11.30 น.
(สวัสดีจ้าดิน)
“ครับน้ำ เรารออยู่ล็อบบี้คอนโดนะ” ผมกดโทรศัพท์หาเธอเมื่อมาถึงที่พักของเธอ เพราะคอนโดของเราเป็นโครงการเดียวกัน การตกแต่งจึงคล้ายๆ กัน ผิดที่โครงการที่น้ำอยู่เป็นอาคารสีขาว ส่วนของผมเป็นอาคารสีดำ
(ดินมาถึงแล้วหรอ เรานัดกันบ่ายโมงนี่นา)
“ครับ นัดบ่ายโมง เรามาก่อนเวลาเพราะเราต้องกินข้าวกันก่อนไง”
(กินข้าวหรอ โอเคจ้า น้ำก็ยังไม่ได้กินเลย เดี๋ยวเราไปกินที่ห้างแล้วกันนะ)
“ครับ”
(ค่ะ น้ำจะลงไปเดี๋ยวนี้เลย)
ผมรออยู่ไม่นาน ก็พบผู้หญิงตัวเล็กที่ผมอาสาจะพาเธอไปซื้อหนังสือ วันนี้เธอสวมเดรสสั้นสีชมพูอ่อน และสวมแจ็คเก็ตยีนสีขาวทับอีกที ปล่อยผมดัดลอนยาวถึงกลางหลัง สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีขาว เดินถือกระเป๋ารูปสตรอว์เบอร์รีสีแดงมาหาผม เมื่อคืนเธอยังเป็นผู้หญิงที่สวยและเซ็กซี่มากๆ แต่กลางวันเธอกลับเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักน่าทะนุถนอม แต่ไม่ว่าจะลุกไหนผมก็ประทับใจทั้งนั้น
ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาก่อนเวลา ทั้งที่เมื่อคืนฉันเห็นว่าเขาดื่มไปเยอะพอสมควร เรื่องเมื่อคืนนี้ถ้าไม่ได้เขาช่วยไว้ฉันคงแย่ ยอมรับเลยว่าฉันตกใจมากจริงๆ ผู้ชายขี้เมาคนนั้นน่ากลัวมาก แต่ดินเองก็น่ากลัวไม่แพ้กัน เห็นหน้าเขาตอนโกรธแล้วทำให้ฉันขนลุกชะมัด หมัดเขาคงหนักน่าดูเพราะผู้ชายคนนั้นโดนเขาต่อยทีเดียวก็ล้มลงไปนอนปากแตกอยู่ที่พื้นแล้ว ถ้าฉันไม่ห้ามเขาไว้ผู้ชายคนนั้นจะมีสภาพเป็นยังไงฉันก็ยังไม่แน่ใจ วันนี้ฉันตั้งใจจะเลี้ยงข้าวเขาเป็นการขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวานที่เขาช่วยฉันไว้และเรื่องที่เขาอาสาพาฉันไปซื้อหนังสือด้วย เมื่อออกมาจากลิฟต์ ฉันก็พบดินที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ วันนี้เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีดำคลุมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนสีดำอีกที สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ เป็นลุคที่แบดแบบสุดๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเท่มากจริงๆ
“รอน้ำนานหรือเปล่าดิน”
“ไม่ครับ แล้วแขนน้ำเป็นยังไงบ้าง” ผมถามเพราะเป็นห่วง
“เขียวคล้ำเลยจ้า น้ำคงใส่เสื้อแขนกุดไม่ได้อีกหลายวันเลยล่ะ น้ำทายาที่ดินซื้อให้แล้วนะ”
“ดีครับ ทาทุกวันล่ะ ห้ามลืม จะได้หายไวๆ”
“รับทราบครับผม” เธอทำท่าวันทยหัตถ์แบบนายทหารได้อย่างน่ารัก
“ดีมากครับ วันนี้นอกจากซื้อหนังสือแล้วน้ำจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“น้ำว่าจะซื้อหนังสืออย่างเดียวนะ แต่ก่อนอื่นไปหาของอร่อยๆ กินก่อนแล้วกัน มื้อนี้น้ำขอเป็นเจ้ามือนะ น้ำอยากขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนที่ดินช่วยน้ำและยังมาช่วยน้ำซื้อหนังสือวันนี้ด้วย” ฉันยิ้มให้เขา แต่เขากลับขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่
“......”
“มีอะไรหรือเปล่าดิน”
“เราไม่เคยให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว” ฉันอึ้งในคำตอบของเขา มีด้วยหรอผู้ชายที่ไม่เคยให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว
“แต่น้ำอยากเลี้ยงขอบคุณดินจริงๆ นี่นา”
“เราช่วยน้ำเพราะอยากช่วยไม่ได้หวังให้น้ำมาตอบแทน” เขาพูดกับฉันหน้านิ่ง ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าไม่ชอบใจเท่าไหร่
“ให้น้ำทำอะไรเพื่อเป็นการขอบคุณดินเถอะนะ ไม่อย่างนั้นน้ำคงไม่สบายใจ”
“เปลี่ยนจากเลี้ยงข้าวเป็นอย่างอื่นแล้วกันนะน้ำ”
“ดินอยากได้อะไรล่ะ”
“น้ำอยากให้อะไรก็แล้วแต่น้ำเลย ไปกันเถอะ” พูดจบเขาก็เดินไปเปิดประตูรถรอฉัน
“แล้วน้ำจะคิดดูนะ” ฉันเดินตามเขาไปขึ้นรถ เขาขับรถซูเปอร์คาร์สีดำมารับ เมื่อขึ้นมานั่งบนรถฉันก็จำได้ว่าเป็นรถคันเดียวกันกับเมื่อคืน คงเพราะยังไม่หายจากอาการตกใจจึงไม่รู้ว่าเขาขับซูเปอร์คาร์ แล้วผู้ชายที่ขับรถราคาแพงขนาดนี้ฉันจะต้องซื้ออะไรขอบคุณเขากันล่ะ
เพราะวันนี้เป็นวันหยุดท้องถนนจึงแน่นขนัดไปด้วยรถที่สัญจรไปมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงห้างสรรพสินค้าที่เรากำลังจะไป คนต้องเยอะมากแน่นอน แล้วยิ่งช่วงเวลาใกล้เที่ยงด้วยแล้วคนยิ่งมากกว่าวันปกติเป็นหลายเท่าตัว
“วันนี้รถติดมากเลย” เธอพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบภายในรถ ที่ผมต้องขับๆ หยุดๆ มากว่ายี่สิบนาทีแล้ว
“วันหยุดรถติดอยู่แล้ว แต่น้ำก็ยังเลือกมาวันนี้” ผมหงุดหงิด ไม่ใช่หงุดหงิดที่ต้องพาเธอมาห้างหรอกนะ แต่หงุดหงิดการจราจรในเมืองหลวงของบ้านเรามากกว่า
“ก็น้ำกะว่าพรุ่งนี้น้ำจะอ่านก่อนเรียน เลยต้องซื้อวันนี้ไง” เธอตอบอย่างรู้สึกผิด
“ขยันจริง วันหยุดคนอื่นเขาไปเที่ยวกัน แต่น้ำจะอ่านหนังสืออยู่ห้อง หึ หึ หึ”
“แบ่งเวลาไงดิน อย่าบอกนะว่าดินไม่เคยอ่านหนังสือเลย”
“เรามันพวกไบร์ท เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ”
“ขนาดนั้นเชียว ขี้โม้หรือเปล่า”
“หึ หึ หึ”
“โม้แน่ๆ”
หลังจากหลุดพ้นจากสภาพการจราจรบนท้องถนนมาได้ก็เกือบจะเที่ยงครึ่ง เราก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าเป้าหมาย ผมเลือกจอดรถใกล้กับโซนร้านอาหารเพราะคนข้างๆ ผมก็ดูท่าว่าจะหิวมากแล้ว
“น้ำอยากกินอะไร คิดหรือยัง” ผมถามเพื่อให้เธอเป็นคนเลือกร้าน
“นั่นสินะ กินอะไรดี” เธอคิดอย่างลังเล
“ถึงแล้วครับ รีบคิดเลยนะ”
“สเต๊กดีไหม หรือกินข้าวดี”
“เลือกมาสักร้านเถอะครับ เราหิวจนกินน้ำได้ทั้งตัวแล้ว” ผมแค่พูดหยอกเธอเท่านั้น เพราะเหมือนว่าเธอจะยังคิดไม่ได้ว่าอยากจะกินอะไรเป็นมื้อเที่ยง ทั้งๆ ที่เราเดินผ่านร้านอาหารมาแทบจะทุกร้านแล้ว แต่เธอก็ยังเลือกไม่ได้ซะที
“ร้านนี้เลย ร้านนี้” เธอเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่เรากำลังจะเดินผ่าน คงเพราะผมแกล้งบ่นว่าหิวเธอเลยเลือกร้านนี้แน่ๆ
พนักงานต้อนรับนำเรามาที่โต๊ะว่างด้านใน และนำเมนูมาให้โดยแจ้งว่าจะมารับรายการอาหารในภายหลัง เธอให้ความสนใจกับเมนูอาหารโดยพลิกอ่านเมนูทุกหน้า กิริยานั้นทำให้ผมนึกเอ็นดู เธอคล้ายเด็กที่สนใจของกินหน้าตาสวยงามและเหมือนจะชอบทุกเมนู
“ดินแพ้อะไรบ้างหรือเปล่า น้ำแพ้กุ้งขาว กินไม่ได้เลย อย่างอื่นกินได้หมด” เธอเงยหน้าจากเมนูที่เธอให้ความสนใจมากเพื่อถามผม จึงทำให้ผมเข้าใจว่าที่เธออ่านทุกเมนูเพราะเธอแพ้อาหารบ้างชนิดนี่เอง
“เราไม่แพ้นะ เรากินได้หมด น้ำเลือกได้หรือยังว่าอยากกินอะไร”
“ได้แล้วจ้า สั่งอาหารกันเลยนะ” เธอมองไปที่พนักงานที่ยืนรอให้บริการไม่ไกล
“รับอะไรดีคะ” พนักงานยิ้มให้เราพร้อมจรดปากกาเขียนรายการอาหาร
“สเต๊กปลาแซลมอน ทาโกะยากิ และสลัดทูน่าค่ะ”
“ของผมขอเป็นข้าวหน้าเนื้อกับเกี๊ยวซ่าแล้วกันครับ”
“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ” พนักงานจดรายการอาหารของเราอย่างคล่องแคล่ว ก่อนนะถามถึงรายการเครื่องดื่ม
“น้ำเปล่าค่ะ”
“น้ำเปล่าสองขวดครับ”
“น้ำเปล่าสองขวดน้ำแข็งสองแก้วนะคะ ลูกค้าจะรับรายการอาหารอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ”
“พี่ครับ รายการที่เราสั่งไปมีเมนูไหนที่ใช้กุ้งขาวเป็นส่วนประกอบไหมครับ” ผมถามเพื่อความแน่ใจว่าอาหารมื้อนี้จะไม่มีส่วนประกอบของกุ้งขาวที่เธอแพ้ ผมไม่รู้ว่าเธอแพ้รุนแรงขนาดไหน แต่เคยได้ยินมาบ้างว่าคนที่แพ้อาหารขั้นรุนแรงที่สุดถึงกับเสียชีวิตได้เลย
“ทุกรายการที่ลูกค้าต้องการไม่มีส่วนประกอบของกุ้งขาวค่ะ รออาหารสักครู่นะคะ” พนักงานทวนรายการอาหารให้เราฟังอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแล้วจึงเดินจากไป
“ขอบคุณที่เป็นห่วงน้ำนะดิน”
“เราอยากแน่ใจว่าน้ำจะไม่กินอะไรที่แพ้เข้าไป น้ำแพ้รุนแรงขนาดไหน”
“คัน และ ผื่นก็ขึ้นทั้งตัวเลย” เธอตอบผมและลูบแขนตัวเอง
“คงทรมานมากๆ”
“ทรมานมากเลยหละ เราเป็นตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นต้องไปหาหมอเลยได้รู้ว่าแพ้กุ้งขาว เพราะหลังจากกินไม่ถึงสิบนาทีก็มีอาการคันแถมผื่นก็ขึ้นทั้งตัว ดีที่เป็นตอนเด็ก ถ้าเป็นตอนนี้คงน่าเกลียดมากแน่ๆ”
“เลยต้องอ่านเมนูอย่างละเอียดเลยสินะ แล้วมีอย่างอื่นอีกไหมที่มีอาการแพ้”
“นอกจากกุ้งขาว น้ำก็กินได้หมดนะ กุ้งแม่น้ำ กุ้งทะเล เคยกินแล้วไม่แพ้ แต่ก็ไม่ค่อยกินหรอก ขึ้นชื่อว่ากุ้งส่วนใหญ่น้ำจะเลี่ยงไม่แตะมันเลยล่ะ”
เราคุยกันสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ บทสนทนาส่วนใหญ่ของเราจะมาจากเธอ เธอช่างคุยเหมือนในวันแรกที่ผมพบเธอ เธอพูดมากซะจนผมสงสัยว่าเธอเอาเรื่องราวพวกนี้มาจากไหน เธอเหนื่อยไหมที่พูดได้ตลอด แต่เธอไม่ได้ทำให้ผมเบื่อที่จะฟังเธอเลย ผมกลับเพลิดเพลินกับบทสนทนาและน้ำเสียงของเธอ จนลืมไปแล้วว่าวันนี้เรามาทำอะไรกันที่นี่ ผมไปจ่ายเงินที่จุดรับชำระเงิน