Chapter 1
บรืน บรืน บรืน!
เสียงเครื่องยนต์รถกระหึ่ม... เสียงเชียร์... เสียงตะโกนคุยกันลั่นสองฝั่งบนถนนเลียบชายหาดเส้นหนึ่ง
“กำลังจะเริ่มกันพอดีเลย”
ธนิก พูดอย่างตื่นเต้น รีบเร่งเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มคนเหล่านั้นที่มีวัยรุ่นทั้งชายและหญิงสาวสวย จุดที่ยังมีช่องว่างให้แทรกตัวเข้าไปได้
ผมผินหน้าไปมองหน้าเพื่อนรักอย่างเซ็ง ๆ
“มึงลากกูมาถึงนี่เพื่อมาดูเขาแข่งแดร๊กกันเนี่ยนะไอ้ธีม”
“เออ ดิ น่าตื่นเต้นดีจะตาย”
ในใจผม นึกอยากสวนมันกลับไปว่า ตื่นเต้นพ่อง! ติดที่ผมขี้เกียจเกินไปเลยไม่ได้สวน ส่วนเพื่อนอีกคน รัฐกรณ์ หัวเราะเริงร่า กอดไหล่ผมพลางตบเบา ๆ
“มึงก็เข้าใจมันนิดนึง ช่วงนี้แม่งฮอร์โมนพลุ่งพล่านว่ะ”
“มึงว่าใครไอ้สอง”
“ว่าตัวกูเองมั้งไอ้เหี้ย”
ฟังมันสองตัวกัดกัน ผมยิ่งอยากกลับอู่ไปนอน เมื่อวานต้องเร่งรถให้ลูกค้าลากยาวมาครึ่งค่อนคืน ตอนนี้ถ้าจะมีสิ่งที่ผมสนใจก็คือเตียงกับหมอนมากกว่า
“แข่งเถื่อนแบบนี้ ถ้าพ่อมึงมาร่วมแจมด้วยละบันเทิงเริงใจแน่มึง”
บนถนน... รถสองคันกำลังเหยียบคันเร่งรถเบิ้นเครื่องยนต์สนั่น จากรถสองคันในจุดสตาร์ต มันเป็นการแข่งแดร็กที่มีผู้คนเรือนร้อยเฝ้าชมเชียร์ทั้งชายหญิง เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ชมที่ว่ายังอยู่ในวัยรุ่นมัธยมปลายและมหา’ลัยอย่างพวกผม
“ไอ้สัสกาย แม่งทำไมปากหาเรื่องแบบนี้วะ มันเป็นรสชาติของชีวิตเว้ย นอกจากลุ้นรถแข่งแล้วก็ลุ้นอย่างอื่นด้วย”
ธีมกระทุ้งศอกใส่ผม แต่ผมเบี่ยงตัวหลบทัน
กาย คือชื่อเล่นของผม ชื่อตามบัตรประชาชนคือ กันต์ธารินทร์ คิณณ์ณภัทธ
“พ่อพวกมึงคนไหนจะมา พูดเหมือนไม่รู้ว่าไอ้ศิลป์มันอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ไว้แล้ว” ไอ้สองกวาดตามองไปทั่วบริเวณที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานไปกับบรรยากาศตรงหน้า
“ที่เด็ดเลยนะพวกมึง เดิมพันสูง แถมมีสาว ๆ ลงแข่งแดร๊กด้วยเว้ย”
ผมจ้องมองรถJazz สองคันที่กำลังเบิ้นเครื่องใส่กันอย่างท้าทาย ไม่เถียงหรอกเรื่องความตื่นเต้น มันมีมากกว่าจากการเช่าสนามแข่งถูกกฎหมายอยู่แล้ว
เบื้องหน้ารถทั้งสองคันนั้นคือคนที่พวกผมคุ้นเคยดี ผู้ชายตัวผอมสูง ใส่จิลหูและมีรอยสักเต็มสองแขน เขาชื่อพี่เดี่ยว ผู้มีเอี่ยวเกี่ยวข้องทั้งการแข่งในสนามและการแข่งบนถนน
เดิมพันท่าจะสูงจริงซะด้วย!
มือของพี่เดี่ยวที่ยกสูงสะบัดลง รถสองคันที่เร่งเครื่องท้าทายกันพุ่งทะยานออกตัวอย่างงดงาม การแข่งแดร๊กคือการแข่งทางตรงระยะสั้น ใครเข้าเส้นชัยก่อนคือผู้ชนะ แน่นอนว่าสมรรถนะรถแข่งสองคันต้องเท่ากันหรือสูสี ส่วนใครจะชนะขึ้นอยู่กับฝีมือคนขับ
นอกจากพี่เดี่ยวแล้ว ผมยังเห็นใครอีกคนท่ามกลางชายหญิงที่กำลังสนุกสนาน สิปปกร หรือ ไอ้ศิลป์ คนที่ไอ้สองเพิ่งพูดถึงไป หมอนี่เรียนมหาลัยเดียวกับพวกผมเพียงแต่คนละคณะ ผมเรียนวิศวะส่วนมันเรียนรัฐศาสตร์ พอรู้จักกันบ้าง เจอกันตามสนามแข่งและผับ มันยังเป็นลูกค้าประจำของอู่ผมเอง
“พ่อไอ้ศิลป์มันเส้นใหญ่” ธีมมองไปที่มันเหมือนกัน
พ่อของมันเป็นนักการเมืองคนสำคัญของจังหวัดนี้ แค่เรื่องปิดถนนให้มันเล่นสนุก ผมว่าไม่ต้องถึงมือพ่อมันหรอก พวกกิ๊กก๊อกพร้อมจะรับใช้มันเพื่อเอาหน้ากับพ่อมันอยู่แล้ว
นั่นช่างเถอะ ผมไม่ใส่ใจ ผมก็ไม่ใช่คนชอบแข่งรถ ผมเรียนวิศวะยานยนต์เพราะชอบรถ ชอบแต่ง แค่ไม่ชอบท้าทายความเร็วแต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้นะ ผมก็มีฝีมือเรื่องขับรถพอตัว
การแข่งแต่ละรอบจะมีเดิมพัน มากน้อยเท่าไหร่แล้วแต่จะตกลงกัน
ผมขยับปีกหมวกลง มองตามท้ายรถที่เพิ่งทะยานผ่านหน้าไปด้วยความเร็วแรงจนเกิดลมวูบใหญ่ เสียงเชียร์สองฝั่งถนนยิ่งดังลั่น มีหนุ่มสาวผู้ชื่นชอบความเร็วและความท้าทายจับกลุ่มกันเชียร์อยู่ริมถนนไปเป็นระยะ
ไม่นานเสียงประกาศออกมาแว่วๆ ได้ผู้ชนะแล้ว การแข่งแบบนี้มีข้อดีตรงที่ชนะกันเร็วมากกว่าการแข่งแบบเซอร์กิจ
ดูเหมือนกลุ่มของผมจะไม่รอดพ้นสายตาพี่เดี่ยวเช่นกัน พี่เดี่ยวเดินดุ่มๆ เข้ามาตบไหล่ปับ ๆ
“เฮ้ย พวกมึงสนใจลงสักรอบไหมวะ”
ผมยกมือไหว้ ไอ้ธีมกับไอ้สองก็เหมือนกัน
“เดิมพันเท่าไหร่พี่”
ไอ้ธีมถามเสียงระรื่น มันชอบเรื่องพวกนี้เป็นทุนอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ชอบนะ เรียกว่าคลั่งเลยก็ได้
“เบาะ ๆ รอบละห้าแสน แต่ต่อจากรอบนี้ สาว ๆ เขาจองแล้ว” พี่เดี่ยวหัวเราะร่า กอดคอผมให้เดินไปรวมกลุ่มบนถนนด้วย
“โห โคตรน่าสนเลยพี่” ไอ้สองดี๊ด๊า
“มึงอะกาย ไม่ลงสักรอบ”
“ไม่ล่ะ วันนี้อยากนั่งดูมากกว่า”
“มึงแดกป๊อปคอร์นรอดูได้เลย รอบต่อไปนางฟ้าของไอ้ศิลป์ลง แม่งอย่างเด็ด ปกติไม่ค่อยลง”
สิบปากว่าหรือจะเท่าตาเห็นเอง แจ๊ซคันใหม่สองคันคลานเข้ามาจอดยังจุดปล่อยรถ เรือนร่างระหงของใครคนหนึ่งที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นทำให้หัวใจสะดุดจังหวะ
รู้ตัวอีกที ตาผมมันตามจดจ้องผู้หญิงคนนั้นที่กำลังยืนคุยกับไอ้ศิลป์ เรือนร่างระหงดูบอบบาง สวมครอปแขนกุด กางเกงหนังขาสั้น อวดขาเรียวยาวขาวเนียนและสวมรองเท้าผ้าใบ ใบหน้าเรียวที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวยุ่งเพราะแรงลม เธอสวมแว่นดำอันใหญ่ทับลงไปอีก แต่กลับยิ่งเพิ่มความน่าดูน่าสนใจอย่างประหลาด