และใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น...
แล้วมันก็.........ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่าง เหมือนที่พี่ชายเธอต้องการจะให้เป็น...
“เฮ้ย!!”
สองพี่น้องอุทานออกมาพร้อมกันเสียงหลง มองหน้ากันแบบงงๆ...วันนี้พวกเขา เฮ้ย! ไปกี่ทีแล้ววะเนี่ย
วาสุกรียืนทื่อ..ก่อนยกมือขึ้นตบข้างแก้มตัวเองเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝัน..
เพราะว่าไอ้ที่อยู่ในอุ้งมือของน้องชายนั่นมันคือหลักฐานให้เห็นชัดๆ ด้วยตาเนื้อ
รึเปล่า!...
มันใช่นะ!..
ใช่ไหมวะ...
เออ...สมองของเขากำลังERROR รวนไปแล้ว...ต้องรีเซตระบบใหม่ทั้งหมดก็คราวนี้แหละมั้ง...
หนุมานอยากให้พี่ชายตบกบาลเขาบ้างแต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่า ฝ่ามือของพี่ชายอาจทำให้สมองของเขาเตลิดออกไปแล้วหาทางกลับไม่เจอนี่นะสิ..มันจะยุ่งกันใหญ่
“วันนี้ผมไม่ไปกองถ่ายแล้วนะพี่งู ผมจะอยู่กับลูกกวางให้น้องมันสอนวิชาให้ดีกว่า ผมว่านะ...อยู่กับหลวงตาน้องต้องมีอะไรดีมากกว่านี้แน่เลย พี่ว่าไหม”
“จะว่าห่าอะไรละ...คิดเหมือนแกแหละ วันนี้พี่ไม่เข้าบริษัทแล้วว่ะ... ช่างแม่ง! ป่ะ เราตามลูกกวางไปดีกว่า...เดินออกจากห้องไปแล้วนั่น เดี๋ยวไม่ทัน...”
สองพี่น้องเดินตามกรรวีออกไปโดยไม่สนใจอีกคน ที่ทำหน้าเหรอหราอยู่บนเตียงคนเดียว
“ไอ้พวกบ้าเอ้ย..เด็กนั่นเล่นกลให้ดูก็เชื่อ...ควายเรียกพี่ทั้งคู่..โง่แม่ง!สัด! ”
มนต์พยัคฆ์ก่นด่าตามหลัง ก่อนลงจากเตียงตามไปด้วยอีกคน…
ห้องพระภายในบ้านของมนต์สิงหา ดูแคบไปถนัดตา เมื่อมีร่างใหญ่ของลูกชาย เข้ามาอยู่รวมกันทั้งสามคน
กรรวีจึงเอ่ยถามเมื่อเห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องเดินตามเข้ามาด้วย
“สองคนพี่น้องนี่จะเข้ามาทำไมกันคะพี่งูพี่ลิง”
“มาดู...ตาที่สามของลูกกวางนั่นแหละ” หนุมานเป็นตัวแทนเอ่ยบอกน้องสาว ส่งสายตา แกมขอร้องมาให้ เหมือนจะบอกว่า ขออยู่ตรงนี้ด้วยคนนะ
“พวกพี่เชื่อกันด้วยเหรอคะ”
“เชื่อครับ!”สองพี่น้องเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน
ลองบอกว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้ดูของดีวันนี้น่ะสิ..
เชื่อหรือไม่ กวางอยากให้พวกพี่ใช้วิจารณญาณนะคะ....
“ว่าแต่พี่ขอถาม..”
“อย่าเพิ่งถามตอนนี้เลยค่ะพี่ลิง...ใกล้ถึงเวลาแล้ว..ปิดประตู แล้วเปิดหน้าต่างให้ทีนะคะพี่ลิง... คุณเสือนอนลงค่ะ...หันเท้าออกทางหน้าต่างนะคะ”
กรรวีเอ่ยแทรกขึ้นมาตัดบท...ประโยคหลังหญิงสาวจึงหันไปสั่งทั้งหนุมาน และคนตัวโตที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่นั่น ดูจากสีหน้า ผลไม้ทิพย์เสกของหลวงตาที่เธอให้เขากลืนลงไป อาจกำลังต้านทางนั้นไม่อยู่แล้ว หากช้ากว่านี้ มนต์พยัคฆ์อาจมีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาได้...
ถึงแม้ว่า มนต์พยัคฆ์จะถูกมนต์ดำขั้นพื้นฐานเล่นงาน เหมือนจะแค่ลองวิชาที่ตัวเองมี...แต่ถ้าร่างกายของคนที่โดนเข้าไปสู้ไม่ไหว ก็ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน
มนต์พยัคฆ์เม้มปากเมื่อได้ยินกรรวีสั่ง แต่ก็ยอมทำตามโดยไม่ได้พูดอะไร เพราะเวลานี้ ภายในร่างกายมันรู้สึกว่า ความปวดกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกหน...นึกโมโหไอ้น้องสองตัวนั่นขึ้นมา ที่มัวแต่ดึงเวลาถามยายเด็กนั่นจนลืมพี่ชายไปอย่างเขาไปเลย
“พี่ลิงกับพี่งูมานั่งทางขวากับแม่ค่ะ”
“อ๊ะ!ทำ...”
“อย่างเพิ่งถามนะคะ...ทำตามที่บอกก่อนเดี๋ยวไม่ทันค่ะ”
คำถามของวาสุกรีไม่สมบูรณ์ ...เพราะกรรวีชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาก่อน…. ก็แบบนี้ทุกทีเหอะ!
มนต์พยัคฆ์ทอดตัวนอนขนานไปกับหิ้งพระ โดยมีกรรวีนั่งอยู่เคียงข้าง....เขาจึงมองเห็นร่างบางได้ถนัดตา...
คิดถึงเรื่องที่เคยทำกับเธอไว้ มันแว๊บเข้ามาในสมองของเขาเองโดยไม่รู้ตัว...
เจอหน้ากันทีไร...ไม่ถูกด่าก็ถูกเขาเอ่ยปากไล่...แต่เธอกลับไม่เคยโกรธ...
หรือโกรธแต่ไม่แสดงออกกันวะ.. อาจจะแอบด่าเขาลับหลังไหม…แล้วจะมาคิดบ้าอะไรตอนนี้กันนะ...จะเกลียดเธออย่างไรคงไม่ใช่เวลานี้แล้ว
เขาสังเกตุเด็กสาวในชุดขาวทั้งตัว..ผมยาวสลวยสีน้ำตาลถูกขมวดเป็นปมจุกมัดไว้กลางศีรษะแบบลวกๆ...ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางใดๆ ให้เห็น มันเนียนใสผุดผ่องมีออร่า แตกต่างจากเด็กสาวในวัยเดียวกันจริง ๆ ด้วยนะเขาว่า
เธอแต่งกายเหมือนคนถือศีลที่เขาเคยเห็นทั่วไปตามวัดที่ปฏิบัติธรรม...ในเวลานี้กลับกลายเป็นอาจารย์ปราบผีไปเสียแล้ว...เพียงแต่ว่า เธอไม่มีปะคำลูกโต ๆ สวมคอเหมือนหมอผีที่เขาเคยเห็นในละครหลังข่าวเท่านั้นแหละ…
แต่ถ้าดูเธอด้วยสายตาของเขาในเวลานี้นะ..เขากำลังมองว่า.. เธอบริสุทธิ์...สว่าง...และอบอุ่น...เหมือนชื่อของเธอ
กรรวี ที่แปลว่ารัศมีแห่งพระอาทิตย์ สาวน้อยวัยสิบแปดแต่คำพูดและการกระทำนำหน้าอายุเธอไปหลายปีเลยทีเดียว
ทุกคนในห้องพระพร้อมใจกันเงียบเสียงลง...สายตาทุกคู่ไปกองรวมกันอยู่ที่กรรวีเพียงคนเดียว...
ดูทุกเม็ด เก็บทุกช็อตโดยไม่ให้คลาดสายตาเลยสักวินาทีเดียว…
และไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสาวน้อยตรงหน้า ไปฝึกวิชาแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
“ถ้าเห็น หรือได้ยินเสียงอะไรกวางอยากให้ทุกคนตั้งสติ อย่าตกใจนะคะ..ทำได้ไหม”
กรรวีเอ่ยถาม กวาดสายตามองทุกคน เพื่อรอคำตอบจากคำถามที่เธอถามเมื่อครู่…ทุกคนพยักหน้าหงึก แทนคำตอบด้วยเสียง
หญิงสาวจึงเริ่มจุดธูปเทียนบูชาพระ ตามที่หลวงตาสั่งมาทางจิต ที่มีแต่เธอเพียงคนเดียวที่ได้ยิน
ใช่! กรรวีสามารถสื่อสารกับหลวงตาได้...และผลไม้ทิพย์ลงคาถา ก็มาจากหลวงตาด้วยเช่นกัน...ของจากป่าหิมพานต์..ระดับเธอคงยังไปไม่ถึงหรอก...แต่ก็อยากไปบ้างสักครั้งเหมือนกันนะ
“คุณเสือต้องอดทนหน่อยนะคะ อาจทรมานมากกว่าเดิมถึงสองเท่า...เอ๊ะ!.ค่ะ”
กรรวีชะงักคำพูด และเหมือนจะรอฟังอะไรสักอย่าง จากใครสักคน จากที่มนต์พยัคฆ์จับสังเกตุได้...
แล้วอยู่ ๆ ก็ปรากฏลูกกลมๆ ดำๆ เหมือนที่เคยยัดใส่ปากเขาเมื่อเช้านี้ อยู่กลางฝ่ามือเล็กๆ ของเธอในจังหวะนั้นพอดี
เฮ้ย!...เขาไม่ได้ตาฝาด...เธอเสกมันขึ้นมาได้จริงเว้ยเฮ้ย...แม่มดหรือเปล่าวะเนี่ย...จะกลัวหรือเกลียดดี เวลานี้เริ่มแยกไม่ออกแล้ว
ไม่กล้าแม้จะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ...เหมือนถูกสะกดให้อยู่กับที่....ด้วยประกายตาวาวหวานคู่นั้น…