สหายรึ

1994 Words
“อืม..ใส่ได้ก็เอาไป” ฟางซินส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับครอบครัวที่วุ่นวายของนาง ‘เมื่อใดข้าจะหลุดพ้นนะ..เฮ่อออ’ จวบจนฟางซินเดินไปส่งฟางอินร่ำเรียนเขียนบัญชีแล้วนางจึงขึ้นรถม้าออกจากจวนไปทำกิจธุระทันที ------++++++---------++++++----- ท่าเรือในตรอกชินโจว เสียงตะโกนขายสินค้าตรงสองข้างทางดังสนั่นยามที่ฟางซินเดินเข้าไป ตรอกนี้เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทำทางขนส่งสินค้าทางเรือ วันนี้ตู้ชงไห่สั่งให้นางมาดูผ้าไหมหลากหลายสิบพับที่จะต้องนำส่งเข้าวังหลวง เหตุที่ต้องนำมาทางเรือก็เพราะช่วงนี้ตามแนวเขตชายแดนมีโจรดักปล้นสินค้า จนมิมีพ่อค้ากลุ่มใดกล้าผ่านทาง เดินไปจนเกือบจะถึงเรือที่หมายฟางซินก็ชนเข้าสตรีคนหนึ่ง ตุ้บ!!! ต่างคนต่างเซอย่างแรง จินเมี่ยวรีบวิ่งเข้ามาพยุงและต่อว่า “เดินอย่างไรกันมิดูทางรึ!!” “ข้าขออภัยคุณหนูด้วย เป็นเพราะมัวแต่ดูของใช้ขออภัยเจ้าค่ะ” สตรีร่างบางใบหน้าหมดจดแลดูน่าทนุถนอมค้อมหัวให้ฟางซินเล็กน้อย “มิเป็นไร ข้าก็มิได้ระวังทางและมิได้มองดูเจ้า” ฟางซินยิ้มให้สตรีตรงหน้าที่มีกิริยามารยาทงดงามราวกับเป็นสตรีชั้นสูงแต่คงจะเยาว์วัยกว่านาง “คุณหนู!!!” สาวใช้นางหนึ่งวิ่งมาเรียกสตรีตรงหน้าฟางซิน “เจ้าของร้านผ้าบนเรือบอกว่ามิมีผ้าไหมหลงเหลือแล้วเจ้าค่ะ..ผ้าทุกพับถูกสั่งจองเอาไว้หมดแล้วเป็นของร้านค้าสกุลตู้เจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้นั้นหืดหอบระหว่างพูดคุย “เช่นนั้นรึ..แล้วข้าจะทำเช่นใดดีเล่าท่านพ่อสั่งให้ข้าหาผ้าไหมไปเป็นของกำนัลแด่จางฮองเฮาในวันพระราชสมภพ” สตรีตรงหน้ายืนเคร่งเครียด ตู้ฟางซินนิ่งคิด ‘นำผ้าไหมไปเป็นของกำนัลแก่ฮองเฮารึ..สตรีผู้นี้เป็นใครกัน’ “ไปกันเถิดเจ้าค่ะคุณหนู” จินเมี่ยวชวนฟางซินออกเดิน “รอก่อน” ตอบสาวใช้แล้วหันมองสตรีหน้าตาหมดจด “คุณหนูท่านนี้ข้ามีนามว่าตู้ฟางซินและข้าอาจจะช่วยคุณหนูได้..มิทราบว่าคุณหนูมีนามว่า..?” “ข้ามีนามว่า…’ไป่เยว่ชิง’ บุตรีของท่านเสนาบดีฝ่ายขวา ไป่เยี่ยกวง เจ้าค่ะ” “ข้า..ตู้ฟางซินบุตรีพ่อค้าใหญ่ ตู้ชงไห่เจ้าค่ะ หากคุณหนูไป่ต้องการผ้าไหมข้าช่วยเหลือท่านได้หนึ่งพับ” ฟางซินเสนอเพราะคิดว่ารู้จักนางไว้ไม่เสียหาย “ดียิ่งนักเจ้าค่ะ..ขอบคุณคุณหนูตู้มาก” ไป่เยว่ชิงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ มิใช่ว่านางจะมิรู้จักคุณหนูตู้ฟางซินผู้โด่งดังและร่ำรวยหรอก กลับกันนางรู้จักดีเลยต่างหาก บ่อยครั้งที่พยายามจะทำความรู้จักกับคนที่คิดว่ามีผลประโยชน์กับตนเช่นคุณหนูตู้แต่ก็ไม่เคยได้พบกันแบบซึ่งๆ หน้าสักครั้งมาครั้งนี้เมื่อพบเจอจึงทำทีเป็นเดินชนอีกฝ่าย “ในเมื่อเรามีวาสนาต่อกันเช่นนี้…เรามาเป็นสหายกันดีหรือไม่เจ้าคะ” ยิ้ม “หากคุณหนูไป่ไม่รังเกียจข้าที่เป็นเพียงลูกพ่อค้า ข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ” “ไม่เลย ไม่เลย เช่นนั้นเราไปดูผ้าด้วยกันเถิดสหาย” ไป่เยว่ชิงรีบควงแขนตู้ฟางซินเดินไปที่ท่าเรือ แล้วหลังจากวันนั้นคนทั้งคู่ก็กลายเป็นสหายที่สนิทกันในระดับหนึ่ง ------++++++--------++++ วันปักปิ่นของตู้ฟางซินในยามเฉิน (07.00) “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูไป่กำลังจะมาแล้วเจ้าค่ะ” จินเมี่ยวบอกฟางซินขณะที่กำลังจัดแต่งผมมวยขึ้นครึ่งศรีษะ “อืม..ช่างนางเถอะ” สีชาดถูกปาดไปบนริมฝีปาก ฟางซินมองใบหน้าตนเองอย่างพอใจแม้ว่านางจะไม่ได้จัดว่าสวยสะกดใจผู้พบเห็นแต่นางก็น่ารักมาก มิได้แลดูจืดชืดเฉกเช่นไป่เยว่ชิง “บ่าวอยากจะกรีดร้องนักเจ้าค่ะ…คุณหนูไม่น่าไปคบค้ากับนางเป็นสหายเลยเห็นแก่ตัวก็เท่านั้น” จินเมี่ยวบ่น คุณหนูตู้ฟางซินของนางหาใช่คนโง่เขลาดังเช่นแกล้งทำตอนอยู่กับคุณหนูไป่ สิ่งที่กระทำไปนั้นเพียงแค่หาผลประโยชน์จากอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน แต่สตรีนางนั้นคงคิดว่าคุณหนูของนางเก่งเพียงเรื่องค้าขายหาได้มีความคิดทันผู้คนเฉกเช่นวันวาน “ข้ารู้ว่านางหลอกเอาทรัพท์สิน สิ่งของต่างๆ จากข้าแต่ข้าก็ยังจะคบนางไว้ อย่างที่ท่านพ่อเคยกล่าว หากท้ายที่สุดแล้วจนถึงวัยปักปิ่นหรือผ่านพ้นไปหนึ่งปีข้ายังหาคู่มิได้ ท่านพ่อก็คงต้องมองหาลู่ทางให้ข้าเข้าไปเป็นสนมชายาในวังอยู่ดี ข้าว่ามันก็มิได้เสียหายอะไรอย่างน้อยก็ดีกว่าที่จะต้องไปเป็นอนุพ่อค้าไร้ยศศักดิ์ เจ้ามิรู้รึว่าตลอดเวลาร่วมหกเดือนที่ข้าคบหานาง นางพร่ำรำพันถึงแค่องค์ชายรองเจ้าหย่งเจี้ยนๆ และยังคะยั้นคะยอให้ข้าชอบพอกับองค์ชายสามเจ้าหย่งเซิงอยู่บ่อยครั้ง” “แต่เรามิเคยพบปะทั้งสองพระองค์เลยนะเจ้าคะ..แล้วไหนจะเรื่องที่คุณหนูมิชอบบุรุษมากรัก..บุรุษวิปริตแล้วก็..” จินเมี่ยวไม่อยากจะกล่าวเรื่องแต่หนหลังที่ผ่านมาเพราะมันไม่ได้น่าจดจำเท่าใด “พอเถอะจินเมี่ยว..ยามนี้ข้าเติบใหญ่ขึ้นมาแล้วเพียงแค่ข้าอดทนมันก็จะผ่านพ้นไป เรื่องบุรุษมากรักเช่นเดียวกับท่านพ่อก็มีมากล้นจนเต็มเมืองหลวงหากข้าเลือกไม่ได้ การตกลงใจไปเป็นสนมชายาขององค์ชายสักพระองค์แม้ว่าพระสวามีจะมิรักใคร่ก็คงมิเป็นไร” หน้าตาเศร้ามองตนเองในกระจก “ส่วนเรื่องนั้น..คุณชายฝู่บุรุษวิปริตก็ขอให้ลืมไปได้แล้วเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงมันอีก” เรื่องความรักสำหรับนางหนึ่งบุรุษเคียงคู่หนึ่งสตรี ‘มันคงไม่มีอยู่จริง’ มองป้ายหยกสีขาวที่ได้มาเมื่อหลายปีก่อนแล้วถอนหายใจ “เจ้าค่ะ บ่าวจะมิพูดให้คุณหนูฟังอีก” “พี่ใหญ่ๆๆ …ข้ามาแล้วว” ฟางอินวิ่งตึงตังเสียงดังขึ้นมาบนเรือน “ใกล้เวลาแล้วเจ้าค่ะ” เปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่รอช้า “ข้าจะเดินไปกับพี่ใหญ่เอง นังคุณหนูนั่นก็มาแล้วข้ามิชอบนาง” ฟางอินที่เกลียดคนเสแสร้งอย่างไป่เยว่ชิง บ่อยครั้งที่ชอบมาที่บ้านแล้วดึงตัวพี่ใหญ่ของนางออกไปที่อื่นบ่อยๆ ‘แย่งพี่ใหญ่ของนาง’ เกลียดยิ่งนัก “เจ้าก็มิต้องสนใจนาง” ฟางซินยืนขึ้นและเดินนำทุกคนออกไป “และมิต้องไปกลั่นแกล้งนางด้วย” ฟางอินทำหน้างอน “หลังจากนี้คงจะมีแม่สื่อมาทาบทามพี่ใหญ่ของข้ามากมายเป็นแน่ พี่ข้าน่ารักถึงเพียงนี้” ฟางอินยิ้มกระโดดไปตามทาง “เจ้าก็พูดไป” สองพี่น้องพูดคุยหัวเราะไปจนถึงโถงกลางบ้านใหญ่ ด้านในเต็มไปด้วยพ่อค้ามากมายที่อยู่ในเมืองหลวงมาร่วมอวยพรให้นางมิได้ว่างเว้น ข้างๆ กลุ่มบรรดาแม่ๆ ของนางมีคุณหนูสกุลไป่นั่งจิบชาอย่างมีความเป็นกุลสตรีเพรียบพร้อม ไป่เยว่ชิงอายุน้อยกว่านางเกือบหนึ่งปีแม้มิได้สวยสง่ามากมายแต่กิริยามารยาทงดงามพร้อมกับการที่นางเป็นถึงบุตรีของท่านเสนาบดีไป่ทำให้ทุกคนในงานต่างก็พากันลอบมอง “ปิ่นอันนี้พ่อขอมอบให้เจ้าและขออวยพรว่า นับจากนี้ไปขอให้เจ้าพบเจอคู่ครองที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง” ตู้ชงไห่อวยพรบุตรสาว จากนั้นบรรดาแม่ๆ ต่างก็พากันร่วมอวยพร แล้วงานวันนั้นก็จบลงด้วยดีเมื่องานเลี้ยงร่ำสุราแล้วเสร็จ -----++++-------------+++++++--- วันรุ่งขึ้นรถม้าสกุลไป่มาจอดรอตู้ฟางซินที่กำลังแต่งตัวอยู่อย่างไม่เร่งรีบ “ไม่ต้องรีบหรอกจินเมี่ยว ปล่อยให้นางรออยู่เช่นนั้นล่ะ” มือบางปักปิ่นสีขาวเรียบง่าย มองกระจกและแต่งหน้าทาปากบางๆ “คุณหนูจะไปร้านเครื่องประดับของสกุลเราหรือเจ้าคะ?” จินเมี่ยวถาม “ใช่แล้ว..มีพลอยสีแดงกับไข่มุกมาใหม่ข้าจะเข้าไปตรวจสอบน่ะ” “แล้วคุณหนูไป่?” “นางจะไปด้วย คงอยากได้อะไรโดยมิต้องเสียเบี้ยอีกกระมัง” ฟางซินพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ช่างนางเถิด เรื่องนี้ข้าจัดการบ่อยไปมิใช่เรื่องใหญ่” ลุกขึ้นเดินนำไปหน้าเรือน “เจ้ารีบเดินไปบอกฟางอินว่ายามอุ้ย (14.00) ข้าจะกลับมาสอนนางดูบัญชีร้านเครื่องประดับ” “เจ้าค่ะ” “แล้วรีบมาหาข้าหน้าบ้าน” “เจ้าค่ะ” จินเมี่ยวรีบวิ่งไปทันที เมื่อวานหลังจากจบงานพิธีปักปิ่นของนาง มีบ่าวชายผู้ดูแลร้านเครื่องประดับเดินมาบอกว่า ‘มีไข่มุกกับพลอยมาจากแคว้นเฉิงมากมายขอรับคุณหนู’ ไป่เยว่ชิงได้ยินเข้าก็รีบหันมาทางนางแล้วกล่าวว่า ‘ข้าอยากเห็น..ไปด้วยได้หรือไม่?’ เป็นความเคยชินที่ไป่เยว่ชิงเรียกขานนางราวกับสหาย แทนที่จะเรียกนางว่าพี่สาว ซึ่งฟางซินก็ไม่ได้ว่ากล่าวอันใดเป็นสหายก็ได้ มันมิใช่เรื่องใหญ่ มาทำเป็นขอไปด้วยอันที่จริงเยว่ชิงอยากได้สินค้าใหม่จากนางมากกว่า ‘สตรีเห็นแก่ตัว-เห็นแก่ได้’ นับวันฟางซินก็ยิ่งเอือมระอา เห็นแก่ที่ไป่เยว่ชิงบอกกล่าวแก่นางว่าจะพยายามช่วยให้นางได้รู้จักกับองค์ชายสามซึ่งจะเชื่อได้มากน้อยเพียงใดก็มิอาจรู้และนางก็ไม่ได้คาดหวัง ข่าวที่นางรับฟังมาก็คือยามนี้องค์ชายทั้งสองพระองค์ทรงอยู่ที่สำนักศึกษาบนเขาไท่ซานใช้เวลาอีกร่วมปีกว่าที่จะเสด็จลงจากเขา หากยามนี้นางมีแม่สื่อจากสกุลใดมาดูตัวก็คงจะรับเอาไว้ก่อน ทุกอย่างคงแล้วแต่โชคชะตา “ฟางซิน..เจ้ามาแล้วเช่นนั้นเรารีบไปกันเถิด” ไป่เยว่ชิงที่นั่งรออยู่บนรถม้าเอ่ยกับสหาย “รอสาวใช้ของข้าก่อนนะ” ตู้ฟางซินเดินขึ้นรถม้าขนาดใหญ่ของสกุลไป่แต่ยังให้คนรถรอ จนเมื่อจินเมี่ยววิ่งมาถึงก็รีบขึ้นนั่งข้างๆ คนขับรถม้าแล้วทุกคนก็ออกเดินทาง ------++++++--------+ ร้านเครื่องประดับชงจือของสกุลตู้ ทันทีที่รถม้าคันใหญ่ของสกุลไป่จอดลงจินเมี่ยวก็เดินลงมารอรับฟางซินและเดินห่างออกมาปล่อยให้ซือโถวช่วยประคองไป่เยว่ชิงเอง “คาราวะคุณหนูใหญ่ขอรับ สินค้ามารออยู่ในห้องจัดการแล้วขอรับ” เถ้าแก่ประจำร้านรีบเดินมาแจ้งข่าวพร้อมกับเดินตามหลังไม่ห่าง ทิ้งไป่เยว่ชิงกับซือโถวต้องเดินตามอย่างรวดเร็ว “มีจำนวนเท่าใด?” “สามหีบขอรับ” คนฟังที่เดินตามหลังทำตาโตเพราะอยากได้เครื่องประดับแสนสวยมาครอบครองก่อนที่จะนำวางขาย ตู้ฟางซินได้แต่ยกยิ้มเมื่อจินเมี่ยวเดินมาบอกกล่าวถึงกิริยาของพวกนาง “ดียิ่ง ชำระเบี้ยไปแล้วใช่หรือไม่?” “ขอรับ..ทั้งหมดรวมสี่พันตำลึงทอง” “อืม” ฟางซินรับรู้และเดินเข้าห้องตรวจสินค้ากับจินเมี่ยวแต่ว่า.. “ฟางซินรอข้าด้วย!!!” ไป่เยว่ชิงเอ่ยเรียก “ข้าขอเข้าไปดูด้วยได้หรือไม่?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD