บริษัท ปาร์เกอร์ คอปเปอร์เรชั่น
หญิงสาวเดินตามคนตัวสูงมาที่ห้องทำงานของเขายังไม่ทันได้คุยอะไรเธอก็โดนคนที่เธอพอจะเดาได้ว่าเป็นหมอมาทำแผลให้
“ขอบคุงค่า” เธอบอกหลังหมอทำแผลให้เสร็จ
“ยินดีครับ” หมอหนุ่มเอ่ยอย่างใจดี เขาสำรวจร่างกายของคนไข้เพื่อหาร่องรอยจากอุบัติเหตุเมื่อไม่พบเขาจึงจัดยาให้
“อันนี้เป็นยาฟกช้ำไว้ทาตรงที่ช้ำนะ อันนี้ยาแก้อักเสบกินหลังอาหารเช้าเย็น อันนี้ยาฆ่าเชื้อหลังเช้าเย็นเหมือนกันน”ฃ
มากิมองคุณหมอหนุ่มตาแป๋ว เธอ...ไม่เข้าใจนัก “โอเค”
หมอหนุ่มยิ้มขำ น่าเอ็นดูอะไรขนาดนี้ เขาดูออกหรอกว่าหญิงสาวไม่เข้าใจ
“กลับไปได้ละ” คาเมรอนบอกหมอหนุ่ม
“ใช้เสร็จก็ถีบหัวส่งเลยนะไอ้เหมียน” หมอหนุ่มหันมาตอบเพื่อน ที่ยืนกอดอกมองเขากับคนไข้ “อะไร คนนี้เด็กมึงเหรอ”
“ไม่ใช่” คาเมรอนตอบเพื่อน “ตอนนี้ยังไม่ใช่”
หมอหนุ่มส่ายหัว “ฮั่นแน่ มีกั๊ก สภาพ”
“ค่ายาเดี๋ยวโอนให้” เขาบอก
“ไม่ต้อง คนไข้น่ารัก ถือว่ารักษาฟรี”
“ไอ้แมว ! !”
“สิงห์โว้ย แมวห่าไรไอ้เหมียน” หมอหนุ่มโวยวาย
“ดาเมียนโว้ย” เขาตะเบ็งเสียงสู้เพื่อน “ไปไป๊ ก่อนที่ฉันจะถีบแกออกไป”
หมอสิงห์ยักไหล่ ก่อนจะหันมาคนไข้แล้วบอกเป็นภาษาอังกฤษ “อย่าลืมกินยาล่ะ ถ้าอันไหนไม่รู้ก็ถามดาเมียนมัน หรือถ้ารู้สึกเจ็บตรงไหนเพิ่มไปที่คลินิกข้าง ๆ ตึกนะ หมอทำอยู่ที่นั่น”
“ขอบคุณนะคะหมอ” เธอกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้
“เรียกหมอสิงห์ก็ได้ รู้สึกเหมือนจะได้เจอเราบ่อย”
“ขอบคุณค่ะหมอสิงห์”
“ไอ้สิงห์ ออกไป” คาเมรอนบอกเสียงฉุน
หมอสิงห์ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ ก่อนจะหันมาโบกมือลาหญิงสาว มากิเองก็โบกมือน้อย ๆ เพราะรู้สึกยังตึงแผลอยู่
หมอสิงห์ออกไปแล้วเหลือเพียงคาเมรอนและมากิ ชายหนุ่มเดินมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันก่อนจะยื่นนามบัตรให้
มากิรับมาอ่าน “คาเมรอน ดาเมียน ปาร์เกอร์”
“เรียกดาเมียนก็ได้” เขาบอก “แล้วเธอ...”
“ซากุระ ยูมากิค่ะ เรียกมากิเฉย ๆ ก็ได้”
คาเมรอนพยักหน้าเบา ๆ “ยินดีที่ได้รู้จักนะมากิ”
“เช่นกันค่ะ”
เธอยิ้มแป้นใส่เขาอีกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยิ้มเก่งจัง
“งั้น...เรามาคุยเรื่องที่คุยค้างกันไว้มั้ยคะ”
คาเมรอนพยักหน้า เขาไม่ได้ฟังหรอกว่าหญิงสาวพูดว่าอะไรเพราะมันแต่มองรอยยิ้มละลายใจ
“อย่างที่บอกไปค่ะว่าหนูสามารถชดใช้ให้ได้ทันทีแค่ล้อรถคุณ” หญิงสาวทำหน้าจ๋อง ทำเอาคาเมรอนทำหน้าจ๋องตาม
“ส่วนฝากระโปรงอาจจะต้องขอเวลาหรือทยอยคืนค่ะ” เธอติดต่อพี่ชายได้เมื่อไหร่เธอก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าติดต่อได้ หนี้เธอก็จะถูกชดใช้ทันที
ชายหนุ่มเงียบอย่างใช้ความคิด เขายอมรับตรง ๆ ว่าเขาอยากได้มากิมาก เธอตรงสเปคเขาไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่เสียงเขายังหลง เขาจะทำอย่างไรได้บ้างที่ไม่ให้เธอหายไปจากชีวิตของเขาเร็ว ๆ นี้ เซลล์สมองของชายหนุ่มทำงานอย่างเร็วจี๋หากแต่ก็มีประสิทธิภาพ เขาเป็นนักธุรกิจ สิ่งที่แรกที่เขาต้องคำนึงคือเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณมากิจะไม่หนีผม”
หญิงสาวโบกมือปฎิเสธ “หนูไม่หนีคุณแน่นอนค่ะ หนูพักอยู่ทาวน์เฮาส์แถวนี้ หนีไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ”
ถึงจะบอกว่าทาวน์เฮาส์ แต่ระแวกนี้มีแต่บ้านหรูทั้งนั้น ถ้าเป็นทาวน์เฮาส์ระแวกนี้ เริ่มต้นก็สัก...ยี่สิบล้านได้ ถ้าเช่าก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี
“คุณมาเที่ยวที่ไทยเหรอ”
หญิงสาวชั่งใจเธอไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร อีกใจนึงเธอก็คิดว่า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกัน
“ผมแค่จะเช็กดูว่าคุณมีเวลาใช้หนี้ผมนานแค่ไหน”
หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะนึกสักครู่ อืม...สักพักของพี่ชายกับของเธอคงใกล้ ๆ กัน “สักสามสี่เดือนละมั้งคะ”
“เวลาน้อยไปนิด” เขารำพัน เวลาแค่นั้นเขาไม่รู้ว่าสาวน้อยข้าง ๆ เขาจะหลงเสน่ห์เขาหรือยัง
แต่มากิคิดว่าเขาคงคิดว่าเธอจะใช้หนี้เขาไม่ทันรีบบอก “ไม่ต้องกลัวนะคะ ถ้าถึงตอนนั้นหนูใช้หนี้ให้ได้แน่ ๆ” เธอมั่นใจ ถึงตอนนั้นโดนจับได้แล้วเธอจะบากหน้าขอให้โอโต้ซังใช้หนี้แทนแล้วกัน ยังไงเธอก็ลูก ถึงโอโต้ซังไม่ใช้ให้เธอก็ยังมีพี่
“เอาอย่างนี้ดีมั้ย” เขาเสนอ คิดว่าเริ่มจะหาทางได้แล้ว “มากิทำอะไรเป็นบ้าง”
คำถามนี้ยากจัง มากิกลอกตามองเพดาน นั้นสิ เธอทำอะไรเป็นบ้าง ไม่เคยถามตัวเองเลย “อยากให้ทำอะไรคะ” เธอเลือกจะถามเขาแทน
คาเมรอนยิ้ม เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะให้เธอทำอะไร “ขึ้นอยู่กับว่ามากิทำอะไรเป็น” แต่เขาจะไม่ยอมตายไมค์
หญิงสาวถอนหายใจ หน้าที่คิดกลับมาเป็นของเธออีกครั้ง เธอวาดรูปได้แย่ เรียนก็...ไม่ได้โดดเด่นอะไร อ่า...เธอไม่เก่งอะไรเลยนี่หว่า
คาเมรอนหลุดขำกับท่าทางทึ้งหัวตัวเองของหญิงสาว คำถามเขายากไปเหรอ “พอจะคิดได้หรือยังว่าเก่งอะไร”
มากิเลิกทึ้งหัวตัวเองก่อนตอบ “หนูแม่นปืนค่ะ”
คำตอบทำเอาชายหนุ่มยิ้มค้าง แม่นปืนเหรอ เขาไม่รู้หรอกหญิงสาวแม่นปืนเพราะชอบยิงปืนหรือทำงานอะไร แต่เขาจะทักษะนี้มาใช้เธอทำอะไร ? เซลล์สมองเขาเริ่มประมวลผลอีกครั้ง “ขอทักษะที่...ธรรมดากว่านี้ได้มั้ย ที่คิดว่าทำได้ตลอด”
หญิงสาวมองเขาระคนไม่เข้าใจ แม่นปืนก็ไม่ตอบโจทย์แล้วอยากได้อะไรล่ะ ให้เธอสอนภาษาญี่ปุ่นเขาหรือไง ดูท่าเขาก็น่าจะได้หลายภาษากว่าเธอเสียอีก
“อ่า...ถ้าไม่เอาเรื่องแม่นปืน ถ้าธรรมดาก็คง...ทำความสะอาด ละมั้งคะ” เธอตอบไม่เต็มเสียง
คาเมรอนได้ยินไม่ชัดจึงโน้มหน้าเข้าไปใกล้ “อะไรนะ”
“หนูบอกว่าทำความสะอาดค่ะ หนูทำความสะอาดเก่ง”
คาเมรอนนิ่ง ทำความสะอาดเหรอ อืม...มันก็พอจะมีทาง แต่เขาคงไม่ให้เธอไปทำความสะอาดคฤหาสน์หรอก ตรงนั้นคนงานเยอะแล้ว
“ช่วงนี้ผมมีโปรเจกต์ที่ต้องทำ บ้านผมก็อยู่ไกล...” ชายหนุ่มเว้นประโยคไปลอบสังเกตคู่สนทนา เขาทำหน้าเศร้า ก่อนจะเรียกคะแนนสงสาร “ตอนขับรถหักหลบมากิ ผมน่าจะไหล่ทรุด อาจจะขับรถกลับบ้านไม่ได้”
“อ่าค่ะ” เธอยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอ
“คือ มากิจะโอเคมั้ยถ้าผมจะให้มากิทำงานดูแลผมเป็นการใช้หนี้”
หญิงสาวเงียบกระพริบตาปริบ ๆ ถ้ายื่นข้อเสนอแบบนี้คือไม่อยากได้เงินแต่แรกงั้นสิ “หมายถึง...ให้ไปทำความสะอาดบ้านเหรอคะ”
เขาส่ายหน้า “ก็...อาจจะรบกวนมากิทำอาหารมาส่ง” ถ้าทำความสะอาดได้ กับข้าวคงไม่น่ายาก...มั้ง
ก็ไม่ได้ยากอะไร “กี่มื้อคะ” เธอถาม
“จริง ๆ สองมื้อก็ได้ครับ แต่ถ้ามีมื้อเช้าด้วยก็น่าจะดี เพราะโปรเจกต์ค่อนข้างยุ่งอาจจะไม่มีเวลาจัดเตรียมเอง”
“อ่า...หนูคิดว่าได้ค่ะ แต่มื้อเช้า..อาจจะยากหน่อย”
คาเมรอนยิ้ม ได้สองมื้อก็เกินพอแล้ว
แต่หญิงสาวที่รู้สึกผิดทำรถเขาพังแล้วเขาจะกลับบ้านยังไงในเมื่อบ้านเขาไกล ไหน ๆ ก็ต้องทำอาหารให้เขาสามมื้อเป็นการใช้หนี้ “เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ” เธอเสนอ “หนูทำอาหารให้พี่ได้สามมื้อ แล้วพี่บอกบ้านไกล รถพี่ก็พังไปแล้ว พี่ก็...มาอยู่บ้านหนูชั่วคราวไปก่อน จนกว่าหนูจะใช้หนี้เสร็จหรือจนกว่ารถจะซ่อมเสร็จ เป็นไงคะ”
คาเมรอนยิ้มกว้างพยักหน้าตกลงอย่างไม่ต้องคิด นี่มันชี้โพรงให้กระรอกสุด ๆ ส่วนมากิเองเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแค่อยากรับผิดชอบกับความผิดที่ตัวเองก่อ ส่วนอันตรายระหว่างชายหญิงไม่เคยอยู่ในหัวเธอ ก็เธอลูกสาวยากูซ่า ศิลปะป้องกันตัวทุกแขนงเธอไม่ได้เรียนเล่น ๆ พ่อเธอเคยให้เธอสู้จริงมาแล้ว และเธอไม่เคยแพ้ เพราะตระกูลซากุระไม่ใช่ที่อยู่สำหรับคนแพ้