เสียใจมากก็ขาดสติ
ร่างทะมัดทะแมงของหญิงสาวร่างเล็กในวัยยี่สิบห้าปี ใช้มือทุบลงบนไหล่หนาของชายที่กำลังนอนไม่ได้สติ ลำตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำ
“รถพยาบาลกำลังมาแล้วพี่บัว” บัวบูชา หรือ บัว เจ้าของร่างบางที่กำลังช่วยยื้อชีวิตของชายหนุ่มที่ประชดชีวิตรักด้วยการกระโดดสะพานสูงกว่าสามเมตร โชคดีที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือและนำร่างของเขาขึ้นมาปฐมพยาบาลไว้ได้ทัน
มือข้างหนึ่งวางลงตำแหน่งกลางระหว่างหน้าอก ขณะที่มืออีกข้างทับสานไว้ด้านบนแล้วออกแรงกดเป็นจังหวะ ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่กำลังจ้องมองการกระทำของหญิงสาวอย่างชื่นชม
โชคดีที่จุดนี้อยู่ใกล้กับสถานพยาบาล ใช้เวลาไม่นานรถพยาบาลก็แล่นมาถึงจุดเกิดเหตุ บัวบูชาจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบต่อจากเธอ
ฟู่ บัวบูชาถอนหายใจออกมาเมื่อรถพยาบาลแล่นจากไป
“น่าสงสารเหมือนกันนะพี่บัว แต่ไอ้การทำแบบนี้ทั้งทำให้คนอื่นเดือดร้อนและยังไม่เห็นค่าชีวิตตัวเองอีก” กระปุกเด็กสาวที่เติบโตมากับบัวบูชาว่าขึ้น เธอเห็นพ่อแม่ของชายหนุ่มยืนร้องไห้ระหว่างที่บัวบูชากำลังช่วยปั๊มชีพจรขึ้นมาตั้งนาน ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถพยาบาลตามชายหนุ่มไปด้วยความเป็นห่วง
“คนเราพอเสียใจมากๆ ก็ขาดสติแบบนี้แหละปุก” บัวบูชาหันไปตอบเด็กสาว ได้ยินว่าชายหนุ่มเมื่อครู่นั้นผิดหวังในความรักจนขาดสติ และต้องการประชดแฟนสาวที่นอกใจเขาระหว่างที่ต้องไปทำงานไกลบ้าน
เธอทำงานกู้ภัยมากว่าสามปีนับตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย ทั้งการคิดสั้น อุบัติเหตุพวกนี้จึงไม่ได้ตกใจ และเพียงตั้งใจทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุดเท่านั้น
“ใช่สิ ชีวิตรักใครจะดีเท่าพี่บัวกับพี่บาสล่ะ” กระปุกเอ่ยแซวขึ้นมา เพราะทั้งบัวบูชาและบาสนั้นคบหากันมาตั้งแต่เรียนในระดับมัธยม นับเวลาดูแล้วก็กว่าเจ็ดปีที่คนทั้งคู่คบหากัน เพียงเสี้ยววิที่กระปุกนั้นมองไม่เห็นแววตาไหววูบของคนที่ใครๆ ต่างบอกว่าเธอโชคดีกลับเศร้าลง
“เพราะบาสเป็นคนดี ไม่เคยทำให้พี่ต้องระแวงต่างหาก” บัวบูชาหันไปตอบเด็กสาวด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของแฟนหนุ่มที่เธอตั้งใจจะลงไปหาในสัปดาห์หน้า
เธอและบาสคบหากันท่ามกลางสายตาของผู้ใหญ่ เขาค่อนข้างเข้ากับครอบครัวเธอได้ดี นั่นทำให้บัวบูชาตอบตกลงคบหาเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน กระทั่งทั้งคู่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยและทำงานกันคนละจังหวัดและบาสก็มักจะกลับมาหาเธอเมื่อมีเวลาเสมอ
“ค่าคุณพี่บัว ใครน้าจะโชคดีเท่าพี่บัวของกระปุก” เด็กสาวยื่นแขนเกี่ยวแขนเล็กเอาไว้แล้วใช้ใบหน้าซบลงอย่างออดอ้อน บัวบูชาได้แต่มองอย่างเอ็นดู กระปุกเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเธอราวสามปี ที่มักจะออดอ้อนและห่วงใยเธอเสมอ
“วันนี้พี่คงไม่ได้เลี้ยงส่งเราก่อนกลับแล้วล่ะ เอาไว้รอบหน้านะปุก” บัวบูชาเอ่ยด้วยความเสียดาย ทั้งที่ตั้งใจว่าจะพากระปุกที่เดินทางกลับมาบ้านในต่างจังหวัดไปเลี้ยงอาหารดีๆ สักมื้อ ก่อนจะเดินทางกลับไปเรียนต่อในกรุงเทพ แต่แล้วกับเจอกับเหตุการณ์เมื่อครู่จนเนื้อตัวเธอเปรอะเปื้อนและคงไม่เหมาะที่จะเดินเข้าร้านอาหารในสภาพนี้
“ไม่เป็นไรหรอกพี่บัว เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วล่ะ”
“เอางั้นก็ได้” ได้ยินกระปุกว่าดังนั้นจึงว่าตาม เพราะหลังเรียนจบกระปุกก็ตั้งใจกลับมาอยู่ที่บ้านระหว่างรอหางานอยู่แล้ว ไว้ตอนนั้นเธอค่อยเลี้ยงกระปุกหลายๆ รอบก็ไม่เป็นไร
“นี่ก็ได้เวลาอัพนิยายตอนใหม่พอดีเลยพี่บัว กระปุกว่าเรารีบกลับกันเถอะ อ้อพี่บัวอย่าลืมกลับไปอ่านเรื่องนี้นะ สนุกมากๆ เลยล่ะ” กระปุกทำตาโตเมื่อเห็นว่าเวลานี้เป็นเวลาสองทุ่มซึ่งได้เวลาที่นิยายเรื่องโปรดของเธอจะอัพตอนใหม่แล้ว และไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการกลับไปนอนอ่านนิยาย ทำให้หญิงสาวหลงลืมความหิวที่พึ่งเอ่ยบ่นกับเธอตลอดการเดินทางมา
“ไปๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน” บัวบูชาส่ายหัวน้อยๆ นึกถึงนิยายน้ำเน่าที่กระปุกแนะนำให้เธออ่านแล้วก็ขนลุก ดูน้ำเน่าชะมัด
นางเอกถูกพระเอกเข้าใจผิดและทำร้ายต่างๆ นานาในขณะที่พระรองมาเฟียร้ายกาจที่แสนดีกับนางเอกเพียงคนเดียวของเรื่อง คอยช่วยเหลือนางเอกโดยไม่หวังผลตอบแทน
น้ำเน่าสุดๆ บัวบูชาต้องส่ายหัวอีกครั้งให้กับน้ำเสียงของกระปุกที่นั่งอยู่ข้างๆ และยังคงเอ่ยเล่านิยายเรื่องโปรดของตนเองระหว่างทาง