“ต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะคะ” เสียงคุณพัชรีพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” เกริงพลตอบสั้น ๆ เสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์
“งั้น…เข้าเรื่องเลยนะคะ” คุณพัชรีสูดลมหายใจเบา ๆ ก่อนพูดต่อ “งานแต่งที่จะจัดขึ้นอีกสองอาทิตย์ คุณเกริงพลจะเปลี่ยนสถานที่จัดไหมคะ หรือยังคงไว้ที่โรงแรมเดิม?”
“ห๊ะ! นี่ยังจะจัดอีกเหรอคะ!” คาริสาเผลอหลุดเสียงดังด้วยความตกใจ
“คาริสา!” เสียงมารดาขึ้นสูงทันที “พูดจาให้มันดี ๆ หน่อยสิลูก!”
“ริสาไม่อยากฟัง ถ้าอยากคุยก็อยู่คุยกันไปเถอะค่ะ”
คาริสาพูดจบเสียงแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทันที เก้าอี้ขยับครูดพื้นดังสะท้อนความไม่พอใจ เธอก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองใคร
“ไอ้เดย์ ตามริสาไปหน่อย”
เสียงคิริวดังขึ้นเรียบแต่แฝงน้ำหนัก เดย์ที่ยืนนิ่งมาตลอดเพียงพยักหน้ารับคำ ก่อนจะรีบเดินตามออกไปโดยไม่ลังเล
คาริสาเดินจนมาถึงโรงรถ ใบหน้าของเธอยังมีแววขุ่นเคืองไม่จาง มือเรียวเอื้อมไปจับประตูรถ แต่ยังไม่ทันได้เปิด มือหนาของใครบางคนกลับคว้ามือเธอไว้แน่น
“จะไปไหน”
เสียงทุ้มต่ำของเดย์ดังขึ้นข้างหลัง น้ำเสียงเย็นแต่แฝงความเป็นห่วง
“เฮียเดย์จะตามมาทำไมคะ ถ้าจะมาตามให้ริสากลับเข้าไปละก็ ริสาไม่ไปค่ะ!”
น้ำเสียงของเธอสั่นน้อย ๆ ด้วยทั้งความโกรธและน้อยใจ
“ขึ้นรถ” เขาพูดเรียบ แต่สายตากลับนิ่งแน่ว “จะไปไหนก็บอก เดี๋ยวฉันขับให้”
“ไม่ได้จะมาตามริสากลับไปเหรอ”
คาริสาเงยหน้าถาม น้ำเสียงประชดแต่แฝงความสั่นเครือ ดวงตาคู่นั้นยังแดงระเรื่อจากความโกรธ
“เปล่า…” เดย์ตอบเรียบ ดวงตายังคงมองเธอนิ่ง “ฉันจะไปบังคับเธอได้ยังไงล่ะ”
เธอหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างไม่เชื่อ “ได้สิ… เฮียเดย์บังคับริสาได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
หญิงสาวขยับเข้าไปอีกนิด เสียงเบาลงแต่ยังมีแววดื้อในน้ำเสียง “แต่ว่าริสาจะฟังหรือเปล่า… นั่นอีกเรื่องนะ”
เดย์มองเธออยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคมนิ่งเรียบแต่แฝงแววเอ็นดู ก่อนจะยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ
“สรุป… จะไปไหน”
คาริสาชะงักไปนิด เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีจุดหมายแน่ชัด เธอยกมือกอดอก ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงเบาแต่แฝงรอยยิ้มมุมปาก
“ไปห้างแล้วกันค่ะ… อยากไปเดินช้อปหน่อย ไหน ๆ วันนี้ก็มีคนช่วยถือของแล้วนี่”
เดย์หัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางส่ายหน้าอย่างระอา “งั้นก็ขึ้นรถสิ คุณหนู”
คาริสาเลิกคิ้วใส่เขาอย่างท้าทาย ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรต่อ
ทันทีที่รถแล่นออกจากคฤหาสน์ ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และลมหายใจเบา ๆ ของทั้งสองเท่านั้น
เดย์ขับรถตรงไปยังห้างใหญ่ในตัวเมืองตามที่เธอบอกไว้ มือหนึ่งจับพวงมาลัยแน่น อีกมือวางสบาย ๆ บนเกียร์ ดวงตาคมมองถนนอย่างนิ่งเรียบ แต่สายตาแวบหนึ่งก็แอบเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่เอาแต่นั่งกอดอก มองออกไปนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จา
จนกระทั่งรถจอดสนิทหน้าทางเข้าห้าง คาริสารีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที เหมือนอยากหนีจากความเงียบที่อึดอัดนั้นให้เร็วที่สุด
“ใจร้อนไปหรือเปล่า”
เสียงทุ้มของเดย์ดังขึ้นจากด้านหลังขณะเขาปิดประตูรถตามมา
“ไม่ร้อนค่ะ แค่รีบ”
เธอตอบสั้น ๆ โดยไม่หันมามอง ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้างด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มบาง ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
เดย์มองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ นั่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเข้าไปอย่างคนจำใจ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว
คาริสาเดินผ่านโซนเครื่องสำอางไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นมุมกระเป๋าแบรนด์ดัง
“ริสาจะดูร้านนั้นก่อนนะคะ เฮียเดย์ไปรอในคาเฟ่ก็ได้ ไม่ต้องตามมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวถือของเอง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันถือให้”
เดย์พูดเรียบ ๆ แต่แววตานิ่งแน่วเหมือนคนไม่คิดจะเถียง
“ก็แล้วแต่ค่ะ” เธอหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เดย์ยืนมองตามอย่างหมดคำพูดแต่กลับมีรอยยิ้มจาง ๆ ติดมุมปาก
เสียงกระดิ่งเหนือประตูดังเบา ๆ ทันทีที่คาริสาเดินเข้ามาในร้านกระเป๋าแบรนด์ดัง
กลิ่นหนังแท้ผสมกับกลิ่นน้ำหอมเฉพาะของร้านแตะจมูกทันที พนักงานต้อนรับรีบเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มสดใส
“สวัสดีค่ะ คุณคาริสา ยินดีต้อนรับนะคะ”
หญิงสาวยิ้มตอบบาง ๆ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริง “มีอะไรเข้ามาใหม่ไหมคะ?”
“มีค่ะคุณคาริสา ตอนนี้เพิ่งได้คอลเลกชันใหม่เข้ามาเลยค่ะ เป็นไลน์ลิมิเต็ดจากฝรั่งเศสค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาไปดูนะคะ”
คาริสาพยักหน้าเบา ๆ “ได้เลยค่ะ พอดีกำลังอยากได้ใบใหม่พอดี”
เธอก้าวตามพนักงานไปยังโซนด้านในอย่างตื่นเต้น มือเรียวลูบสัมผัสกระเป๋าใบหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชั้นจัดแสดง ดวงตาเปล่งประกายทันทีเมื่อเห็นสีที่ถูกใจ
ด้านหลัง เดย์เดินตามเข้ามาเงียบ ๆ สายตากวาดมองรอบร้านครู่หนึ่งก่อนจะหยุดอยู่ที่แผ่นหลังของหญิงสาว เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนมองอยู่อย่างนั้น เหมือนเฝ้าดูเธอในพื้นที่ที่เธอเป็น “ตัวของตัวเองที่สุด”
คาริสาเดินตามพนักงานไปยังโซนด้านในของร้าน ดวงตากวาดมองกระเป๋าใบใหม่ที่จัดวางอยู่บนชั้นแสงสวย เธอเอื้อมมือไปสัมผัสเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่แผ่วลงกว่าปกติ เหมือนกลัวใครบางคนด้านหลังจะได้ยิน
“ว่าแต่… พอจะมีกระเป๋าสตางค์ของผู้ชายไหมคะ แบบเรียบ ๆ แต่ดูหรูนิดนึง”
พนักงานยิ้มอย่างเข้าใจทันที “มีค่ะคุณคาริสา พอดีเพิ่งเข้ามาใหม่เลย เป็นรุ่นพิเศษจากอิตาลีด้วยนะคะ เดี๋ยวดิฉันหยิบให้ดูค่ะ”
“ค่ะ ขอดูหน่อยนะคะ” เธอตอบเสียงเบา ดวงตาก้มมองโต๊ะกระจกตรงหน้าเหมือนไม่ได้ตั้งใจอะไรเป็นพิเศษ
แต่ในใจกลับเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด ทั้งที่เธอเองก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึงอยากซื้อของพวกนั้นให้คนที่บอกว่าไม่สำคัญนัก…
ด้านหลัง เดย์ยังยืนมองอยู่ไม่ไกล เขาเห็นแค่แผ่นหลังบาง ๆ ที่โน้มตัวลงมองของในตู้ แต่ไม่ทันได้ยินว่าคาริสากำลังถามถึงอะไร
ไม่นาน พนักงานก็เดินกลับมาพร้อมกล่องสีดำเรียบหรูในมือ
“นี่ค่ะ กระเป๋าสตางค์ใบนี้ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะคะ หนังแท้ทั้งใบ ดีไซน์จากอิตาลีค่ะ”
พนักงานวางกล่องลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนค่อย ๆ เปิดฝาออก เผยให้เห็นกระเป๋าสตางค์หนังเรียบสีดำสนิท ขอบเย็บอย่างประณีต ทุกอย่างดูเรียบง่ายแต่หรูหราในตัว
คาริสาจ้องมันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปแตะเบา ๆ ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อนุ่มของหนังแท้ เธอยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
“สวยดีนะคะ… ดูเรียบแต่มีดีเทล” เธอพูดพลางก้มมองมันอยู่อย่างนั้น “ไม่รู้ว่า… เขาจะชอบไหม”
เสียงสุดท้ายนั้นเบาจนแทบเป็นกระซิบ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าจะถามพนักงาน
“คุณคาริสาจะให้เป็นของขวัญเหรอคะ” พนักงานถามขึ้นอย่างยิ้ม ๆ
คาริสาเลื่อนสายตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ตอบ “ก็… แค่เห็นแล้วนึกถึงน่ะค่ะ”
พนักงานยิ้มรับ เข้าใจความตั้งใจของเธอโดยไม่ซักถามต่อ ก่อนจะรีบจัดของลงกล่องอย่างระมัดระวัง
“งั้นริสาเอาใบนี้ค่ะ” เธอพูดเสียงเบาแต่มั่นใจ “ห่อใส่กล่องสวย ๆ เลยนะคะ ส่วนกระเป๋าของริสา… ขอเป็นใบนั้นค่ะ ใบสะพายข้างสีดำที่อยู่ตรงชั้นกลาง”
“ได้เลยค่ะ คุณคาริสานี่ตาถึงจริง ๆ นะคะ” พนักงานตอบอย่างชื่นชมพร้อมรอยยิ้ม
คาริสาหันไปมองกระเป๋าที่เลือก ดวงตาเต็มไปด้วยประกายพอใจ “รุ่นนี้เรียบแต่หรูดีค่ะ เหมาะกับทุกลุคเลย”
เธอพูดไปพลางหันมามองเดย์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาเขายังนิ่งเหมือนเดิม แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนโดนมองทะลุทุกความคิด
คาริสาเลยรีบเบือนสายตากลับไปทางพนักงานทันที “ฝากจัดเป็นของขวัญให้หน่อยนะคะ แยกกล่องไว้ต่างหาก”
“ได้เลยค่ะ” พนักงานรับคำด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนห่อของทั้งสองใบอย่างพิถีพิถัน