาะกับฐานะชาวไร่อย่างผมมากกว่า” “ฉันเรียกแบบนี้เพราะต้องการให้เกียรติคุณ แต่ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่มีเกียรติพอที่จะใช้คำนี้ก็แล้วแต่...” ฟ้าพราวเบ้ปากอย่างไม่แคร์ “นี่คือด่าแบบผู้ดีใช่มั้ย” ภูริดลหัวเราะในลำคอ แล้วแกล้งถามประชด “ด่าแรงขนาดนี้ผมต้องเจ็บป่ะ” “คนหนังหนาป่าเถื่อนอย่างคุณ ด่าแค่นี้ไม่เจ็บหรอก” คราวนี้เธอหันมาแว้ดใส่อย่างเหลืออด ส่งผลให้หนุ่มชาวไร่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นรถ “หัวเราะอะไร” “ดีใจ” เขาตอบสั้นห้วน “ดีใจที่ถูกด่าเนี่ยนะ” “ดีใจที่เราเพิ่งแต่งงานกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เมียก็รู้ ‘สันดาน’ ผัวแล้ว” หม่อมราชวงศ์ฟ้าพราวกัดปากพร้อมกำหมัดแน่นเพื่อข่มความโมโหแล้วถามเขาไปตรงๆ “คุณเป็นคนหยาบคายแบบนี้อยู่แล้ว หรือแกล้งทำเฉพาะเวลาอยู่กับฉัน” “ทำไมผมต้องแกล้งทำแบบนั้นด้วย” เขาถามเสียงเรียบท่าทีจริงจังขึ้นมาทันที “คุณก็คงรังเกียจ คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหิวเงินก็เลยไม่อยากทำดีด้วย” “แล้วคุณหญิงเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่าล่ะ” ย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ฟ้าพราวยอมรับด้วยความขมขื่น ภาพที่ท่านพ่อของเธอใช้ปืนจ่อขมับตัวเองเพื่อหวังจะปลิดชีพหนีหนี้สินและความอับอายยังติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้ และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอยอมแต่งงานกับภูริดลเพื่อเงินโดยไม่มีข้อแม้ สำหรับหม่อมเจ้าดนัยเทพ เกียรติยศของวงศ์ตระกูลอยู่เหนือทุกสิ่ง ท่านยอมเสียชีพ แต่ไม่ยอมถูกหยามเกียรติ แต่สำหรับหม่อมราชวงศ์ฟ้าพราว เกียรติยศเป็นเพียงหัวโขน ถ้าแบกไว้แล้วหนัก เธอก็พร้อมที่จะโยนมันทิ้ง “ถ้าไม่ใช่ผม แต่เป็นผู้ชายคนอื่น คุณหญิงก็จะยอมแต่งงานด้วยเหรอ” “ใครก็ได้ที่มีเงินมาให้ท่านพ่อของฉันใช้หนี้ ฉันยอมแต่งงานด้วยทั้งนั้น” ตอบชัดถ้อยชัดคำ ทว่าในใจกลับปวดร้าวจนน้ำตาแทบไหล “ถ้าเป็นตาแก่รุ่นพ่อ หัวล้าน พุงย้อย คุณหญิงก็จะแต่งเหรอ” “แต่ง” ฟ้าพราวตอบหนักแน่นจากใจจริง “ไม่ว่าเขาจะอัปลักษณ์มากขนาดไหน แต่ถ้ามีเงิน ฉันก็ยอมแต่งด้วย” ภูริดลกำพวงมาลัยรถแน่น กรามแกร่งบดเข้าหากัน คำตอบของหม่อมราชวงศ์ฟ้าพราวยิ่งตอกย้ำความคิดของเขาที่ว่า ผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นราชนิกุลผู้สูงศักดิ์หรือคนเดินถนนทั่วไปก็เห็นแก่เงินเหมือนกันหมด ‘ก้อยจะทิ้งผมไปแต่งงานกับตาแก่นั่นจริงๆ เหรอ’ ‘ตาแก่ที่คุณกำลังพูดถึงเขาเป็นถึงหม่อมเจ้า มีเงิน มีเกียรติ ฉันไม่ยอมจมปลักอยู่กับชาวไร่กระจอกๆ แบบคุณหรอก ฉันเกลียดไร่ ฉันทนอยู่ที่ไร่บนดอยกับคุณไม่ได้ แล้วไม่ใช่แค่ฉันนะที่ทนไม่ได้ ผู้หญิงคนไหนก็ทนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าคุณอยากมีเมีย ก็คงต้องเป็นพวกคนงานในไร่นั่นแหละถึงจะทนอยู่กับคุณได้’ “ผู้หญิงแม่งก็เห็นแก่เงินเหมือนกันหมดทุกคน!” ภูริดลสบถด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแล้วเหยียบคันเร่งเกือบมิด หม่อมราชวงศ์ฟ้าพราวทิ้งหลังพิงพนักเบาะอย่างอ่อนแรง แล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อซ่อนรอยน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลอเบ้า เธอรับเอาคำด่านั้นไว้จนหนักอึ้งทั้งกายและใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD