“ผู้ชายที่ชื่อเกริงพล”

1441 Words
คาริสาที่อาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ ใส่ชุดคลุมผ้าบางสีขาวพลางเช็ดผมตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหยุดยืนพิงโต๊ะเครื่องแป้ง มองอัญชันที่กำลังยืนรื้อชุดอยู่หน้า ตู้เสื้อผ้า “อัญชัน ไม่ต้องหาหรอก หยิบ ๆ มาเถอะ ใส่อะไรก็ได้แหละ” คาริสาพูดขณะมองเล็บตัวเองอย่างไม่ใส่ใจนัก “ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวคุณแม่ก็ดุพี่ริสาอีก” อัญชันตอบเสียงอ่อน พลางก้ม ๆ เงย ๆ เลือกชุดอย่างตั้งใจราวกับกำลังแก้โจทย์ยากในชีวิต คาริสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เห้อ… น่าเบื่อ พี่ไม่ได้อยากแต่งงานซะหน่อย ทำไมต้องคอยบังคับกันด้วยก็ไม่รู้” พูดจบ เธอหันกลับมาทำหน้าคิดจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนแววตาจะวูบขึ้นอย่างมีแผนในหัว “อัญชัน…” “คะ?” “พี่ว่าพี่หนีไปอยู่ลำปาง บ้านอัญชันดีไหม?” เสียงของคาริสาทำเอาอัญชันชะงักมือทันที ชุดในมือตกลงพื้นโดยไม่รู้ตัว “ห๊ะ! พี่ริสาจะหนีอีกแล้วเหรอคะ!?” คาริสาหลุดหัวเราะเบา ๆ “ก็พี่ไม่อยากแต่งนี่นา จะให้ยืนเฉย ๆ ให้เขายัดแหวนใส่มือหรือไง” อัญชันทำตาโต “แต่คุณแม่พี่รู้เข้าคราวนี้ พี่ริสาได้โดนดุอีกแน่เลยนะคะ” คาริสายักคิ้ว พลางยิ้มมุมปาก “ช่างแม่สิ… คราวนี้พี่จะหนีให้ถึงลำปางเลย คอยดูสิ” “แต่อัญชันว่าตอนนี้…” เสียงของอัญชันดังขึ้นเบา ๆ แต่ชัดพอจะหยุดความคิดในหัวของคาริสาได้ “พี่ริสาเลิกคิดเรื่องหนีไปก่อนเถอะค่ะ ไปแต่งตัวแล้วไปด้านล่างดีกว่า ป่านนี้คุณแม่กับพี่คิริวน่าจะรอกันอยู่แล้ว” คาริสาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “เห้อ… อัญชันนี่นะ พูดเหมือนแม่ไม่มีผิดเลย” “ก็อัญชันเป็นห่วงค่ะ” อัญชันพูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความจริงใจ “พี่ริสาหนีได้หนึ่งครั้ง แต่หนีไปตลอดไม่ได้หรอกนะคะ” คาริสาเลิกคิ้วมองเพื่อนรุ่นน้อง “พูดเหมือนคนแก่เลยนะเรา” อัญชันหัวเราะเบา ๆ “ก็พี่ริสาทำตัวเหมือนเด็กหนีโรงเรียนอยู่ทุกวันนี่คะ” “แหม พูดงี้พี่เสียฟอร์มหมดเลย” คาริสาว่าพลางหัวเราะในลำคอ “ก็ได้ ๆ เดี๋ยวพี่ลงไป… แต่อัญชันต้องลงไปด้วยนะ” “แน่นอนค่ะ” อัญชันตอบพร้อมพยักหน้าแรง ๆ หลังจากนั้น คาริสารีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูเช็ดผมต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าที่อัญชันเพิ่งรื้อไว้เมื่อครู่ ชุดเดรสสีขาวที่ถูกเลือกไว้แขวนอยู่ตรงหน้า เรียบร้อย เรียบหรู และสุภาพจนแทบจะเป็นภาพลักษณ์ที่คุณแม่ต้องการเป๊ะทุกอย่าง “อันนี้เหรอ?” คาริสาเอ่ยพลางยกชุดขึ้นมาดู ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ดูเรียบร้อยเกินไปหน่อยไหมอัญชัน…” อัญชันพยักหน้าช้า ๆ “คุณแม่เลือกไว้ให้ค่ะ พี่ริสาใส่แล้วต้องสวยแน่เลย” “นั่นสิ… สวยเหมือนหุ่นในตู้กระจกแน่ ๆ” คาริสาบ่นพลางโยนชุดลงบนเตียงแบบไม่ใส่ใจ เธอหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าอีกฝั่ง หยิบเกาะอกสีดำเรียบขึ้นมา พร้อมกางเกงยีนส์เข้ารูป “อันนี้ดีกว่า ดูเป็นริสามากกว่าเยอะ” อัญชันตาโตทันที “พี่ริสา! ชุดนั้นมัน… จะดีเหรอคะ” “ดีกว่าชุดเดรสคุณหนูขาวจั๊วะนั่นเยอะเลย” คาริสาตอบพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนสวมชุดอย่างรวดเร็ว พอแต่งเสร็จก็ยืนมองเงาตัวเองในกระจกแล้วหันไปถามเสียงใส “ว่าไงอัญชัน พอผ่านไหม?” อัญชันกัดริมฝีปากพลางพยักหน้าอย่างจำใจ “ผ่านค่ะ… แต่ถ้าคุณแม่เห็น อัญชันไม่ช่วยนะคะ” คาริสาหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องช่วย แค่ไม่ฟ้องก็พอ” เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เมื่อคาริสาเดินลงมาจากบันไดพร้อมอัญชันที่ตามมาด้านหลัง เธอสวมเกาะอกสีดำตัดกับผิวขาวเนียนและกางเกงยีนส์เข้ารูป ดูโดดเด่นและมั่นใจในแบบที่ตรงข้ามกับบรรยากาศเคร่งครัดของโต๊ะอาหารโดยสิ้นเชิง ห้องอาหารใหญ่ของคฤหาสน์เงียบลงชั่วขณะทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามา คุณพัชรีนั่งหัวโต๊ะ สีหน้าเรียบแต่แววตาฉายชัดถึงความไม่พอใจ ข้างขวาของเธอคือคิริวที่กำลังจิบน้ำชาอยู่เงียบ ๆ ส่วนด้านหลังเป็นเดย์ ยืนกุมมือไว้ข้างหน้า ก้มหน้านิด ๆ เหมือนพยายามหลบสายตาใครบางคน อัญชันเดินตามหลังคาริสาเข้ามา ก่อนรีบตรงไปนั่งข้างคิริวอย่างเงียบ ๆ คาริสายืนอยู่ปลายโต๊ะ ดวงตากวาดมองรอบห้องเพียงครู่เดียวก็เห็นชายแปลกหน้าที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนนั่งอยู่ฝั่งซ้ายของโต๊ะ เขาดูอายุมากกว่าเธอหลายปี ใบหน้าเรียบนิ่งแต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับทำให้คาริสารู้สึกหนาววาบ “มาแล้วเหรอ ริสา!” เสียงของคุณพัชรีดังขึ้นเรียบ ๆ แต่แฝงด้วยความไม่พอใจ “มานั่งข้างคุณเกริงพลสิลูก” แววตาของแม่กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มที่มุมปากแทบไม่เหลืออยู่เมื่อเห็นชุดของคาริสา เกาะอกสีดำรัดรูปกับยีนส์เอวสูงที่เรียกสายตาทุกคู่ในห้องให้หันมามอง คาริสาเม้มปากแน่น ก่อนยกยิ้มบาง ๆ กลับไปอย่างท้าทาย “ชุดนี้ไม่เหมาะเหรอคะ แม่?” คุณพัชรีนิ่งไปครู่ ก่อนตอบเสียงเย็น “เหมาะสิ… ถ้าไปเดินเล่น ไม่ใช่มานั่งกินข้าวกับแขกผู้ใหญ่” “ไม่เป็นไรหรอกครับ” เสียงทุ้มเรียบของชายแปลกหน้าดังขึ้น ขาดเพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่แตะมุมปากอย่างผู้ดี “น้องริสามานั่งสิครับ” เขาพูดพลางเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวออกอย่างสุภาพ ท่าทางใจเย็นแต่แฝงอำนาจบางอย่างที่คาริสารับรู้ได้ทันที คาริสาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมขยับเดินเข้าไปอย่างเสียไม่ได้ เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นห้องดัง แกร๊ก… แกร๊ก… ท่ามกลางความเงียบของทุกสายตาที่จับจ้อง เธอนั่งลงอย่างระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ” ในจังหวะนั้นเอง สายตาคมของเดย์ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังก็เผลอสบเข้ากับเธอพอดี เพียงเสี้ยววินาที แต่เหมือนเวลาทั้งห้องหยุดนิ่ง แววตานั้นนิ่ง เรียบ แต่เต็มไปด้วยบางอย่างที่คาริสาอ่านออก… ความไม่พอใจ หรืออาจเป็นห่วง เธอเองก็ไม่แน่ใจ คาริสาหลบตาอย่างรวดเร็ว มือเรียวกำชายกางเกงไว้แน่นใต้โต๊ะ พยายามบังคับหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงเกินไป “รู้จักกันไว้สิลูก ไหน ๆ ริสาก็ยังไม่เคยเห็นหน้า…” เสียงของคุณพัชรีดังขึ้นอย่างตั้งใจ เธอหันมาทางคาริสาก่อนจะปรายตาไปยังชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ “ริสา นี่คุณเกริงพล ลูกชายคนเดียวของตระกูลคาแบล็ค เขามีร้านทองใหญ่ทั่วประเทศเชียวนะ” “ฮ่า ๆ คุณป้าก็พูดเกินไปครับ” เกริงพลหัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มอบอุ่นแต่ฟังดูประดิษฐ์เล็กน้อย “จริง ๆ ก็ไม่ใช่ของผมหรอกครับ ทั้งหมดเป็นของคุณพ่อท่านทั้งนั้น ผมแค่ช่วยดูแลเฉย ๆ ครับ” คาริสาเหลือบตามองเขาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนพูดเสียงเรียบเย็น “ริสาไม่ได้อยากรู้ค่ะ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าค่ะ” เสียงในห้องเงียบลงชั่วขณะ มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานเบา ๆ จากอัญชันที่แทบไม่กล้าหายใจแรง “คาริสา มีมารยาทหน่อย” น้ำเสียงเข้มของคิริวดังขึ้นจากอีกฝั่งของโต๊ะ เขาวางแก้วน้ำลงเบา ๆ ดวงตาคมจ้องน้องสาวนิ่งอย่างตำหนิ คาริสาหันไปมองพี่ชาย แววตาแข็งกร้าวขึ้นในทันที “เฮียก็รู้ใช่ไหม ว่าริสาไม่อยากแต่ง แล้วทำไมต้องให้มารยาทกับคนที่ไม่ได้อยากรู้จักด้วยล่ะ?” คุณพัชรีถึงกับวางช้อนลงบนจานเสียงดัง แกร๊ง! “คาริสา!” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตึงเครียดขึ้นอีกขั้น เดย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังคิริวกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนเกริงพลเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ เหมือนไม่ถือสา แต่แววตาที่มองคาริสาราวกับมีบางอย่างมากกว่าความสุภาพธรรมดา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD