ฉันก็อยากถอนหายใจโล่งอก แต่ตราบใดที่พี่กายยังไม่นำขาด ฉันอดห่วงไม่ได้ ความเร็วที่พวกเขาใช้เร็วมากด้วย แป๊บ ๆ ไม่กี่นาทีเข้าสู่รอบสองแล้ว หันไปมองกลุ่มเตชิน ทางนั้นก็ลุ้นกันไม่วางตาเหมือนกัน ได้ยินเสียงสบถ สัตว์เลื้อยคลานเลื้อยกันให้วุ่นตอนที่ริชทำท่าจะแซงได้แต่ก็ไม่พ้น
เตชินหันมามองฉันเหมือนกัน เลยเหยียดยิ้มหยันมันไปหนึ่งที ไอ้น้องเวร!
ฉันกับมันสายเลือดเดียวกันแท้ ๆ ยังคิดจะให้คนอื่นมาดูถูกฉัน
กรี๊ด!!!
เฮ้ย!!!
จู่ ๆ มีเสียงร้องขึ้นทำให้ฉันรีบละสายตาไปมองจอขนาดใหญ่ และได้เห็นภาพหวาดเสียว รถคันหนึ่งพลิกคว่ำตีลังกาหลายตลบกระทั่งกระแทกเข้ากับรั้วด้านข้าง
คันนั้นเป็นรถของริช รถกู้ชีพรีบพุ่งตรงดิ่งไปทันที กลุ่มเตชินพากันกระโจนไปทางนั้น
“เกิดอะไรขึ้น”
“เสียจังหวะตอนเข้าโค้งที่สอง”
ชมพูเป็นคนอธิบาย กล้องจับไปที่รถที่เหลือ พอเห็นเพื่อนพลิกคว่ำไปต่อหน้าต่อตา เห็นได้ว่ารถอีกสองคันลดความเร็วลง เหลือสามคันเริ่มขับเคี่ยวกัน บ่อยครั้งที่พี่ศิลป์ตีคู่ขึ้นจะแซงแต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดกระบะสุดเท่ของพี่กายก็พุ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ห่างจากที่สองแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
ฉันกับเพื่อนพากันพุ่งเข้าไปหากลุ่มคนชนะ หากยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ คนชนะก้าวลงจากรถมาก็จับแขนฉันลากให้ก้าวยาว ๆ ตามไปทางด้านหนึ่งของสนาม ที่นั่นเป็นอาคารสามชั้น
“ทำอะไร”
รั้งตัวเองเอาไว้ ไม่ยอมวิ่งตามอีก ที่ต้องวิ่งตามเพราะเขาขายาวเกินไป
พี่กายยอมหยุด หันมามองฉัน หน้าหล่อเหลาในเงาแสงไฟดูเข้มเคร่งมากกว่าทุกครั้ง แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อน
“ทำไมไม่เคยรู้ มึงโหดขนาดนี้”
เราสองคนหันขวับไปมองแทบจะพร้อมกัน ฉันก็ได้เห็นผู้ชายวัยน่าจะสามสิบกว่าท่าทางภูมิฐานแม้จะสวมแค่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนง่าย ๆ แววตาเย็นชาที่มองตรงมานั้นกลับทำให้ฉันเย็นเฉียบถึงไขสันหลัง ข้างกายเขามีชายหนุ่มหน้ารกเคราเข้มเหมือนพวกบอดี้การ์ดมาเฟีย
“เฮียธาม หวัดดี”
คนข้างกายฉันกลับยกมือไหว้ เอ่ยทักด้วยเสียงเรียบราบไร้ความเกรงกลัว นั่นทำให้ฉันต้องยกมือไหว้ตาม
“ไม่ยักรู้เฮียอยู่ที่นี่ด้วย”
“กูกับไอ้ฉัตรมาตรวจงานแถวนี้เลยแวะมาดูสนามหน่อย เลยได้เห็นเป็นบุญตา คุณชายเล็กคิณณ์ณภัทธโหดไม่เบา”
“ไม่เสียทีที่กูออกจากเกาะ” คนหน้าดุหนวดเข้มเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
ฉันขยับเข้าใกล้ร่างสูงของพี่กาย แต่การเคลื่อนไหวที่คิดว่าแนบเนียนแล้วกลับไม่พ้นสายตาคมกริบของคนหล่อแต่น่ากลัวมาก
“แฟนมึง?”
“ตอนนี้ไม่ใช่”
“อ้อ”
“พี่น้องแม่งตอบเหมือนกันเปี๊ยบ” คนหน้าหนวดตบไหล่พี่กายเบา ๆ
“เธอชื่อนาเนียร์ นาเนียร์คนนี้เฮียธาม เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อ เจ้าของโรงแรมหรูริมทะเลกับสนามแข่งชื่อดัง คุณปฏิพัทธ์ ธนา”
“เอ่อ สวัสดีค่ะ” พอพี่กายแนะนำ ฉันเลยต้องยกมือไหว้อีกรอบ
“ส่วนคนนี้ เฮียฉัตรเป็นคนสนิทของเฮียธาม”
พวกเขาพยักหน้ารับไหว้จากฉันและยิ้มให้นิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นยิ้มที่ฉันรู้สึกกดดันแปลก ๆ ก่อนพวกเขาจะหันไปคุยกับพี่กาย
“ลงมือสั่งสอนคนโหดขนาดนี้ ถ้าไม่เห็นกับตากูคงไม่เชื่อ”
“ผมทำอะไร?”
“มึงไม่ได้ทำไรเลยไอ้กาย มึงแค่หลอกล่อให้คู่แข่งเร่งความเร็วตามรถมึงเรื่อย ๆ โดยที่มันไม่สังเกตเพราะอยากเอาชนะมึง รู้ตัวอีกทีก็ โครม! รถเสียจังหวะพลิกคว่ำไปเอง”
คำพูดของพี่หน้าหนวด ทำให้ฉันต้องลอบมองหน้าพี่กาย เขาทำเสียงบางอย่างในคอ แต่ไม่ปฏิเสธ แสดงว่าพี่หน้าหนวดพูดจริงสินะ
“มึงน่าจะไปทำงานกับกูนะ ดีมั้ย” อีกคนเผยยิ้มบาง ทำให้เขาดูน่ามองและความกดดันแปลก ๆ ลดลง
“ได้ข่าวว่าเฮียล้างมือในอ่างทองคำแล้วไม่ใช่เหรอ ไอ้สัสนั่นมันสมควรโดน ว่าแต่ พวกเฮียเพิ่งมาหรือว่าจะกลับแล้ว”
“กำลังจะกลับ เห็นมึงลงเล่นสนุกเลยแวะดูนิดหน่อย”
“กลับดี ๆ ครับเฮีย”
“เออ ไว้เจอกัน”
การสนทนาไม่สั้นไม่ยาวจบลง พอคนทั้งสองเดินผ่านออกไป ฉันลอบผ่อนลมหายใจตาม
“กลัวเหรอ”
“ใครกลัว” คนปากดีอย่างฉันก็ยังไม่วาย “แล้วนี่ดึงเรามาทำไม ป่านนี้เพื่อนเราเป็นห่วงแล้ว”
“พามาเอารางวัล”
“รางวัลอะไร”
“รางวัลของคนชนะ”
ฉันนิ่วหน้าคิ้วขมวด มองสบตาคมกล้าที่เคยเห็นชา หากยามนี้ดวงตาคู่นี้ลุ่มลึกกว่านั้น มีกระแสบางอย่างที่ทำให้ใจฉันเต้นผิดจังหวะ
ในหัวหวนนึกถึงสารตั้งต้นของเรื่องทั้งหมด
“นี่...”
“ฉันชื่อกาย”
คนที่กำลังแนะนำตัวเองกับฉัน สีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนสักนิด ตาคมคู่นั้นยังติดเย็นชา แบบที่มองปราดเดียวรู้สึกได้เลยว่า เขาไม่ใช่คนที่เข้าถึงได้ง่าย เหมือนที่ฉันเคยได้ยินมา ยังมาพูดเรื่องอย่างนั้นหน้าตาเฉย เป็นฉันซะอีกที่หน้าร้อน แต่เรื่องอะไรต้องให้เขารู้ว่าฉันเขินล่ะ ถึงมันจะนิดหน่อยก็เถอะ
“เรารู้ว่าพี่ชื่ออะไร” จะแนะนำตัวอีกทำไม รู้จักกันเห็นกันมาตั้งกี่รอบแล้ว รึว่าเขาประชดที่ฉันไม่เรียกชื่อเขาสักที
“...”
“พี่อยากนอนกับเราเหรอ”
“ได้ไหมล่ะ”