“โห ตัวแค่นี้กินเก่งเหมือนกันนะเรา” พี่สองทักเมื่อเห็นจานฉันก็หมดเกลี้ยง
“ทำไงได้ เราเป็นเด็กกำลังโต กินเยอะ” ฉันส่งหลอดเข้าปากดูดชาไข่มุกที่มีคนใจดีเลี้ยง พวกเราพากันออกจากโรงอาหาร
และคนใจดีก็ทำให้ฉันแทบสำลักกับคำพูดต่อมาของเขา
“เด็กดื้อสิไม่ว่า”
“ไม่ดื้อจะเรียกว่าเด็กเหรอคะ”
“เออ ไอ้นี่ก็ถามไม่คิด ว่าแต่เจอกันหลายครั้งละ ยังไม่มีคอนแท็กเราเลย ขอหน่อย”
“ขอไปสะสมเหรอพี่ธีม”
“คล้าย ๆ”
ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อก ส่งให้พี่ธีมกดคอนแท็ก จากพี่ธีมก็เป็นพี่สองและพี่กายเป็นคนสุดท้าย มือถือถึงถูกส่งกลับมาให้ฉัน ตอนนี้เรายืนอยู่กันตามลำพัง สองหนุ่มกำลังคุยกะสาว
“ได้ยินว่าคืนพรุ่งนี้ไอ้ศิลป์กับพวกมันจะไปสนุกกันที่สนาม W เธอไปด้วยไหม”
“คงไป พี่ล่ะ”
“คงไป”
สนาม W เป็นสนามแข่งรถยนต์ทางเรียบของเอกชน ถูกใช้เป็นสนามแข่งงานใหญ่ ๆ ระดับประเทศมาหลายงานแล้ว
สี่ทุ่มบรรยากาศข้างสนามเป็นไปด้วยความคึกคักมาก นอกจากเหล่าวัยรุ่นชายหญิงที่เข้ามาสมทบหลายกลุ่มก้อน ยังมีบุคคลที่ชื่นชอบรถและความเร็วเข้ามาร่วมด้วย
หนึ่งไฮไลต์ของความคึกคักก็คือบรรดาหนุ่มหล่อ ที่ได้รับเสียงกรี๊ดเสียงฮือฮากว่าใครก็จะเป็นกลุ่มพี่กาย โดยเฉพาะพี่กาย เขาไม่ได้ลงแข่งเหมือนเพื่อน ช่วยดูรถเช็กรถให้ก็ตกเป็นเป้าสายตาสาว ๆ อีกกลุ่มคือพวกพี่ศิลป์ และคนที่ทำให้ฉันเซอร์ไพรส์เป็นพิเศษก็คือเตชิน หมอนี่มากับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่
“ถ้าตารู้ว่าหลานสาวสุดที่รักมามั่วอยู่ที่แบบนี้คงปลื้มใจไม่น้อย”
เจอหน้า คำทักทายไม่รื่นหูก็พ่นออกมาทันที
“แล้วหลานชายอย่างนายล่ะ มีเวลามาที่แบบนี้ด้วยเหรอ ไหนว่าเรียนหมอยุ่งเหลือเกิ้น...”
มหา’ลัยที่เตชินเรียนอยู่จังหวัดข้างเคียง เพื่อนกลุ่มเขามีทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ ฟังจากที่เรียก ๆ กัน
“ก็เพราะเรียนหนักไงครับน้องสาวคนสวย เราเลยต้องลากคอไอ้ชินออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ว่าแต่คืนนี้คนสวยไม่ลงสักรอบเหรอ พี่มานี่เพราะอยากมาดูน้องแข่งเลยนะเนี่ย”
เพื่อนคนหนึ่งของเตชินส่งยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งยังกวาดตามองทั่วตัวฉันอย่างคนมารยาททราม เพราะสายตานั้นมันแทะโลมไม่ปิดบัง
“ถ้าลงก็เห็นเอง ก็ตัว”
ฉันสะบัดหน้าเดินหนีไปหาชมพูที่เป็นกองเชียร์อยู่ข้างสนาม วันนี้เพื่อนฉันพาเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาด้วยคนหนึ่งชื่อขนมผิง เป็นเพื่อนที่ชมพูรู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง ขนมผิงนิสัยดีใช้ได้ ไม่บ่อยจะได้ออกมาเที่ยวด้วยกันเพราะที่บ้านเข้มงวด
แต่ฉันเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกคว้ามือไว้
“นี่!” เป็นเพื่อนเตชินที่ทำ ฉันสะบัดมือเต็มแรง ตวัดตาเขียวใส่ แต่พวกนั้นกลับหัวเราะรื่นเริงเหมือนกำลังทำเรื่องสนุกจนน่าตบ ที่สำคัญไอ้ญาติผู้น้องของฉันดันยิ้มเยาะแทนที่จะห้ามเพื่อน
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยคนสวย พี่ริชสนใจเธอก็ควรจะดีใจนะ”
เพื่อนกลุ่มนี้ของเตชินมีห้าคน พวกเขาพากันห้อมล้อมเข้าหาฉัน ดักทางไว้ทุกด้านไม่ให้เดินหนี
“ใคร ๆ ก็รู้ น้องนาเนียร์ชอบให้ผู้ชายสนใจ หรือไม่ใช่”
“อย่าเล่นตัวนัก ของเก่าที่โดนใครต่อเขาไชจนพรุน มีคนสนใจก็ดีแล้วไหมวะ”
ประโยคหน้าตบนี่เตชินเป็นคนพูด
มันทำให้ฉันเชิดหน้า รวบมือขึ้นกอดอก คิดหรือว่าฉันจะแสดงท่าทีหงอให้เขาได้ใจ ต่อให้ในใจภาวนาให้ชมพูสังเกตเห็นฉันถูกล้อม เชื่อว่าเพื่อนรักจะไม่อยู่เฉยแน่นอน
สู้กับผู้ชายตัวโตหลายคนฉันคงไม่ไหว
“คนอย่างเราก็เลือกนะ ไม่ใช่หน้าเหือกหน้าเหี้ยก็เอาหมด”
“ยายนี่!”
ผู้ชายชื่อริชสบถออกมา แน่ล่ะ โดนว่ากระทบขนาดนั้น ไม่โง่เกินก็ต้องเข้าใจ
แต่ก่อนที่หมอนั่นจะกราดเข้าประชิดตัวฉัน กายหนาสูงใหญ่ของใครบางคนปราดมาขวางหน้า ผลักอกเขาออกไปเต็มแรง
“ไรวะ”
เพื่อน ๆ พวกนั้นเริ่มโวย
แผ่นหลังกว้างของพี่กายกลับสร้างความอุ่นใจให้ฉันขึ้นมา เขาเอี้ยวตัวหันมาหา
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ “ก็แค่หมาเห่าน่ะ”
“ปากดีจริงจริ้ง มึงก็เป็นอีกคนที่อยากจะเล่นกับเธอล่ะสิ”
ไอ้คนชื่อริชยังปากดี
“แบ่ง ๆ กันได้ พวกกูไม่ติดอะไรอยู่แล้ว ขนาดไอ้ชินมันยังไม่หวงพี่มันเลย”
พูดจบพวกมันก็พากันหัวเราะร่า ฉันตวัดไปมองหน้าเตชิน เขาแค่เลิกคิ้วนิดหน่อย หาได้เดือดร้อนใจอะไร
“งั้นเหรอ”
ฉันปรี่เข้าไปฟาดหน้าคนพูดเต็มแรงจนฝ่ามือแสบร้าว
“อีนี่!” เพื่อนคนหนึ่งของพวกนั้นถลันจะเข้ามาตบ แต่ถูกพี่กายผลักออกห่าง คว้าตัวฉันมาไว้ข้างหลังเขา
“อย่าหน้าตัวเมีย”
“ถุย! อย่ามาทำเป็นพระเอก ถ้ามึงอยากได้ก็ควรรอคิวไหมไอ้กาย”
“น้ำหน้าอย่างพวกนายเนี่ยนะ มีปัญญาชนะเราให้ได้ก่อนดีกว่ามั้ย น้องชาย”
“อย่าเกินไปนักนาเนียร์” เตชินตะคอกใส่ “คิดว่าตัวเองเก่งนักเหรอวะ”
“เก่งไม่เก่งก็ทำให้แกดิ้นเป็นหมาได้ละกันไอ้ชิน”
“หึ เก่ง ๆ อย่างนี้สิพี่ชอบ งั้นมาแข่งกันไหม ถ้าเธอแพ้คืนนี้ก็เอาตัวเองมาสังเวยพวกเราซะดี ๆ”
“ก็...” ฉันกำลังจะสวนกลับ แต่ถูกพี่กายปิดปากเอาไว้ก่อน