สกุลตู้เป็นเช่นไร
### นางเอกเรื่องนี้คือสหายของจูเหม่ยเซียน (นางเอกในเรื่องนางร้ายสื่อรัก 3p จ้าา)
เมืองหลวงแคว้นเจ้า
“เอ้าเร่เข้ามา เร่เข้ามาวันนี้มีหมอดูชื่อดังจากแคว้นเพ่ยเปิดรับดูดวง 5 ท่านเท่านั้น 5 ท่าน หากผู้ใดชื้อตั๋วเสี่ยงทาย10ตำลึงเงินแล้วขอเชิญมาจับฉลากได้เลย…ผู้ใดมีตัวเลขหนึ่งถึงห้ามายืนเข้าแถวรอเข้าพบท่านหมอดูตามหมายเลข…มาเลยเร่เข้ามา” เสียงเรียกจากผู้ขายตั๋วที่มาจากต่างแคว้นตะโกนเสียงดัง ผู้คนมากมายต่างพากันรุมล้อมมุงดู ต่อแถวซื้อตั๋วเพื่อเสี่ยงโชคกันมากมายด้วยเพราะหมอดูจากแคว้นเพ่ยเป็นที่เลื่องชื่อมานาน
“คุณหนูเจ้าขา บ่าวว่าอย่าเลยจะเสียเบี้ยไปเปล่าๆ นะเจ้าคะยามนี้คุณหนูพึ่งเข้าสิบสองหนาวจะอยากดูดวงไปด้วยเหตุใดกันเล่า” จินเมี่ยวเดินตามคุณหนูของนาง ‘ตู้ฟางซิน’ พร้อมเกี่ยวดึงแขนเอาไว้
“ก็ข้าอยากจะรู้นี่นาว่า ในภายภาคหน้าข้าจะได้เป็นฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวรึว่าต้องไปเป็นอนุผู้ใด..หากเป็นอย่างหลังข้าขอเป็นสาวเทื้อมิดีกว่ารึ?” เด็กหญิงวัยสิบสองหนาวตู้ฟางซิน หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เอ่ยวาจาเสียงดังฉะฉาน ทั่วทั้งเมืองหลวงมิมีผู้ใดมิรู้จัก นางเป็นบุตรสาวคนโตของตู้ชงไห่ พ่อค้าจากแดนไกลที่มาตั้งรกรากเมื่อยี่สิบปีก่อน จนบัดนี้ถือว่าเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงก็ว่าได้
“คุณหนูน่ารักถึงเพียงนี้มิมีทางเป็นอนุของผู้ใดหรอกเจ้าค่ะ อีกอย่างเรื่องหมอดูก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้นมิมีผู้ใดจะล่วงรู้ถึงความลับสวรรค์ได้หรอกนะเจ้าคะ ..ไปเถอะเจ้าค่ะคุณหนูต้องไปดูบัญชีที่ร้านไช่ซี นะเจ้าคะ” จินเมี่ยวดึงรั้งคุณหนูออกมาจากกลุ่มคนมากมายและเดินเลียบออกมาด้านข้างกระโจมหมอดู เห็นสตรีมีอายุ ยืนกวาดใบไม้อยู่รอบๆ จึงเดินผ่านอย่างมิได้ใส่ใจนัก
“แม่หนู” เสียงเรียกของสตรีมีอายุดังขึ้นด้านหลัง ฟางซินและจินเมี่ยวต่างหันไปมอง
“ข้าหรือเจ้าคะ” ฟางซินชี้มาที่ตนเอง
“ใช่..แม่หนูนั่นล่ะ” สตรีวัยมากกว่าหกสิบปีกวักมือเรียก
“มีเรื่องใดให้ข้าช่วยหรือเจ้าคะท่านยาย” ฟางซินยิ้ม
สตรีสูงวัยมิกล่าวสิ่งใดแต่มองหน้าของนางนิ่งก่อนยื่นมือเหี่ยวๆ มาลูบแก้มใส
“ชะตาเจ้าจะได้เป็นสาวเทื้อ” คำกล่าวจากหญิงชราทำเอาตู้ฟางซินถึงกับคิ้วขมวด
“เหตุใดกล่าวเช่นนี้เล่าเจ้าคะ!!” จินเมี่ยวพูดเสียงดังและหันมองคุณหนูของนางอย่างสงสาร “เรามิได้รู้จักคุ้นเคยกัน..พบเจอกันคราแรกหากท่านจะพูดเช่นนี้ข้าว่าท่านเงียบเฉยไปเสียจะดีกว่านะเจ้าคะ” ฟางซินดึงแขนจินเมี่ยวให้ถอยห่างออกมา
“ขออภัยเจ้าค่ะท่านยาย” ฟางซินเอ่ย “จินเมี่ยวเพียงแค่โมโห นางมิรู้ความเท่าใดนักส่วนเรื่องที่ข้าจะเป็นสาวเทื้อ..” นางถอนหายใจ “ช่างมันเถิดเจ้าค่ะ เรื่องในภายภาคหน้าสิ่งใดจะเกิดก็ต้องเกิด”
ท่านยายยิ้มให้นางแล้วล้วงหยกสีขาวผิวเรียบลื่นออกมาจากอกเสื้อ “นี่เป็นหยกเปลี่ยนชะตา..นำไปสลักชื่อของเจ้าแล้วพกติดตัวไว้ตลอดเวลาหากวันใดพบเจอบุรุษที่คิดว่าพร้อมจะฝากชีวิตของเจ้าเอาไว้..จงมอบให้เขาไปแล้วทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลง” วางหยกลงบนมือบาง “ถึงจะช้าไปบ้างก็รอหน่อยนะ” ลูบหัวฟางซินเบาๆ แล้วเดินหายไปด้านในกระโจม
“ใครน่ะ” ฟางซินมองหยกสีขาวบนฝ่ามือแล้วหันมาถามจินเมี่ยว
“มิรู้เจ้าค่ะ..ผู้ช่วยท่านหมอดูหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ..สาวเทื้อก็สาวเทื้อ” เก็บหยกเข้ากระเป๋าแล้วเดินต่อไปยังร้านไช่ซี “หยกเปลี่ยนชะตา จริงเท็จแค่ไหนก็มิอาจรู้ได้”
“โธ่..คุณหนูอย่าไปเชื่อท่านยายเลยเจ้าค่ะ” จินเมี่ยวบ่นเบาๆ แล้วเดินตามหลังคุณหนูไป
ยามเซิน (15.00) ร้านไช่ซี(ขายของชำ)
“เมื่อยจังเลย” ฟางซินบิดขี้เกียจไปมาเมื่อเดินออกมาจากร้าน วันนี้นางต้องคิดเลขรายรับรายจ่ายในร้านไช่ซีที่พัวพันยุ่งเหยิงกันเสียนานนั่งหลังแข็งจนปวดเนื้อตัวไปหมด
“แวะที่ใดอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“แวะซื้อเซาปิ่งสักสามอันสิ” ฟางอินชี้ไปที่ร้านของคุณป้าด้านข้างที่นางกินประจำ
“เจ้าค่ะ” ทั้งสองเดินมาจนถึงร้านและสั่งเซาปิ่ง
“หืมมม.” ฟางซินมองร้านที่อยู่ข้างๆ ร้านขนม “นั่นร้านทำป้ายหยกนี่” นางเอ่ยขึ้นและนึกถึงหยกสีขาวของท่านยายคนนั้นที่ยังคงอยู่ในอกเสื้อ
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวข้ามา” นางทิ้งจินเมี่ยวให้ยืนรอขนมแล้วเดินเข้าไปด้านใน พบกับท่านลุงเจ้าของร้าน
“เชิญขอรับคุณหนู” ท่านลุงยิ้มใจดี “สนใจสั่งทำหยกหรือซื้อหยกสักชิ้นหรือขอรับ”
“ข้ามาสั่งทำหยกน่ะเจ้าค่ะ” ล้วงหยกสีขาวออกมาจากอกเสื้อ “ข้ามีหยกมาด้วย ท่านลุงช่วยสลักเป็นชื่อข้าใส่ลวดลายแล้วห้อยกับไหมเส้นนี้นะเจ้าคะ” ชี้ไปที่ไหมถักเปียสีชมพูเข้ม
“ได้ๆ ..เจ้าชื่ออะไรรึเขียนไว้ด้วย” ท่านลุงส่งพู่กัน กระดาษ ให้นางเขียนชื่อลงไป ‘ฟางซิน’ “อ่อ..ฟางซินนะ”
“เจ้าค่ะ..ข้ามารับของได้เมื่อใดเจ้าคะ”
“พรุ่งนี้ยามอุ้ยก็ได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ..นี่ค่าทำหยกเจ้าค่ะ” ยื่นเบี้ยให้ท่านลุงสิบตำลึงเงิน
“มากไปแม่หนูลุงเอาแค่ห้าตำลึงพอ” คืนเบี้ยให้นางครึ่งหนึ่ง
“เจ้าค่ะ..ข้าไปนะเจ้าคะพรุ่งนี้ยามอุ้ยจะมารับของเจ้าค่ะ”
“อืมม” ท่านลุงส่งยิ้มให้นาง
------++++++------++++++-------
สกุลตู้
ประตูหน้าบ้านขนาดใหญ่เหมาะสมยิ่งนักกับความร่ำรวย ป้ายแขวนด้านบนเขียนชื่อสกุลไว้อย่างสวยงาม ตู้ฟางซินเกิดจากฮูหยินเอกต้วนเหลียนฮวา เป็นบุตรสาวคนแรกในบ้านแต่ท่านแม่ของนางร่างกายมิแข็งแรงนักจึงมีนางได้เพียงคนเดียว ทำให้บิดาที่มีกิจการมากมายจำต้องมีอนุ เพื่อที่จะได้มีบุตรมาช่วยทำงานและสืบสกุลยามแก่ชรา
จากที่คิดว่าลูกคนแรกจะเป็นบุตรชายกลับกลายเป็นบุตรสาวแม้จะไม่ยินดีนักแต่ตู้ชงไห่ก็รักและคอยอบรมสั่งสอนตู้ฟางซินให้เริ่มคิดตัวเลขเป็นในวัยเพียงเจ็ดหนาวเพราะเป็นบุตรสาวจากฮูหยินเอก ทุกๆ วันตู้ฟางซินได้แต่นั่งร่ำเรียนฝึกคัดตัวหนังสือและหัดคิดบัญชีจากบิดามิเคยได้ว่างเว้น บ่อยครั้งที่นางต้องติดตามบิดาออกไปตรวจดูร้านค้า ร้านผ้า โรงเตี๊ยม ที่บิดาของนางเป็นเจ้าของเพื่อจดรายการสิ่งของเครื่องใช้ที่ขาดเหลือ สิ่งใดขายได้ราคาดีหรือไม่ดีก็ต้องบันทึกไว้ สินค้ามาจากแคว้นใดนางก็ต้องจดจำให้ได้ทั้งหมด และหากจะให้กล่าวไปถึงบุตรอนุ..หึ