“คุณตาต้องดูแลสุขภาพดี ๆ อย่าโหมงานหนักมากนะคะ หนูเป็นห่วง”
“งานไม่หนักอะไรหรอก ตาคิดว่าอีกปีสองปีจะวางมือให้น้าเราดูแลแล้วล่ะ”
ตามีลูกแค่สองคน ซ้ำยังเป็นลูกสาวฝาแฝด คือแม่ของฉันและน้าดา หลังแม่ฉันเสียก็เหลือเพียงแค่น้าดาคนเดียว แต่ถึงจะเป็นผู้หญิงน้าดาก็ทำงานเก่งกว่าผู้ชายหลายคน คงเพราะเหตุนี้ด้วย น้าถึงกลัวนักว่ากิจการที่ดูแลมากับมือต้องถูกยกให้ฉันที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยิ่งคุณตาไม่ยอมวางมือ บ้านนั้นก็ยิ่งกลัว
ในความคิดฉันกลับคิดว่า ที่ตาไม่ยอมวางมือเพราะไม่ไว้ใจสามีของน้าดาที่ไม่เป็นโล้เป็นพายเก่งแต่หาเมียน้อย คงกลัวน้าบวรจะหลอกเมียหมดเนื้อหมดตัว
“เราเองก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ ตาไม่ถามหรอกนะเรื่องซุบซิบพวกนั้นน่ะ ตาเลี้ยงเรามา ตารู้เราเป็นคนยังไง”
“บางทีหนูอาจจะไม่ได้ดีแบบที่น้าดาว่า”
“คนเราไม่มีใครดีพร้อมสมบูรณ์หรอกนะนาเนียร์ แค่หลานรู้จักรับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเองได้ แค่นี้ตาก็ดีใจแล้ว”
คุณตาระบายยิ้มอ่อนให้ฉัน ยกมือมาลูบหัวอย่างที่ท่านชอบทำกับฉันมาตั้งแต่เด็ก
“เอาล่ะ เราไปนอนได้แล้ว ตาก็จะนอนแล้ว ปีนี้แก่มากขึ้นจริง ก็เจ็ดสิบแล้วนี่นะ”
“แก่อะไรล่ะคะ นี่ถ้าคุณตาอยากแต่งงานล่ะก็ หนูว่าสาวเอ๊าะ ๆคงเข้าคิวรอเป็นแถว”
“เลอะเทอะละเจ้าคนนี้ ไป ๆ”
คุณตายกมือขึ้นอีกครั้ง ฉันรีบถอยกรูด หัวเราะร่าเริง บอกฝันดีท่านก่อนจะออกจากห้องตรงกลับห้องพักของตัวเอง
ครั้นเดินผ่านรูปครอบครัวขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ข้างผนังก็อดหยุดยืนมองไม่ได้ ในนั้นเป็นภาพของคุณตา พ่อแม่ฉันและฉัน เราต่างยิ้มให้กล้อง ในรูปยังมีน้าดากับสามีและลูกทั้งสอง พวกเขาพากันยิ้มฝืน ๆ แต่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ฉันจับสายตาที่หน้าพ่อแม่ ความคิดถึงหลั่งล้นในอกทั้งที่ฉันจำความรู้สึกเกี่ยวกับทั้งสองคนไม่ได้แล้ว เพราะพ่อกับแม่จากฉันไปตั้งแต่ฉันเพิ่งได้สองขวบ เรื่องราวของพวกท่านถูกเล่าขานให้ฟังจากปากของคุณตาและคนรับใช้เก่า ๆ ของบ้าน
ต้นตระกูลเป็นคุณนางใหญ่ ทำให้ภาณฤทธาดลย์นั้นมีฐานะร่ำรวยมาหลายชั่วอายุคน ลูกหลานต่างได้แต่งงานกับคนที่มีฐานะทัดเทียมเกื้อหนุนกัน พอมาถึงรุ่นของตา ท่านเป็นคนหัวสมัยใหม่ไม่ยึดติดกับทัศนคติแบบที่ว่าเรือล่มในหนอง ตาเลือกยายที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเป็นคู่ชีวิต มีลูกสาวฝาแฝดด้วยกันสองคน อยู่กันได้เพียงสามสิบปี ยายก็มาจากไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ตาเสียใจมาก ครองตัวเป็นโสดตั้งแต่นั้นมา เลี้ยงดูลูกสาวสองคนมาเป็นอย่างดี
แม่ของฉันเป็นแฝดพี่ แต่สองคนหน้าไม่เหมือนกันเลย แม้จะไม่มีความคิดคลุมถุงชนแต่ตาก็มีเพื่อนฝูงที่มีลูกชายหลายคน มีสองคนที่เข้าตาท่านจนอยากจับคู่ให้ลูกสาว เดิมนั้นพ่อฉันถูกจับคู่ให้กับน้าดา แต่ด้วยที่ว่าฐานะของพ่อด้อยกว่า น้าดาไม่ชอบจึงมักปัดให้แม่ฉันคอยรับหน้าเสมอ ทำให้ทั้งสองสนิทสนมและชอบพอกันในที่สุด ตาเห็นแบบนั้นจึงให้ทั้งสองแต่งงานกัน ขณะที่คนที่เป็นคู่หมายของแม่ก็ไม่ได้มีความรักใคร่ชอบพอกัน เขาเลือกแต่งงานกับคนที่รัก หลังพ่อแม่ฉันแต่งงาน น้าดาก็แต่งกับคนที่เธอชอบนั่นคือน้าบวร
ต่อมา ตอนฉันสองขวบ พ่อแม่มาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตาจึงเป็นคนเลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่ตอนนั้น
ขณะที่ตาให้ความรักให้การดูแล น้าสาวคนเดียวของฉันกลับไม่เคยชอบฉันเลย ตั้งแต่เริ่มจำความได้ น้าดามักแสดงสีหน้าและพูดจาไม่ดีกับฉันมาตลอดกระทั่งตอนนี้ เธอบ่มเพาะความเกลียดชังนั้นให้ลูกชายลูกสาวของเธอด้วย
อายุถึงเกณฑ์เข้าเรียน ฉันถูกส่งเข้าโรงเรียนเอกชนนานาชาติที่เดียวกับเตชินและอิงวรา สองคนนั้นไม่ชอบฉันอยู่แล้วจึงปลุกปั่นเพื่อนในโรงเรียนให้บุลลี่ฉัน ไม่มีใครคบกับฉันและชอบหาเรื่องแกล้ง ทำให้ฉันไม่ชอบเด็กที่โรงเรียนนั้น จึงไม่เคยคบหาใครเป็นเพื่อน ไม่ให้ความสนิทกับใคร เพื่อนในโรงเรียนสรุปกันไปว่าฉันหยิ่งยโส ถือตัวว่าเป็นคุณหนูบ้านรวย ยิ่งพากันไม่ชอบฉันเลย
กระทั่งจบประถมย้ายมาเข้ามัธยม ฉันได้เจอกับชมพูในตอนที่อิงวรากับเพื่อนพากันรุมแกล้งฉัน ชมพูเข้ามาช่วยทำให้เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนนั้น
ไม่ว่าจะถูกเตชินกับอิงวราหาเรื่องแค่ไหน ฉันไม่เคยปริปากบอกคุณตาเพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ อะไรยอมได้ก็ยอมไป แต่พอมีชมพู พอได้รู้จักกับกลุ่มพี่ศิลป์ พวกเขาทำให้ทัศนะความคิดของฉันเปลี่ยน จากที่เคยอดทนให้พวกนั้นแกล้ง ฉันไม่ทนอีกต่อไป แกล้งฉันยังไง ฉันเอาคืนอย่างนั้น เตชินกับอิงวราเลยยิ่งเกลียดฉัน เอาเรื่องฉันไปฟ้องพ่อแม่ เรื่องราวเสีย ๆ ของฉันเริ่มกระจายไปในหมู่วงศ์ญาติ เป็นหัวข้อเมาท์ให้พวกเขาสนุกปาก ฉันแสดงออกไปว่าโนสนโนแคร์ แต่ที่จริงเสียใจเสียความรู้สึก เริ่มระบายออกไปกับกีฬาท้าทายอย่างเกมแข่งรถ ทำตัวแรง ๆ ไม่สนว่าใครจะมองดีเลว