ตอนที่2ความฝัน

2843 Words
เปลวเพลิงสีแดงลุกโชติช่วง มันลามไปทั่วตัวบ้านหลังใหญ่เบื้องหน้าผม เสียงร้องไห้ของคนที่ยืนอยู่ข้างกายเรียกให้ผมต้องหันสายตาไปทางเธอ เธอค่อนข้างจะอ่อนแรง แต่เสียงที่ร้องตะโกนหาสามีกลับหนักแน่น คงจะสายไปซะแล้วละ บ้านหลังนั้นค่อยๆทรุดตัวลงต่อหน้าเธอและพวกคนใช้ของบ้าน หญิงสาววันกลางคนก็เช่นกันที่ค่อยๆล้มตัวลงนอนท่ามกลางความตกใจของคนใช้น้อยใหญ่ที่ต่างมารุมล้อมตัวเธอ 'แม่ฮ่ะ!' 'ดูแลตัวเอง อึก ให้ดี'  เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินมันช่างเบาบางซะเหลือเกิน เบาจนเหมือนเป็นเพียงเสียงกระซิบแต่มันกลับดังกึ่งก้องในหัวใจผมเสมอมา 'ม้ายยย!!' เฮือกกกกกกกก!!!!! ...ฝัน!  อีกแล้ว ผมฝันบ้าบอเรื่องนั้นอีกแล้ว ทำไมความฝันนี่ถึงไม่หายไปจากหัวผมสักทีนะ "ฮึก ปวดหัวซะมัด" เป็นประจำทุกครั้งที่ตื่นจากความฝัน ผมจะต้องตื่นขึ้นมานั่งร้องไห้หรือปวดหัวหนัก เพียงแต่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นทั้งสองอย่างพร้อมกันจนหัวผมแทบจะระเบิดออกมาให้ได้ ตี5เหรอ? นาฬิกาตั้งโต๊ะตัวโปรดที่พ่อกับแม่มอบให้เป็นของขวัญเมื่อปีที่แล้วถูกผมจับขึ้นมาดูเวลา สมองผมประมวลสิ่งที่เห็นก่อนที่จะดันร่างกายให้ลุกไปอาบน้ำชำระร่างกาย เพื่อไล่ความเครียดที่กำลังจะเกิด "ทำไมตื่นเช้าจังเลยคะ ลูกแม่" "พอดีเสาร์ฝัน..อีกแล้วครับ" พอผมพูดเรื่องความฝันกับแม่ทีไรบ้านทั้งหลังเป็นอันต้องเงียบลงทุกที แต่ท่านก็ไม่เคยพูดถึงมันให้ผมปวดหัวเลยนะ จะมีก็แค่ถามไถ่อาการเท่านั้น อ้อ..ลืมเล่าให้ฟัง ตอนเด็กพ่อบอกว่าผมตกบันได้แล้วหัวไปฝาดกับพื้นจนความจำผมมันไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไร ผมเลยถูกเอาใจใส่เป็นอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก มากซะยิ่งกว่าพี่ชายฝาแฝด2คน นั้นซะอีก  แต่ก็อย่างว่าแหละผมมันลูกคนเล็กนิ "ไม่ปวดหัวใช่ไหม? หรือว่ามีอาการอะไรเพิ่มเติมมาอีก" "ปวดหัวเหมือนเดิมครับ แค่นั้น" "แน่ใจนะ" "ครับ แค่นั้นจริงๆ" ผมต้องพูดย้ำทุกครั้งแบบนี้เสมอ ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วงผม ผมเองก็คอยดูแลตัวเองเสมอ "มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" "แม่ทำเรียบร้อยแล้วจ๊ะ หนูไปปลุกเรย์กับราฟให้แม่ที" "อ่า ครับแม่" นี้คือสิ่งที่ผมลำบากใจที่สุดในสามโลกหรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ เพราะอะไรนะเหรอ? ก็เพราะพวกเขาเกลียดขี้หน้าผมยังกับอะไรดี ผมก็แค่เด็กดื้อ ไม่ยอมฟังคำพูดของเขา แล้วก็ชอบแกล้งให้เขาโดนแม่ดุก็เท่านั้นเอง ก๊อกๆ "พี่เรย์ พี่ราฟ แม่ให้มาปลุก" ก๊อกๆ ผมขยันเคาะให้พวกพี่เขารำคานแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา เฮ้ออ! ทำไมถึงได้ตื่นสายจังนะพวกพี่บ้า ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปทันที แต่ภาพตรงหน้าทำเอาผมอึ้งตาโตเท่าไข่ห่าน ผู้ชายร่างสมส่วนราวกับเทพประทานมาให้ กำลังนอนกอดก่ายกัน!! "พวกพี่ทำอะไรเนี่ย! ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้านอน" "...ไรว่ะ" "นั้นสิ มีไร" "นี้พวกพี่ไม่ได้ยินใช่ไหม ผมเรียกให้ตื่นตั้งนานนะ" เหมือนพวกเขาจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ถึงได้ตื่นมาทำหน้ามึนพร้อมที่จะแยกเขี้ยวใส่ผม "อาบน้ำอาบท่า ลงไปรับประทานข้าวแล้วไปเรียนได้แล้ว นี้มันหกโมงกว่าแล้ว" "?/?" "เอ๊ะ แล้วก็...พวกพี่ชอบกินกันเองเหรอ" ผมสะบัดผมเดินออกมาด้วยเสียงหัวเราะเพราะเเกล้งพวกพี่บ้าได้สำเร็จ พร้อมกับเสียงร้องโวยวายของคนในนอนที่ดังไล่หลังมา นี้คือช่วงปิดเทอมม.6ของผมครับ อยู่บ้านสบายใจมากแต่ก็คิดถึงเพื่อนๆที่โรงเรียนด้วย ถึงทางไกลแต่พวกเราก็ยังติดต่อกันนะครับ จะมีก็บีม แล้วก็กันต์ ที่ผมสนิทที่สุดในห้อง ตอนนี้พวกเรากำลังเล็งมหา'ลัยที่จะเรียนต่อแต่ก็ยังไม่ได้สักที กว่าจะลงตัวผมว่านาจะอีกนานเลยละ "เลือกมหา'ลัยได้รึยังลูก ให้พี่เขาช่วยไหม" "อ่า ผมขอดูก่อนนะครับ" "หรือว่าจะไปต่อที่เดียวกับพี่เลย หนูจะได้ไม่ต้องสับสบกับตึกคณะ" "จะดีเหรอครับ พี่เขาอาจจะไม่อยาก..." "ดีสิจ๊ะ สถาปัตย์ไหม? ราฟจะได้สอนลูกได้" "อย่าเอามันมาเป็นตัวถ่วงไอราฟเลยแม่" ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่อปฏิเสธ เสียงของแฝดพี่ก็รีบสวนกลับมาก่อนพร้อมกับที่ชอบมองตาขวางใส่ผมตลอดเวลา ข้างกายเขายังคงมีแฝดน้องตามติดมาด้วยเสมอ "เรย์ ลูกใช้คำพูดแรงไปไหม" "ผมจะอ่อนโยนกับคนในครอบครัวเท่านั้นครับ มันก็แค่กาฝากที่พ่อเก็..!" "เรย์!" "อึก!" ก่อนที่แม่จะได้ดุเรย์อาการปวดหัวรุนแรงก็กำลังก่อตัวขึ้นกระทันหัน มือทั้งสองข้างของผมกำลังกุมขมับตัวเองอยู่ ผมไม่รู้ว่าทำไมคำพูดแบบนั้นถึงส่งผลต่อผมขนาดนี้ ภาพในความฝันที่มันสะสมมาตั้งแต่เด็กค่อยๆไหลหลั่งเข้ามารุมทึ้งสมองของผม ปะติดปะต่อจนเกิดเรื่องราวของครอบครัวเล็กๆ คำพูดของเรย์มีผลต่อผมอย่างมาก "เสาร์ลูก!" "ฮึก ป ปวดหัว อึก โอ๊ย" ผมพยายามที่จะขยับปากส่งเสียงพูดออกไปให้เป็นคำแต่มันก็ได้เท่านี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชาย2คนนั่น กำลังมีสีหน้าแบบไหน กำลังสะใจหรือสมเพชผมอยู่กันแน่ "ไปเรียนเถอะเรย์ สายแล้ว" "มีเรียนช่วงบ่ายใช่ไหมราฟ? พามันไปหาหมอด้วยเดี๋ยวจะมาตายในบ้านเรา" เขาเดินออกไปแล้ว ไม่แม้แต่จะหันมามองการกระทำของตัวเองเลย ทำผิดแท้ๆแต่ไม่เคยคิดจะรับผิดชอบ "ตาลูกคนนี้นี่!" "ฮึก แม่ครับ" คนพูดเดินออกไปเรียนอย่างสบายใจ ส่วนผมก็ทำได้แค่เจ็บในใจ เสียงที่พี่เรย์พูดมันยังดังอยู่ในหัวผมสลัดเท่าไรก็ไม่ออก จนผมรู้สึกว่าโลกตัวเองกำลังจะหลุดไป ร่างกายของผมกำลังจะร่วงลงพื้น ร่างโอนเอนไปมา ขาทั้งสองข้างกำลังจะหมดแรงโยกเยกไปมา ภาพที่วิ่งเข้ามาในหัวเริ่มปะปนกันมากขึ้น จนในที่สุด...ตุบ! "เสาร์ลูก ราฟอุ้มน้องไปโรง'บาล!" เสียงแม่ยังร้องเรียกผมอยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายมันขยับไม่ได้ โลกของผมกำลังจะดับเช่นเดียวกับความฝันบ้าบอนั้นด้วย "เสาร์ หนูตื่นแล้ว" "อ่ะ อึก" "ยังปวดหัวอยู่ใช่ไหมจ๊ะ แม่ไปตามหมอมาให้นะ" "ไม่ ครับ หิวนะ..น้ำ" คุณแม่เดินหลับมาที่เดินก่อนจะกดปรับเตียงให้ทางด้านหัวสูงขึ้นเพื่อผมจะได้นั่งสะดวก อาการปวดหัวเบาลงแล้วล่ะ มันไม่ค่อยปวดแล้ว "เป็นไงครับ หืม" "หายแล้ว ครับ" "หนูอย่าไปคิดมากนะลูก พี่เรย์ก็พูดไปนั้น เรื่องไร้สาระจ๊ะ" "ที่ว่าผม เป็นคนนอก...เหรอครับ" "มึงจะไปฟังมันทำไม รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ชอบหน้ามึง" บุคคลที่ผมไม่คาดคิดว่าจะอยู่กลับเปล่งเสียงออกมา สีหน้าของราฟยังคงนิ่งเฉยกับผมแต่สิ่งหนึ่งที่เขาดีกว่าเรย์คือเขาไม่เคยพูดจาเหยียดหยามผมเลย "ครับพี่ราฟ แม่ครับผมอยากกลับบ้านแล้ว" "นอนดูอาการก่อนคืนหนึ่งจ๊ะ ยังกลับไม่ได้" "อ่า ครับ" ถึงผมจะดื้อยังไงแต่ถ้าเป็นคำพูดของพ่อหรือแม่ผมก็ฟังหมดแหละ แต่ถ้าเป็นเรย์ก็ไม่แน่ ผมนะชอบเดินหนีเขาเพราะผมก็เบื่อขี้หน้าเขาเหมือนกัน ถึงผมจะรักพวกพี่ก็เถอะ ผมกลับมาอยู่บ้านได้ 2 วันแล้ว ส่วนเรย์กับราฟก็ยังไปเรียนตากปกติ ตอนนี้พวกพี่เขาอยู่ปี 2 แต่ถ้าผมเข้าสถาปัตย์ปีหน้าพวกพี่เขาก็ขึ้นปี 3 นะสิ มิหนำซ้ำผมอาจจะโดนราฟแกล้งก็ได้ ก็ผมได้ยินบีมบอกมาว่าพวกพี่ปี 3 นะชอบวางอำนาจใส่น้องจนหัวหดกันเป็นแถว แต่อะไรมันก็ไม่แน่หรอกนะเพราะราฟนะยังถือว่าใจดีระดับหนึ่ง ไม่เหมือนเรย์เลยสักนิด หมอนั้นนะเป็นเฮดว๊ากมือหนึ่งของวิศวะเลย อาจเพราะหน้าตาที่ดุดันแถมยังไม่ค่อยยิ้มนั้นอีก รุ่นน้องถึงได้กลัวจนไม่กล้ามารับน้อง ช่างเรื่องรุ่นน้องอะไรนั้นไปก่อน ตอนนี้มาเข้าเรื่องผมดีกว่า จะว่าไปแล้วการเลือกเรียนนี้มันก็ยากอยู่นะ ทำไมผมถึงไม่ตัดสินใจตั้งแต่มัธยม 6 ปล่อยคาราคาซังมาเป็นเทอม พอจบมาก็ต้องมาสับสนกับชีวิต "บีม นายเลือกมหา'ลัยได้ยัง" "(เราได้แล้ว ว่าจะเอามหา'ลัย A อ่ะ เราดูคะแนนเราแล้วน่าจะพอเข้าได้ ไม่ยุ่งยากอะไร เสาร์ละ)" "อืม ยังเลย มหา'ลัย A พี่เราก็เรียนอยู่ที่นั้น แล้วบีมจะเรียนอะไร" "(จริงอ่ะ! เราว่าจะลงสถาปัตย์)" "อื้ม จริงเหรอเราก็ว่าจะลงเหมือนกัน" "(555 นี้เรา3คนจะเรียนที่เดียวกัน แถมยังคณะเดียวกันอีกเหรอ)"  เรา3คนเป็นเพื่อนสนิทกันตอนม.6 รักกันมากๆเลยก็ว่าได้ บีมจะออกแนวผู้ชายใส่ๆชอบเผือก ส่วนกันต์ก็ผู้ชายโหมดหน้าตาขรึมแต่ใจดี อย่าไปบอกพวกนั้นนะว่าผมแอบเม้า "เอ๊ะ? อย่าบอกนะว่ากันต์.." "(ใช่แล้ววว)" "555 สงสัยเราคงเป็นเพื่อนแท้เเล้วละ" คุยไปสักพักผมก็ขอวางสายเพื่อจัดการธุระเรื่องเรียนต่อ ผมตัดสินใจได้แล้วล่ะ ว่าจะเรียนที่เดียวกับพี่ชายและจะเรียนสถาปัตย์ด้วย! ฮึ่ย ดูสิจะทำอะไรผมได้ ผมตั้งหน้าวิ่งไปทางห้องพักของคุณแม่ ท่านชอบการอยู่ติดบ้านมากกว่าออกไปเดินห้างซะอีก "แม่ครับ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนต่อสถาปัตย์ที่เดียวกับราฟ" "จริงเหรอจ๊ะ ดีจังลูก" แม่นั่งบนเตียงกำลังยิ้มหน้าบานที่ผมตัดสินใจเลือกเรียนที่เดียวกับพวกพี่ คงเพราะเห็นว่าผมไม่ค่อยจะทันคนละมั้งถึงอยากให้อยู่ใกล้พวกพี่เข้าไว้ "ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ อีกอย่างบีมกับกันต์ก็เรียนที่นั้นด้วย ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาเพื่อนใหม่" "แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบสังคมใหม่ๆ แต่การเปิดรับมันเข้ามาก็ทำให้ลูกมีภูมิคุ้มกัน กล้าเผชิญกับปัญหาได้นะ" "คราบ ยังไงผมก็ต้องมีเพื่อนร่วมห้องอยู่แล้วนิ" "จ๊ะ นี่จะออกไปกับแม่ไหม" "ไปไหนครับ?" "มหา'ลัย A ไปรับพี่เรานะ" ไปรับเหรอ เรย์กับราฟก็ไปเรียนด้วยกันนิ วันนี้พวกเขามีตารางเรียนใกล้กัน เพราะงั้นก็คงเลิกเรียนในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน แล้วทำไมต้องให้แม่ไปรับด้วย ผมรีบทำหน้าตั้งคำถามใส่แม่ก่อนที่จะได้รับคำตอบ "รถพี่เขาเสีย เพิ่งโทรมาบอกเมื่อครู่เอง" "อ้ออ งั้นไปครับ ผมอยากจะถามราฟเรื่องเรียนอยู่เหมือนกัน" คุณแม่เป็นคนขับรถพาเรามาถึงมหา'ลัย นักศึกษาเดินกันให้เต็มสองข้างทาง บ้างก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ บ้างก็เดินคุยกับเพื่อน บ้างก็ก้มหน้าเดินคนเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้คือไม่ว่าทุกคนจะอยู่ในสถานการณ์ไหน พวกเขาก็ยังยิ้มได้ "เรย์ ราฟ ทางนี้ลูก" "ไอราฟวิ่งดิ ช้าอดนั่งหน้านะเว้ย" "ไอเรย์ขี้โกงวะ" เสียงผู้ชายมาดเข้มกำลังดังเเข่งกันไปทั่วลานจอดรถของคณะวิศวะ เสื้อช็อปตัวเก่งปลิวไปตามแรงเขวี้ยงตกลงที่หน้าของแฝดผู้น้อง เป็นเหตุให้ต้องร้องโวยวาย ผมเองก็อดยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้นะ นานๆทีพวกเขาจะหัวเราะออกรสออกชาติแบบนี้ ผมว่าคนที่เห็นคงแปลกใจไม่แพ้ผมแน่ "ราฟ! เราอดนั่งทั้งคู่แล้ววะ" "ไรของพี่วะ วิ่งมาแล้วก็ทำหน้ามู่ทู่ใส่แม่เนี่ย" "เอ่อ..หวัดดีครับพี่" เรย์จ้องหน้าผมนิ่ง เขาคงอยากจะนั่งข้างแม่มากเลยสินะ ผิดกับราฟที่มองผมตัวสายตาของคนปกติอ่ะนะ "อ้าว มาด้วยเหรอวะ" "พอเลยทั้งคู่ ขึ้นมานั่งหลังก็ได้" "แม่ครับ ให้พี่เรย์นั่งหน้าก็ได้ เดี๋ยวผมไปนั่งหลังกับราฟเอง" "หึ" "ทำไมต้องเรย์ตลอดเลยวะเสาร์ กูก็อยากนั่งข้างเเม่นะเว้ย" ผมเริ่มอึกอัก กระวนกระวายใจกับคนข้างๆ เรย์ชิ่งเข้าไปนั่งเบาะหน้าซะแล้ว เหลือแค่ผมกับราฟที่ยังยืนมองหน้ากันอยู่ จนแม่ต้องออกมาเรียก พวกเราถึงได้เข้าไปนั่งในรถ เรย์กำลังยิ้มเยาะผมผ่านกระจกมองหลัง สายตาเขามันร้ายที่สุด ส่วนราฟก็กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับแถมยังกระทืบซ้ำอีก "ระ..ราฟ พี่อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ" ขึ้นรถมาไม่ทันถึง 10 นาที ปากผมมันก็ไม่อยู่สุขจนต้องถามออกไปให้ได้ "แบบไหน" "ก็แบบนี้ไง" "เงียบไปเหอะ" สีหน้าบอกบุญไม่รับแถมยังปาทิ้งของราฟยิ่งทำผมใจไม่ดีเข้าไปอีก ราฟไม่ใช่คนที่จะมางี่เง่ากับเรื่องพวกนี้ เขามีเหตุผลพอไม่เหมือนกับคนเป็นพี่ เอาตัวเองเป็นที่หนึ่ง "ทำหน้าแบบนั้นกำลังด่ากูอยู่รึไง" "อะไรครับ" "แถไปเหอะมึง ระวังสีข้างถลอก" เรย์ที่ได้นั่งหน้าสมใจก็ยังไม่วายหันหน้ามาแซะผม แต่คิดว่าผมจะกลัวเหรอ แม่อยู่ทั้งคนนะ "โตๆกันแล้วนะ เมื่อไรจะหยุดกัดน้องกันสักที" "น้อง? คนอย่างมันเนี่ยนะ" "เรย์ แม่บอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก ถ้าน้องเกิดปวดหัวขึ้นมาจะทำยังไง รู้ทั้งๆรู้ว่าอะไรคือความจริง" ประเด็นเมื่อหลายวันถูกยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง คำพูดเดิมและคนพูดที่ไม่เห็นทีท่าว่าจะสำนึกผิดซะเท่าไรที่ทำผมเข้าโรง'บาล "ทุกคนหยุดพูดครับ" "ไรมึงราฟ" เรย์หันมาอารมณ์เสียใส่ราฟก่อนจะนิ่งเงียบไป ทำไมพวกเขาถึงได้มองผมแบบนั้นล่ะ? หรือผมลืมรูดซิปออกจากบ้าน "มี..อะไรรึเปล่าครับ" "เสาร์ มึง..ร้องไห้?" "เอ๊ะ!" พอได้ยินแบบนั้นนิ้วมือของผมก็ถูกยกขึ้นไปเกลี่ยบนหน้า นิ้วมือของผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบนใบหน้า นี้ผมร้องไห้เหรอ ทำไมถึงไม่รู้ตัวเองละ  แม่มองผมผ่านกระจกมองหลังอย่างเป็นห่วง "เสาร์นอนไหม? มึงควรพักนะ" "ราฟเดี๋ยวเสื้อพี่เปียก" "ช่างมันสิ" ทุกอย่างเป็นปกติแล้ว ราฟหันมาคุยกับผมด้วยสีหน้าของมนุษย์ปกติ แม่เองก็เลิกกังวลแล้วขับรถกลับบ้านไปเรื่อยๆ ส่วนผู้ชายต้นเหตุของเรื่องก็เอาแต่นั่งชมวิวทิวทัศน์ข้างทางไม่สนโลก ตัวผมก็กำลังล้มตัวลงนอนหนุนตักของพี่ชายคนกลาง คนที่ยังมีใจรักผมมากซะกว่าไอพี่คนโตของบ้านซะอีก สงสัยระยะทางระหว่างมหา'ลัยถึงบ้านจะยาวนานกว่าบ้านถึงมหา'ลัยแน่ๆ ผมถึงได้หลับเป็นตายอยู่บนตักแข็งๆของราฟซะเพลินเลย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้ตัวเองซะแล้ว แต่ก็ดีที่เขายังอุส่าอุ้มผมขึ้นมาบนห้อง ไม่ปล่อยให้นอนที่โซฟาข้างล่าง 《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》《》 เปิดฉากแรกเป็นไงกันบ้างคะ พี่น้องฝาแฝดของเรายังร้ายได้อีก นี้แค่เวลแรกๆก็สงวนความร้ายไว้นิดนึ่ง กลัวน้องเสาร์จะน๊อคซะก่อน เม้นติชม แสดงความเห็นกันได้เต็มที่เลยนะค่ะ เราจะได้นำมาปรับปรุงนิยายให้ดีขึ้น ขอบคุณที่อ่านจนจบตอนนะ แล้วเจอกันตอนหน้า จุ๊บ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD