***ปัจจุบัน***
@โรงพยาบาล P. Hospital
-โรงอาหาร-
"เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่คุณหมอ CEO ลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลลงมาทานข้าวกับดิฉันที่โรงอาหาร" น้ำตาลแซวเพื่อนสาว
"แหม่แกก็พูดเกินไป แกก็รู้ว่างานฉันยุ่ง"
"ค่ะ ทราบค่ะ นี่ขนาดเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวจะไปดูงานเมืองนอกตั้ง 3 เดือน ยังมาเลี้ยงส่งได้แค่โรงอาหารเลย" น้ำตาลมุ่ยหน้า
"โอ๋ๆ แกอย่างอนเลยนะ เอาไว้แกกลับมาเมื่อไร ฉันสัญญาว่าจะพาแกไปเลี้ยงห้องอาหารโรงแรม 5 ดาวเลย"
"มันต้องอย่างนี้สิค่ะคุณหมอน้ำพิง"
"ทำอะไรอยู่ครับสาวๆ อ้ะนี่ครับพี่ซื้อกาแฟมาฝาก ของหมอน้ำตาล คาปูชิโน่หวานน้อย ส่วนของหมอน้ำพิงอเมริกาโน่เพิ่มไซรัป 1 ช็อต" เสียงของชานนท์คุณหมอหนุ่มหน้าตาดีอนาคตไกลเดินตรงเข้ามายื่นกาแฟให้สาวๆ และนั่งลงพูดคุยด้วยเป็นปกติ
"หืมม...หมอนนท์นี่รู้ใจยัยน้ำพิงจริงๆเลยนะคะ ว่ามั้ยคะคุณหมอน้ำพิง" น้ำตาลหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มให้น้ำพิง
"ขอบคุณมากนะคะหมอนนท์" น้ำพิงยิ้มขอบคุณ
"ไม่เป็นไรครับพี่เต็มใจ" ชานนท์ยิ้มกว้างให้น้ำพิง
"อ่อ...เดี๋ยวน้ำตาลขอตัวก่อนนะคะหมอนนท์ อยู่ดีๆก็นึกขึ้นได้ว่ามีเคสด่วน ไปก่อนนะแก" น้ำตาลรีบลุกออกไปทันที จริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีงานด่วนอะไรหรอกแค่อยากจะเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 อยู่ด้วยกันแค่นั้น
"อ้าว..เดี๋ยวสิน้ำตาล อะไรของเค้า" น้ำพิงส่ายหน้าไปมาเบาๆ
"เอ่อ...หมอนนท์ทานอะไรมารึยังคะทานด้วยกันไหม" น้ำพิงหันไปถามชานนท์
"เรียบร้อยมาแล้วครับ ขอบคุณมากครับ แล้ววันนี้นึกอย่างไงลงมาทานข้าวที่โรงอาหารได้ล่ะครับปกติเห็นทานอยู่แต่ในห้องทำงาน"
"พอดียัยน้ำตาลจะไปดูงานที่ต่างประเทศตั้ง 3 เดือนนะคะ ก็เลยลงมาทานข้าวด้วยกันเป็นการเลี้ยงส่ง ช่วงนี้งานเยอะไม่ค่อยมีเวลาก็เลยมาไกลสุดได้แค่โรงอาหาร" น้ำพิงตอบกลับอย่างยิ้มๆ
"อย่าโหมงานหนักมากสิครับ นี่รู้ไหมหมอน้ำพิงผอมลงไปเยอะเลยนะ" ชานนท์มองไปที่ร่างบางผอมเพรียว
"จริงหรอคะนี่ทำไมน้ำพิงไม่รู้ตัวมาก่อนเลย" น้ำพิงเอามือจับแก้มทั้ง2 ข้างลูบไปมา
"แล้วนี้อิ่มแล้วหรอครับไม่เห็นตักอาหารเลย หรือพี่มากวนรึป่าว"
"ไม่ใช่หรอกค่ะ จริงๆอิ่มตั้งนานแล้วแต่นั่งคุยกับยัยน้ำตาลเฉยๆ นี่ก็ว่าจะขึ้นไปทำงานต่อแล้ว"
"เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นขอพี่เดินไปเป็นเพื่อนได้ไหมครับ"
"ได้ค่ะ งั้นไปกันเลยก็ได้ค่ะ" ทั้งคู่ลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินออกไป
ระหว่างทางทั้งคู่ก็พูดคุยสารทุกข์สุขดิบไปเรื่อย จนมาถึงหน้าห้องทำงานของน้ำพิง
"ขอบคุณนะคะสำหรับกาแฟ แล้วก็ขอบคุณที่เดินมาเป็นเพื่อนด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ แต่จริงๆไม่ได้อยากเดินมาเป็นเพื่อนนะครับ อยากเดินมาเป็นแฟนมากกว่า" ชานนท์บอกความในใจอย่างไม่เคอะเขิน
"หมอนนท์คะ!!" น้ำพิงเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นแต่แค่เธอไม่พร้อมจะเปิดใจเท่านั้นเอง
"นี่ก็ปีกว่าเเล้วนะครับ ไม่ใจอ่อนบ้างหรอ" ชานนท์ทำสายตาออดอ้อน
"หมอนนท์เสียเวลากับฉันมากไปรึป่าวคะ"น้ำพิงเองก็รู้สึกเห็นใจเขาไม่น้อยแต่จะให้ตกลงคบกับเขาเพราะความเห็นใจมันคงไม่แฟร์
"ไม่หรอกครับ ตราบใดที่หมอน้ำพิงยังไม่มีใครพี่ก็จะไม่หยุดพยายาม" ชานนท์ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "งั้นพี่ไม่รบกวนหมอน้ำพิงแล้วครับ เชิญหมอน้ำพิงตามสบายเลยครับ พี่ไปก่อนนะครับ" ชานนท์พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
"อะแฮ่ม...เห้อใจเเข็งจริงนะ น่าสงสารหมอนนท์เหมือนกันนะตามจีบมาเป็นปีๆ น้องพี่ยังไม่ใจอ่อนสักที" ภูดิศผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดีอดเห็นใจหมอหนุ่มไม่ได้
"ก็...น้องยังไม่พร้อม น้องอยากทำงานก่อน ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องงานน่ะคะ"
"หึ...เรามันโหมงานหนักไปเองรึป่าว พี่จะบอกอะไรให้นะ งานหนักมันไม่ได้ทำให้ลืมได้หรอกนะ อย่าเอาอดีตมาปิดกั้นคนดีๆที่เข้ามาหาสิ เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอนนท์หรอกนะ แต่พี่อยากให้เราเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ที่ทำให้เรามีควาสุข" ภูดิศรู้ดีว่าน้องสาวไม่เคยลืมเรื่องที่ผ่านมาได้เลย
"ค่ะ...เอาเป็นว่าน้องจะพยายามนะคะ แต่ตอนนี้มันยังไม่พร้อมจริงๆ น้องขอตัวไปดูเองสารการประชุมพรุ่งนี้ก่อนนะคะ" พูดจบน้ำพิงก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน ส่วนภูดิศก็ได้แต่ยืนถอนหายใจตามหลังน้องสาวไป
-วันถัดมา-
ึ@โรงพยาบาล P. Hospital
•ห้องประชุม
"เข้าเรื่องเลยนะครับ ทุกคนคงจำโครงการที่เราร่วมทุนทำวิจัยยากับบริษัททางอังกฤษอยู่แล้วนะครับ ผมขอแนะนำมิสเตอร์J. ให้ทุกคนได้รู้จักนะครับ นี่มิสเตอร์J.ตัวแทนจากบริษัทแม่ที่ร่วมลงทุนกับเรา และวันนี้ก็มีนักวิจัยเดินทางมากับมิสเตอร์J. ด้วย ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตให้นักวิจัยเข้ามาแนะนำตัวหน่อยนะครับ" ภูดิศกล่าวนำวาระประชุม
มิสเตอร์J. พยักหน้าแล้วบอกผู้ช่วยสาวให้ไปตามนักวิจัยเข้ามาด้านใน
ตึก ตึก ตึก ~ เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้องประชุม
"สวัสดีครับทุกท่าน ผม เวไนย อัครากุล เป็นหัวหน้าทีมนักวิจัยที่จะมาร่วมทำวิจัยจากบริษัทแม่นะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
ปึก~ ปากกาในมือของน้ำพิงหลุดล่วงลงจากมือทันทีที่ได้ยินชื่อของเขา น้ำพิงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยืนแนะนำตัวอยู่หน้าห้องประชุม
'ไม่จริง ทำไม ทำไมถึงเป็นเค้าไปได้' น้ำพิงคิดอยู่ในใจอยู่แบบนั้น
ใช่แล้วผู้ชายคนนี้คือผู้ชายใจร้ายที่เคยเป็นรักแลกและรักเดียวของเธอ คือคนที่ย่ำยีหัวใจของเธออย่างไม่ใยดี
เวไนยแนะนำตัวเองเเละทีมเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆ มิสเตอร์J. ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้ำพิงพอดีเขามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยหน้านิ่งไร้ความรู้สึก แตกต่างจากเธอที่นั่งก้มหน้าซีดไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองหรือสบตาเขาเลย การประชุมดำเนินไปจนจบ เมื่อเสร็จจากการประชุมน้ำพิงก็รีบตรงไปที่ห้องทำงานทันที
"คุณหมอน้ำพิงไม่สบายรึป่าวค่ะน่าซีดๆ" พยาบาลสาวที่เดินผ่านมาร้องทักขึ้น
"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่มึนๆนิดหน่อย" พูดเสร็จน้ำพิงก็รีบสาวเท้าไปต่อจนถึงห้องทำงานของเธอแล้วปิดประตูแน่น
'ถ้าได้เจอเธออีกครั้งฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอมีความสุข'
คำพูดนั้นมันดังก้องอยู่ในหัวของเธอไม่หยุด น้ำพิงทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ประสานมือแน่นวางอยู่บนโต๊ะ นั่งตัวสั่นเทาดวงตาแดงกล่ำและน้ำตาค่อยๆไหลคลอเต็มสองเบ้า
"ทำไม ทำไม ทำไมต้องมาเจอกันอีกด้วย" ทั้งทีก็พยายามลืมไปหมดแล้ว แต่พอเห็นหน้าเค้าใจที่มันเคยแกร่งก็กลับกลายเป็นอ่อนแอไปในทันที
"ไม่!! เราห้ามอ่อนแอ เราจะไม่ยอมให้คนเลวๆมาทำร้ายเราอีก" น้ำพิงตตั้งสติอยู่พักใหญ่กว่าจะดึงสติตัวเองกลับมาได้
ก๊อก ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"หมอน้ำพิงนี่พี่หมอนนท์นะ ขอเข้าไปได้ไหมครับ"
"เอ่อ...ค่ะเชิญคะ"น้ำพิงเดินไปเปิดประตูให้หมอหนุ่ม "หมอนนท์มีอะไรรึป่าวคะ"
"เห็นพยาบาลบอกว่าตอนหมอน้ำพิงออกมาจากห้องประชุมหน้าตาดูซีดๆ เหมือนไม่สบายพี่ก็เลยแวะมาดูน่ะ" ชานนท์พูดด้วยความเป็นห่วง
"อ่อ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะแค่มึนๆนิดหน่อย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ"
"เเล้วนี่ทานอะไรรึยังครับ เดินไหวไหม ไปทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกันไหมครับ"
"เอ่อ...ก็ได้ค่ะหิวอยู่พอดี" น้ำพิงตอบตกลงเพราะอยากทำตัวให้ปกติที่สุด
-โรงอาหาร-
"ทานอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้"
"เอ่อ...ไม่รู้เหมือนกันค่ะเลือกไม่ถูก"
"งั้น ราเมนไหมครับซดน้ำซุปร้อนๆ จะได้รู้สึกโล่งขึ้น"
"เอาแบบนั้นก็ได้"
"งั้นเชิญนั่งรอทางนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวพี่บริการเอง" ชานนท์ทำท่าโค้งตัวลงผายมือไปทางโต๊ะ
"อิอิ ค่ะ" น้ำพิงอดขำให้กับท่าทางของเขาไม่ได้
น้ำพิงนั่งรออยู่ครู่หนึ่งชานนท์ก็ยกราเมนชามโตมาให้
"ขอบคุณค่ะ หือ...น่ากินจังค่ะ"
"ทานเยอะๆ นะครับผอมแย่เเล้ว" ชานนท์นั่งมองน้ำพิงแทบไม่ละสายตาราวกับถูกมนต์สะกดไว้
ทั้งคู่นั่งพูดคุยอย่างสนิทสนม สำหรับน้ำพิงแล้วนอกจากเพื่อนสนิทอย่างน้ำตาลแล้ว ก็มีหมอชานนท์นี่แหละ ที่พูดคุยเป็นเพื่อนได้ถึงแม้จะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็ตาม
"หึ..มารยาสาไถ เป็นง่อยรึไงต้องให้ผู้ชายมาบริการ" เวไนยที่ยื่นหลบมุมดูคนทั้ง 2 สถบขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
"นับถอยหลังความสุขของเธอไปได้เลยหมอน้ำพิง" เวไนยแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไป
@คอนโด'เวไนย'
ซ่า ซ่า ~ เสียงสายน้ำที่ไหลเป็นสายออกมาจากฝักบัวไหลกระทบกับร่างกายหยดลงพื้นห้องน้ำ เขายืนนึกทบนทวนถึงเหตุการณ์ที่เขาได้เห็นในวันนี้ มันทำให้เขาหงุดหงิดใจยิ่งนัก
เวไนย talk
พอนึกถึงหน้ายัยคุณหมอนั้นกำลังยิ้มหน้าระรื่นให้กับไอ้หมอหน้าแหลมนั้นมันน่าหงุดหงิดชะมัด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะพวกนั้นมันเป็นของผมมาก่อน รวมถึงตัวเธอด้วย ใช่ผมไม่มีวันยอมให้ของๆ ผมถูกแย่งไปง่ายๆหรอก ยัยนั้นไม่มีสิทธิ์มีความสุขถ้าผมไม่มีความสุข
แกร๊ก~ เวไนยปิดฝักบัวแล้วเดินออกมาเช็ดตัวที่หน้ากระจกเงาตรงเคาเตอร์อ่างล้างหน้าแล้วจ้องไปที่บานกระจก
"หมดเวลาสนุกแล้ว'น้ำพิง'ที่รัก ฉันปล่อยโอกาสให้เธอมีความสุขมานานมากและต่อไปเตรียมตัวพบกับขุมนรกได้เลย"
--แบบนี้เรียกว่าหึงรึป่าวนร้าาา--