ฉันวางสายจากดินแล้ว ฉันรู้ว่าดินโกรธที่ฉันไม่ยอมบอกเรื่องที่จะไปทำโปรเจคที่เชียงใหม่ให้เขารู้ล่วงหน้า หลายปีที่ผ่านมาสถานะของเราสองคนคล้ายคนเป็นแฟนกันมากขึ้นทุกที และเขาก็รุกฉันหนักมากขึ้น ฉันรู้ว่าเขาอยากให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนามากกว่าเพื่อน แต่การใช้ชีวิตและการคบหาผู้หญิงของเขา ทำให้ฉันลังเลและไม่แน่ใจ ถึงฉันจะรู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับฉันมากกว่าผู้หญิงคนอื่น แต่มันไม่ได้รับประกันว่าเขาจะหยุดที่ฉันเพียงคนเดียว เราไม่เคยตกลงเรื่องความสัมพันธ์กันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เรากลับปล่อยผ่านความรู้สึกที่คลุมเครือนี้ไป ใครๆ ก็มองว่าเราเป็นแฟนกัน แต่จะมีคนเป็นแฟนที่ไหนที่ยอมให้แฟนตัวเองไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงอื่นมากมาย เขาเปลี่ยนคู่ควงบ่อยซะจนฉันจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันได้แต่บอกตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือแสดงความเป็นเจ้าของหรืออะไรทั้งนั้น และฉันไม่พร้อมที่จะคอยตามหึงหวงผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ฉันไม่พร้อมและไม่ต้องการทำอะไรพวกนั้น เราต่างก็รู้ว่ามีความรู้สึกดีๆให้แก่กันเกินกว่าเพื่อน แค่ตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะต้องผูกมัดกันและกันแค่นั้นเอง หลายปีที่ผ่านมาฉันจึงใช้การเรียนเป็นข้ออ้างให้กับตัวเองว่าต้องเลือกการเรียนมาก่อนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ฉันแสดงออกอย่างชัดเจนให้เขารับรู้ถึงระยะห่างระหว่างเรา ฉันให้ความสำคัญกับเขามากกว่าผู้ชายทุกคน ฉันไม่ได้ให้โอกาสหรือความหวังกับผู้ชายคนอื่น เพราะฉันไม่ได้ให้มันกับเขา มันคงจะไม่แฟร์สำหรับเขาถ้าฉันปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นเข้าหาฉันแต่ไม่เคยให้โอกาสนั้นกับเขา การโฟกัสแค่เรื่องเรียนจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และฉันก็ทำได้ดี ตอนนี้ก็เหลือแค่ต้องทำโปรเจคส่งอาจารย์เท่านั้น ฉันกับเพื่อนก็จะจบแล้ว หลังจากนั้นฉันคงไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะปฏิเสธเขาอีก ฉันตั้งใจว่าถ้าจบแล้วเราคงได้เรียนรู้กันอย่างจริงจังขึ้น
“สวัสดีค่ะพี่หลิน วันนี้เข้าร้านไหมคะ พวกน้ำจะเข้าไปหาค่ะ” ฉันโทรหาพี่หลินพี่รหัสคนสวยแฟนสาวของพี่โจ้เจ้าของวีคลับ คลับที่ดินกับเพื่อนไปสิงอยู่เป็นประจำ หลังเรียนจบพี่หลินก็แต่งงานกับพี่โจ้ แล้วก็ช่วยพี่โจ้บริหารวีคลับพร้อมกับรับงานที่ปรึกษาด้านการตลาดไปด้วย พี่หลินเป็นไอดอลของพวกเราเลยล่ะ เพราะนอกจากจะสวย เก่ง และฉลาดแล้ว พี่หลินยังเป็นต้นแบบของผู้หญิงที่เปลี่ยนเสือให้เป็นแมวด้วย เพราะก่อนหน้าที่พี่หลินจะแต่งงานกับพี่โจ้ พี่โจ้ได้ชื่อว่าเสือผู้อยู่เหนือห่วงโซ่อาหาร แต่พี่หลินกลับกลายเป็นผู้หญิงธรรมดาผู้ควบคุมเสือให้เชื่องเป็นลูกแมวน่ารักๆ ตัวหนึ่ง เพราะทุกวันนี้พี่โจ้ไม่มองสาวๆ คนไหนเลย ทั้งที่ตัวเองเปิดคลับที่ต้องเจอกับผู้หญิงสาวสวยมากมาย แต่พี่โจ้ก็ไม่เคยนอกใจพี่หลินเลยสักครั้ง พี่โจ้ทำทุกทางเพื่อชนะใจพี่หลินจนทุกวันนี้ทั้งคู่แต่งงานและมีครอบครัวที่มีความสุข
“พี่นัดลูกค้าคุยงานถึงสามทุ่ม ถ้าน้ำมาถึงแล้วก็สั่งอะไรกินรอพี่นะ ไว้คุยกับลูกค้าเสร็จแล้วค่อยคุยกันจ้า” พี่หลินยังคงน่ารักกับฉันเสมอตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้
“โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะคะพี่หลิน” ฉันตั้งใจว่าจะเข้าไปคุยกับพี่หลิน อยากฝากให้พี่หลินกับพี่โจ้ช่วยดูแลดิน เพราะช่วงนี้เขาปาร์ตี้มากเกินพอดี ฉันห่วงสุภาพของเขา และเรื่องผู้หญิงอีก ฉันรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามสูงมาก และช่วงนี้เขาก็ขยันบริหารเสน่ห์มากซะจนฉันกลัวว่าสักวันเขาอาจจะพลาดท่าให้กับผู้หญิงคนใดคนหนึ่งในที่สุด
‘ติ่งต่อง ติ่งต่อง’ เสียงออดหน้าห้องของฉันดังขึ้น ฉันเดินไปส่องที่ตาแมวก็พบนุ่มนิ่ม หนึ่ง และน้อง เพื่อนสาวของฉันมาหา
“เก็บของเสร็จหรือยัง” หนึ่งถามฉันขณะที่เข้ามานั่งบนโซฟา
“อืม คิดว่าครบหมดแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องเอาไปมากหรอก เดี๋ยวไปซื้อเอาที่โน่นก็ได้” นุ่มนิ่มคงวางแผนเที่ยวไว้ก่อนแล้วล่ะสิ
“ไม่ได้เอาไปเยอะหรอก เก็บไปแค่ใบเดียวเอง แล้วนี่เก็บของเสร็จกันหมดแล้วสิถึงมาหาน้ำได้” ฉันถามเพื่อนยิ้มๆ แค่ดูก็รู้ว่าเรียบร้อยแล้วถึงได้หอบกันมาห้องฉัน
“ป๊า ม๊า ดีใจมากๆ เลยที่ทุกคนจะขึ้นไปทำโปรเจคที่บ้าน บอกว่าจะเอารถมารอรับตั้งแต่เช้าเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” นุ่มนิ่มพูดถึงบุพการีผู้เป็นที่รักด้วยรอยยิ้ม
“คิดถึงป๊ากับม๊าเหมือนกันนะ เจอกันครั้งล่าสุดก็ตอนที่ท่านมาหานุ่มนิ่มตอนปีสอง ท่านใจดีสุดๆ” หนึ่งพูดถึงพ่อแม่ของนุ่มนิ่มพวกเราเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับหนึ่ง ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีและน่ารักมากจริงๆ และก็ต้องขอบคุณที่พวกท่านให้โอกาสพวกเราไปศึกษาและลงมือทำโปรเจคที่รีสอร์ตของพวกท่าน
“น้องคิดถึงอาหารฝีมือม๊ามากๆ ไส้อั่วกับน้ำพริกนุ่มนี่สุดยอด ไปหาป๊ากับม๊าคราวนี้ต้องอ้อนให้ม๊าทำให้กินแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เป็นจริงอย่างที่น้องบอกฝีมือการทำอาหารของแม่นุ่มนิ่มอร่อยยิ่งกว่าเชฟภัตรคารอาหารห้าดาวซะอีก
“สั่งอะไรขึ้นมากินที่ห้องไหม เดี๋ยวคืนนี้ค่อยออกไปวีคลับทีเดียวเลย” หนึ่งถามขึ้นเพราะเราตกลงว่าจะไปหาพี่หลินที่วีคลับด้วยกัน
“เอาสิ เหลือเวลาอีกตั้งสามชั่วโมง กว่าพี่หลินจะคุยกับลูกค้าเสร็จ” ฉันบอกเพื่อนพลางกดหาเบอร์โทรของร้านอาหารเจ้าประจำที่พวกเราชอบสั่งให้มาส่งที่คอนโด
“ไปตอนสองทุ่มครึ่งก็ยังทัน” นุ่มนิ่มออกความเห็นพลางเดินเข้าครัวไปเตรียมจานอาหาร
“แล้ววันนี้จะเจอหนุ่มๆ ที่นั่นหรือเปล่า ฉันไม่อยากเจอกับไอ้บ้าเดียวเลยด้วย เพิ่งทะเลาะกันมา” หนึ่งกอดอกพูดถึงเดียวอย่างไม่สบอารมณ์
“คงจะเจอแหละมั้ง ดินบอกจะไปวีคลับวันนี้ น้ำคุยกับดินเมื่อบ่ายเค้าก็โกรธน้ำน่าดูเรื่องที่ไม่ได้บอกว่าจะไปทำโปรเจคที่บ้านนุ่มนิ่ม”
“นิ่มยังไม่บอกดิฟเลย ทำไงดี!” นุ่มนิ่มทำหน้าตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับดิฟ
“น้องก็ยังไม่ได้บอกแดน” น้องพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงห้องฉันแล้วกดโทรออกหาใครบางคน ที่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นแดนนั่นเอง
“ก็โทรไปบอกสินุ่มนิ่ม” เป็นหนึ่งที่คว้าโทรศัพท์ของนุ่มนิ่มยัดใส่มือให้เพื่อนรีบโทรศัพท์หาบุคคลที่เพื่อนพูดถึง
“คงต้องคิดเมนูกันสองคนแล้วแหละนะ” ฉันมองหน้าหนึ่งก่อนจะกดโทรไปสั่งอาหารตามที่เราลงความเห็นกันสองคนว่าเลือกเมนูนี้
“ก็น้องลืมจริงๆ นี่แดน แดนก็รู้ว่าน้องเรียนหนักมาก ไหนจะอ่านหนังสือสอบอีก น้องขอโทษ น้องลืมจริงๆ ไปพรุ่งนี้ตอนเก้าโมง น้องลืมจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าน้องไม่อยากบอกแดน น้องขอโทษ นะคะแดน ค่ะ ต้องรีบนอน พรุ่งนี้จะต้องบินเที่ยวเช้าไง ก็น้องบอกแล้วไง นะแดนนะ ถึงแล้วน้องโทรหานะ ค่ะ” เป็นเสียงน้องที่คงทะเลาะกับแดนอีกคนนั่นเอง
“ดิฟไม่ได้พูดอะไรเลยอ่ะ พูดแค่ อือๆ ครับๆ แล้วก็วางสายไปเลย” นุ่มนิ่มเดินออกมาจากครัวแล้วก็ทรุดลงนั่งข้างๆ ฉัน
“เฮ้อ! ไม่ใช่ว่าอีกสิบนาทีมาโพล่ที่คอนโดนะนุ่มนิ่ม” หนึ่งพูดเหมือนที่ฉันคิดไม่ผิด เพราะในบรรดาเพื่อนของดินทุกคนมีดิฟที่แสดงออกชัดเจนสุดว่าคลั่งรักนุ่มนิ่ม แต่จนถึงตอนนี้ เพื่อนฉันก็ยังใจแข็ง ถึงแม้ว่าช่วงนี้เหมือนจะใจอ่อนลงมากก็ตาม
“ระวังเถอะนุ่มนิ่ม ดิฟมันจะจับแกปล้ำทำเมีย ถ้าลืมมันบ่อยๆ เข้า” น้องพูดแซวเพื่อนจนนุ่มนิ่มหน้าแดง
“ใครจะปล่อยให้มีโอกาสแบบนั้นกันเล่า บ้าแล้วน้อง พูดอะไรแบบนั้น เพื่อนไม่ได้ใจง่ายนะยะ” นุ่มนิ่มพูดเขินๆ กับคำพูดของน้อง
“นี่ ก่อนเริ่มโปรเจคไปเที่ยว ‘แม่กำปอง’ กันก่อนไหม มีเวลาก่อนเริ่มทำโปรเจคตั้งหนึ่งสัปดาห์เลยนะ ถ้าเริ่มทำโปรเจคแล้วเราคงไม่ค่อยมีเวลาไปไหนนอกจากอยู่ที่รีสอร์ตนะ” นุ่มนิ่มเสนอสถานที่ที่ครั้งก่อนพวกเราเคยพูดถึงและยังไม่ได้ไป
“ก็ดีนะ เราก็อยากไปกันอยู่แล้วนี่ แล้วก็แวะไปนอนดอยที่ไหนสักที่ก่อนกลับดีไหม” ฉันแนะนำเพราะเราเคยวางแผนกันว่าจะไปหลายที่เลย บางแห่งเราไปกันแล้ว แต่ยังมีเหลืออีกหลายแห่งที่เรายังไม่ได้ไป
“จากรีสอร์ตไปแม่กำปองก็ประมาณสามชั่วโมง งั้นเราพักแม่กำปองสองคืนเป็นไง แล้วไปม่อนแจ่มอีกสองคืน ส่วนดอยอินทนนท์เราค่อยไปช่วงหนาวๆ ไปพักบ้านพักอุทยานกันจะได้ไปเดินกิ่วแม่ปานด้วย” นุ่มนิ่มเสนอสถานที่พร้อมคำนวณเส้นทางเสร็จสรรพ
“ก็ดีนะ ถ้ามีเวลาเราค่อยขึ้นเชียงรายกัน หรือเอาไว้ไปก่อนกลับมากรุงเทพก็ได้” หนึ่งเสนอ
“อดใจรอไม่ไหวเลยจริงๆ อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆจัง” น้องกอดฉันแล้วทำท่าเคลิ้มฝัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พวกเราอดจะขำท่าทางช่างฝันของน้องไม่ได้
“ครืด ครืด ครืด” เสียงเรียกเข้าพร้อมอาการสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เราหยุดบทสนทนา
“สวัสดีค่ะ มาแล้วหรอค่ะ รอสักครู่นะคะ” ฉันกดรับเพราะอาหารที่สั่งมาถึงแล้ว และพนักงานก็กำลังรอเก็บค่าอาหารอยู่ที่ชั้นล็อบบี้
“เดี๋ยวนุ่มนิ่มกับน้องลงไปเอาเอง น้ำกับหนึ่งจัดโต๊ะรอเลยนะจ๊ะ” นุ่มนิ่มอาสาลงไปเอาอาหารที่สั่งพร้อมกับหนีบน้องลงไปด้วย
“โอเคจ้า อย่าลืมคีย์การ์ดนะ” ฉันรับคำและชี้ไปยังคีย์การ์ดสำรองที่วางอยู่หน้าทีวี แล้วจึงเดินไปจัดโต๊ะที่นุ่มนิ่มจัดค้างไว้ก่อนจะไปคุยโทรศัพท์กับดิฟ