9

1411 Words
‘ติ๊ด ติ๊ด’ พวกเราคุยกันอยู่สักพัก เสียงสัญญาณเปิดประตูก็ดังขึ้นทำให้รู้ว่าน้องกับนุ่มนิ่มคงกลับมาแล้ว “นุ่มนิ่มโดนฉุด” น้องเดินหน้าบึ้งเข้ามาในครัวพร้อมกับวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ “ดิฟ!” ฉันกับหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกัน “หนึ่งบอกแล้วว่านุ่มนิ่มต้องโดนดิฟฉุดเข้าสักวัน” หนึ่งพูดขึ้นเซ็งๆ “ตอนนี้นุ่มนิ่มอยู่ที่ไหน ทำไมน้องไม่อยู่เป็นเพื่อนนุ่มนิ่มล่ะ” ฉันถามน้องที่กำลังนำอาหารออกจากกล่อง “อยู่ล็อบบี้หน่ะสิ นุ่มนิ่มบอกให้น้องขึ้นมาก่อน บอกขอเคลียร์กับดิฟก่อนแล้วจะตามขึ้นมา” “ให้มันได้แบบนี้สิ เป็นแบบนี้ประจำเลย ดิฟจะคลั่งรักนุ่มนิ่มมากไปแล้วนะน้ำว่า” “แต่นุ่มนิ่มก็ไม่ได้เดือดร้อนนะ ถึงจะไม่ได้ตอบรับดิฟ แต่ก็ไม่ได้ให้โอกาสใคร หนึ่งว่านุ่มนิ่มก็คงมีใจ แต่ยังไม่มั่นใจในตัวดิฟ เหมือนที่พวกเราไม่มั่นใจในตัวพวกหนุ่มๆ แต่ก็ยังยอมให้เขาวนเวียนอยู่ข้างๆล่ะมั้ง” “ใช้คำว่า ‘วนเวียน’ เหมือนวิญญาณเลยนะหนึ่ง แฮ่ๆ” น้องทำท่าผีหลอกล้อเลียนหนึ่ง ทำให้พวกเราอดขำไม่ได้ “น้ำคิดว่าพวกเขาคงดูออกว่าเรามีใจ” “หนึ่งก็คิดว่าเขารู้ แต่ถ้าเราไม่มั่นใจความรู้สึกของเขาว่ามั่นคงกับเรา มันก็ไม่น่าเสี่ยงนะ พวกเพลย์บอยเล่นด้วยไม่คุ้มหรอก” “นั่นสินะ” ฉันคิดถึงหลายๆ สิ่งที่ดินทำให้ฉันแล้วก็ได้แต่ปลง เขาดีกับฉันแต่ก็ยังไม่เลิกเจ้าชู้ ฉันไม่อยากเสียใจถ้าเข้าไม่จริงจังกับความสัมพันธ์ของเราจริงๆ ‘ติ่งต่อง ติ่งต่อง’ นุ่มนิ่มคงจะมาแล้ว “เดี๋ยวหนึ่งไปเปิดเอง” “มีอะไรเหลือให้นิ่มกินบ้างหรือเปล่า” นุ่มนิ่มเดินน่าเศร้าเข้ามาในครัวแต่ก็แสร้งทำว่าไม่มีอะไร “เป็นอะไรหรือเปล่านุ่มนิ่ม สีหน้าไม่ดีเลย” ฉันถามเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “ฮือ ฮือ ฮือ นิ่มไล่เค้าไปแล้ว” นุ่มนิ่มเอามือปิดหน้าพร้อมกับร้องสะอื้นออกมา “โถ่ นุ่มนิ่ม น้องน่าจะอยู่เป็นเพื่อนนุ่มนิ่ม ไม่น่าขึ้นมาก่อนเลย” น้องเข้ามากอดปลอบเพื่อน “นิ่มไม่อยากรักเค้าเลย ไม่น่ารักเค้าเลย” นุ่มนิ่มยังคงร้องไห้ไม่หยุด “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี๊ยะ” หนึ่งเข้ามากอดปลอบนุ่มนิ่มอีกคน “ไว้ให้นุ่มนิ่มสบายใจแล้วค่อยเล่าแล้วกันนะ” ฉันเข้าไปกอดปลอบเพื่อนอีกคน กลายเป็นว่าตอนนี้พวกเรากอดปลอบนุ่มนิ่มกันกลมเลย นุ่มนิ่มพยักหน้ารับ พวกเราพานุ่มนิ่มมานั่งที่โซฟาและให้เวลานุ่มนิ่มได้ปรับอารมณ์ ไม่นานนุ่มนิ่มก็เล่าเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาให้เราฟัง เพราะเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานเราจึงแบ่งปันความสุขปลอบโยนเมื่อเพื่อนทุกข์ใจ และเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันเสมอ “สบายใจแล้วก็ไปกินข้าวกันเถอะ เรื่องนี้คงต้องให้เวลานุ่มนิ่มกับดิฟคิดกันเองแล้วนะ” ฉันบอกเพื่อน เพราะเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนควรให้เจ้าตัวได้เป็นคนตัดสินใจเอง “มันคงจะดีกว่านี้ถ้านิ่มกับดิฟเป็นแฟนกัน แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ดิฟก็เจ้าชู้จนนิ่มกลัวว่าถ้านิ่มบอกรักดิฟ ดิฟจะทำให้นิ่มเสียใจ นิ่มไม่อยากเป็นเหมือนผู้หญิงพวกนั้นที่พอเบื่อเค้าก็ทิ้ง นิ่มก็เลยให้เค้าไป” นุ่มนิ่มพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด “พวกเราเนี๊ยะเป็นคนสวยที่ถูกสาปให้มาหลงรักพวกเจ้าชายสายดาร์กหรือยังไงนะ” หนึ่งบ่นถึงความรู้สึกที่พวกเรามีต่อพวกหนุ่มๆ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นความรักโดยที่เราไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือการรักษาระยะห่างไม่ทำให้ตัวเองตกไปเป็นของเล่นของคนที่ตัวเองรัก “บางทีน้องก็เหนื่อยกับการรักแดนเหมือนกันนะ เราต้องทนเห็นเค้ามีคนอื่นอีกนานแค่ไหน น้องอยากยอมแพ้แล้วเหมือนกัน” “มันเหนื่อยมากจริงๆ ใช่ไหมน้อง ฮือ ฮือ ฮือ” นุ่มนิ่มกอดน้องแล้วร้องไห้อีกครั้ง “น้องว่าคงถึงเวลาที่จะต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้หรือก้าวออกมารักษาเยียวยาหัวใจตัวเอง” “นิ่มตัดสินใจก้าวออกมาแล้ว มันเจ็บมากๆ เลย ฮือ ฮือ ฮือ” “จากนี้ไปก็ต้องเข้มแข็งนะนุ่มนิ่ม ยังไงพวกเราก็อยู่ข้างนุ่มนิ่มเสมอนะ” หนึ่งกุมมือให้กำลังใจเพื่อน “ไม่ร้องแล้วนะ ไปล้างหน้าแล้วไปกินข้าวกันเถอะ อีกเดี๋ยวเราต้องไปหาพี่หลินที่วีคลับ” ฉันเช็ดน้ำตาให้เพื่อนก่อนจะดึงตัวให้เพื่อนไปล้างหน้า “เป็นครั้งแรกที่นิ่มไม่อยากไปวีคลับมากขนาดนี้มาก่อน” “กินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ให้ผู้ชายเจ้าชู้รู้ไปเลยว่าผู้หญิงสวยอย่างเราไม่เอา ไม่ทนคนเจ้าชู้แล้ว” หนึ่งพูดปลุกใจเพื่อนให้กลับมาสดใสอีกครั้ง “วันนี้ก็แต่งตัวให้สวยจนผู้ชายทั้งวีคลับตะลึงไปเลยก็แล้วกัน” ฉันพูดสมทบและก็เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน เรานิ่งเงียบกันมานานจนผู้ชายพวกนั้น คิดว่าเรายอมรับกับความสัมพันธ์ที่ไร้ซึ่งสถานะมานานเกินไปแล้ว ถ้าความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีการพัฒนา ระยะเวลาที่เราห่างกันหลายเดือนคงอาจจะทำให้เราลืมพวกเขาได้ในสักวัน 21.00 น. “ขอมุมเงียบๆ นะครับพี่ชาติ” ผมบอกพี่ชาติพนักงานต้อนรับคนเก่าแก่ของวีคลับ พี่ชาติก็นำผมกับไอ้เดียวมาที่โต๊ะมุมในสุดติดห้องทำงานของพี่โจ้ “วันนี้มาแต่หัววันเลยนะครับ รับเหมือนเดิมนะครับ” พี่ชาติพูดกับพวกผมอย่างเป็นกันเอง “ครับพี่ วันนี้ผมเบื่อครับพี่ อยากเมา” ผมพูดกับพี่ชาติเซ็งๆ “กูก็อยากเมา” ไอ้แดนที่เดินหน้าบึ้งมาตามหลัง มันคงเพิ่งมาถึง “วันนี้อยากกินเพียวไม่เอาโซดาครับพี่ชาติ” ไอ้เดียวพูดกับพี่ชาติที่เดินถือเครื่องดื่มเข้ามาวางที่โต๊ะ “วันนี้เป็นอะไรกันครับเนี๊ยะ จะรีบเมารีบกลับกันหรอครับพวกคุณ” พี่ชาติพูดกับพวกผมยิ้มๆ “วันนี้จะอยู่ช่วยพี่ชาติเก็บของเลยครับ” ไอ้ดิฟที่มาถึงช้าสุดพูดก่อนนั่งลงบนโซฟาที่ว่างตัวสุดท้าย “แล้วผมจะรอดูครับ” พี่ชาติยังคุยกับพวกผมด้วยหน้ายิ้มคงคอนเซ็ปต์บริการด้วยรอยยิ้มของพนักงานประจำคลับ “กูเพิ่งรู้ว่าวันนี้เค้าจะไปทำโปรเจคที่เชียงใหม่” ผมเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาพูดอย่างข่มอารมณ์ “น้องเพิ่งบอกกูเมื่อไม่กี่ชั่วโมง” ไอ้แดนพูดนิ่งๆ “ทะเลาะกันเหมือนเดิม แม่งไม่เคยพูดกันดีดี ไม่รู้ทำไมต้องทะเลาะกันตลอด” ไอ้เดียวพิงโซฟาพูดอย่างหงุดหงิด “นุ่มนิ่มบอกกูว่ากลับไปทำโปรเจคที่รีสอร์ตของที่บ้านแถวดอยอินทนนท์ แล้วก็บอกว่าขอห่างกันสักพักแล้วก็ไล่กูมา” ไอ้ดิฟพูดเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าจะบอกอะไรพวกผม “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง แล้วเค้าบอกมึงหรือเปล่าว่าไปกี่วัน” ผมถามไอ้ดิฟที่ดูเหมือนจะมีข้อมูลมากกว่าใคร “บอกว่าจะอยู่จนส่งโปรเจคจบ” “ไปนานขนาดนั้นเลย” ไอ้แดนพูดเสียงเบาเหมือนคุยกับตัวเอง “กูถามเค้าว่าทำไมรีบไป เค้าบอกอยากพาเพื่อนไปเที่ยวก่อนลงมือทำโปรเจค” ไอ้ดิฟให้ข้อมูลพวกผมเพิ่ม “ไปไหนบ้าง” ไอ้เดียวถามอย่างสนใจ “เห็นว่าจะไปเที่ยวแม่กำปองกับม่อนแจ่ม แล้วก็จะไปเชียงรายด้วย แผนเยอะไปหมด” “วันนี้สาวๆ จะเข้ามาหาพี่หลิน บอกว่าจะรีบมารีบกลับ” ผมบอกเพื่อนๆ อย่างหงุดหงิดให้รับรู้ว่าพวกเธอจะมาคลับแน่นอน แต่ไม่ได้มาหาพวกผมนะ เธอมาหาพี่หลินแฟนพี่โจ้ต่างหาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD