📚 พายุ => ในลานจอด ⟢ ꩜ ˶ᯓ ˚₊·—̳͟͞͞♡
📚 ⟢ ꩜ ˶ᯓ ˚₊·—̳͟͞͞♡
⛳️ ลานจอดหน้าตึกเรียน
เงียบกว่าปกติ เพราะคลาสเย็นเลิกไปนานแล้ว ไฟเสาเปิดเรียงเป็นแถว ลมพัดใบไม้ดังแผ่ว ๆ แล้วก็มีเสียง “ปั่ก!” ตามด้วยเสียงด่าหยาบ ๆ
“วายุ” ยืนพิงมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ใส่เชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ด แขนเสื้อพับขึ้น เห็นรอยแผลเก่าที่ข้อมือ เขาเชิดคางนิด ๆ มองผู้ชายสามคนที่มายืนขวาง คนตรงกลางคือ“กฤตย์” ลูกบ้านใหญ่คณะบริหาร แต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุยกันดี ๆ ก็ได้ปะวะ” วายุยิ้มมุมปาก น้ำเสียงกวนตามสไตล์ “ไม่เห็นต้องพาคนมาล้อม”
“มึงแซะผิดคน” กฤตย์พูดนิ่ง ๆ แต่ตามองแข็ง “เลิกยุ่งเรื่องกู”
“กูก็ไม่ได้อยากยุ่ง” วายุถอนหายใจ “แต่มึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
📌 ไม่กี่วินาทีต่อมา
มันก็ไม่ใช่การคุยแล้ว เสียงหมัดปะทะ เสียงเท้ากระแทกพื้นดังถี่ ร่างหนึ่งเซไปชนท้ายรถ จนรถส่งเสียง “ปี๊บ” เบา ๆ แล้วเงียบลง
วายุหลบหมัดเหมือนเคย เขาไม่ใช่คนใจเย็น แต่คุมจังหวะเก่ง หมัดสวนสั้น เร็ว ตรงเป้า อีกฝ่ายล้มหน้าคว่ำ เพื่อนกฤตย์พุ่งมาใหม่ เขาเบี่ยงไหล่แล้วสวนด้วยศอก เสียง “อึก” หลุดจากปากอีกฝ่าย
👊 ตอนนั้นเอง!!
มีเงาคนหยุดอยู่ขอบลาน ผู้หญิงสะพายกระเป๋าผ้าสีครีม หน้าใส ผมมัดหลวม ๆ เธอยืนใต้ไฟ เงยหน้ามองมา
“สายธาร” เห็นหมดแต่เธอไม่กรี๊ด ไม่หนี แค่กำสายกระเป๋าแน่น มองนิ่ง ๆ เหมือนกำลังคิดว่าจะโทรหายาม หรือยืนดูให้รู้ก่อน
วายุเห็นเธอตั้งแต่แรก เขาหลบอีกหมัดแล้วเตะต่ำ คนสุดท้ายล้มกระแทกฟุตปาธ เสียงดังแกร๊ก เรื่องจบเร็วพอ ๆ กับที่เริ่ม
กฤตย์เช็ดมุมปาก เห็นเลือดติดปลายนิ้วก็หงุดหงิด “มึงมัน—”
“หยุด-! พอ” วายุพูดสั้น ๆ ตาคมกว่าเสียง เขาไม่เข้าไปซ้ำ แค่ยืนกั้นระยะไว้ “ไม่คุ้ม”
กฤตย์เหลือบตามองสายธาร แล้วยิ้มบาง “เด็กอักษร?” เขาพูดเบาพอให้ได้ยิน
วายุก้าวบังทันที “ไม่เกี่ยวกับเธอ กลับไป”
กฤตย์หัวเราะในคอ เก็บมือ ถอยก้าวหนึ่ง “ไว้คุยกันต่อ” เขาพูดทิ้งท้ายแล้วเดินไปขึ้นรถ เพื่อนสองคนตามติด รถสีเข้มค่อย ๆ แล่นออกจากลาน เหลือแต่วายุกับมอเตอร์ไซค์ที่ยังจอดนิ่ง
✨ ตอนนั้นเงียบลงทันที
สายธารยังยืนอยู่ที่เดิม เธอไม่กลัว แต่หัวใจเต้นแรง เธอมองรอยเลือดตรงคางวายุ แล้วตัดสินใจก้าวเข้าไปใกล้
“เลือดออก” เธอพูดสั้น ๆ ก่อนหยิบทิชชู่เปียกกับแผ่นปิดแผลจากกระเป๋า “เช็ดก่อน เดี๋ยวช้ำ”
“ไม่ต้อง” เขาตอบทันที แต่ก็ไม่ได้ถอย
เธอไม่พูดต่อ แค่ยื่นให้ ถ้าเขาไม่รับ เธอก็จะวางไว้บนเบาะมอเตอร์ไซค์แล้วเดินออกมา
สุดท้ายวายุก็รับไป เขาเช็ดแบบเก้ ๆ กัง ๆ แล้วหยุดเพราะเจ็บนิด ๆ เขาหัวเราะเบา ๆ “เธอไม่กลัวเหรอ”
“ถ้ากลัว ฉันคงวิ่งหนีไปแล้ว” เธอตอบเสียงนิ่ง ๆ
เขาเงยหน้ามองตรง ๆ แสงไฟสะท้อนในดวงตาเธอ นิ่ง ลึก แบบที่เขาไม่ชิน
“ชื่ออะไร” เขาถาม ยิ้มมุมปากนิด ๆ
“สายธาร” เธอตอบง่าย ๆ “นายล่ะ”
“วายุ” เขายักคิ้ว “เธอคงรู้อยู่แล้ว”
เธอไม่เถียง เพราะชื่อเขาดังทั้งมหาลัยอยู่แล้ว
“ฟังนะ สายธาร” เขาพูดช้า ๆ กดน้ำหนักชัด “อย่ามายุ่งกับฉัน”
เธอหันไปสบตา “ฉันยังไม่ได้ยุ่ง แค่ยื่นทิชชู่ให้”
รอยยิ้มบนหน้าวายุกว้างขึ้นนิดหน่อย เหมือนยอมแต่ไม่พูดออกมา “กลับบ้านเถอะ ดึกแล้ว”
“นายด้วย” เธอตอบสั้น ๆ “ขี่รถช้า ๆ”
แล้วเธอก็ถอยออกมา ก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่หันกลับ เงาหลังเรียบง่ายแต่นิ่ง วายุมองตามอยู่ตรงนั้นจนเธอลับตา
วายุยืนเงียบไปพักหนึ่ง มองแผ่นปิดแผลในมือ รอยยิ้มมุมปากหายไป เหลือแต่ความคิดที่เขาไม่ค่อยอยากคิด ความคิดถึงใครบางคน
เขาสตาร์ทรถ เครื่องดังต่ำ ๆ แล้วขับออกไปช้า ๆ อย่างที่เธอบอก ทั้งที่ปกติไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร
☀️ เช้าวันต่อมา
มหาลัยกลับมาวุ่นเหมือนเดิม เสียงคนคุยกันเต็มทางเดิน ร้านน้ำหน้าตึกอักษรมีคิวต่อยาว
“เมื่อวานกลับดึกอีกแล้วใช่ปะ” มินตราถาม ยื่นแก้วโกโก้เย็นให้เพื่อน “อ่านนิยายเพลินจนลืมเวลาอีกแล้วล่ะสิ”
“เปล่า ! แวะร้านหนังสือที่บ้านก่อน” สายธารรับแก้วแล้วยิ้มบาง ๆ “พ่อบอกมีคนสั่งเล่มพิเศษ”
“ร้านหนังสือบ้านเธอนี่ดีจริง ๆ นะ มีครบทุกอย่าง” มินตราว่า แล้วยกคิ้วนิด “แล้วได้ยินข่าวยัง”
“ข่าวอะไร”
“เมื่อคืนลานจอดหน้าตึกวิศวะ มีเรื่องอีกแล้ว” มินตรากระซิบ “วายุน่ะสิ คลิปก็มี แต่ถูกลบไวมาก เลยเหลือแต่คนเล่าต่อกัน”
สายธารเงียบไปแป๊บเดียว “อืม”
“อย่าไปยุ่งนะ ย้ำเลย” มินตราพูดจริงจัง “ผู้ชายแบบนั้น ฉันไม่ไว้ใจ”
“ฉันก็ไม่ได้จะไปยุ่ง” สายธารตอบเรียบ ๆ เธอไม่ได้โกหก ชีวิตเธอมีแค่อ่านหนังสือ เขียนรายงาน ช่วยร้านที่บ้าน แต่ภาพเมื่อคืนกลับแทรกขึ้นมาเอง สายตาของเขาตอนมองเธอ มันไม่เหมือนที่เคยเห็นในคลิปข่าวลือ
“ไปเข้าเรียนเถอะ” เธอพูดปิดบทสนทนาเบา ๆ
🕐 บ่ายนั้น
สายธารมีคลาสภาษาอังกฤษเสริม เป็นเรื่องเขียนบทความพื้นฐาน เธอชอบวิชานี้ เพราะมันชัดเจน มีต้น กลาง จบ มีเหตุผล เธอนั่งแถวสองติดหน้าต่าง เปิดสมุด เตรียมปากกา
ไม่กี่นาทีต่อมา ประตูห้องเปิด “วายุ” เดินเข้ามาแบบไม่รีบ เสื้อเชิ้ตสีเทา กางเกงดำธรรมดา ไม่มีเน็กไท แต่ทั้งห้องก็เหมือนเงียบลงนิดหนึ่ง บางคนหันไปมอง บางคนกระซิบกันเบา ๆ
อาจารย์เงยหน้ามองนาฬิกา “มาสายอีกแล้วนะคุณวายุ”
“ขอโทษครับ” เขาตอบสั้น ๆ ไม่แก้ตัว แล้วเดินไปนั่งท้ายห้อง
วิชาเริ่มไปจนเกือบครึ่งคาบ อาจารย์เปลี่ยนจากทฤษฎีมาเป็นงานกลุ่ม
“วันนี้เราจะเขียนหัวข้อ สิ่งที่ฉันเชื่อ สั้น ๆ สองหน้า A4 ส่งภายในอาทิตย์นี้”
เธอหยุดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ “แล้วก็มีประกาศสำหรับคนที่ส่งงานคราวที่แล้วช้า…หรือไม่ส่งเลย คนแรก…คุณวายุ”
ทั้งห้องมีเสียงขยับเบา ๆ แต่เจ้าตัวนั่งนิ่งไม่พูดอะไร
“เพื่อให้คุณพัฒนาจริง ไม่ใช่แค่ผ่าน ฉันจะจับคู่ให้มีพี่เลี้ยงด้านการเขียน” อาจารย์เปิดกระดาษอีกแผ่น
“คุณสายธาร ปีสอง อักษร จะเป็นติวเตอร์ให้คุณ สองอาทิตย์ เจอกันอย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้ง”
ห้องเงียบไปแป๊บเดียว สายธารหันไปช้า ๆ เห็นเขายกคางนิด ๆ มองมาสบตากันง่าย ๆ แบบคนที่เจอกันเมื่อคืน
เสียงกระซิบเริ่มดัง “โห ติวให้วายุเลย?”
“ใช่คนเมื่อวานปะ” “โชคดีหรือซวยเนี่ย”
📲 มือถือเธอสั่น
📩 มินตรา : ส่งไลน์มาแทบจะทันที “ได้ยินแล้ว อย่าไปยุ่งนะ!”
📩 สายธาร : ตอบสั้น ๆ “ฉันทำงาน”
อาจารย์มองทั้งคู่แล้วยิ้ม “หลังเลิกคลาส คุยกันหน่อย ตกลงเวลา”
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสองตอบพร้อมกันเป๊ะ
💡 เลิกคลาส
คนทยอยออก วายุเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ คราวนี้ไม่ได้ยิ้มกวนเหมือนก่อน สีหน้าเรียบกว่า แต่ก็ยังเป็นเขา
“เมื่อคืน” เขาพูดก่อน “เธอเห็นหมด”
“ก็เห็นเท่าที่เห็นนั้นแหละ” สายธารตอบตรง ๆ “จริง ๆ ฉันเกือบโทรหายามแล้ว ถ้ามันบานปลาย”
“ดีแล้วที่ไม่โทร” เขาเอียงหน้าเล็กน้อย “ไม่งั้นเรื่องจะวุ่นกว่าเดิม”
“ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย” เธอบอกเรียบ ๆ
“งั้นเราอยู่กันคนละโลก” เขายิ้มบาง ๆ กลับมา “โลกฉันวุ่นตลอด”
“แต่ตอนนี้เราอยู่โลกเดียวกัน” เธอยกตารางเรียนขึ้น “เย็นวันไหนว่าง”
เขามองตารางแล้วยักคิ้ว หัวเราะในคอ “เลือกมา เธอเป็นติวเตอร์นี่”
“พรุ่งนี้ ห้าโมงเย็น ห้องสมุดกลาง มุมหน้าต่าง” เธอตอบสั้น ๆ “อย่าสาย”
“พยายาม” เขาตอบอัตโนมัติแบบกวน ๆ
“ไม่ใช่พยายาม มาตรงเวลา” เธอพูดนิ่ง ๆ
เขาชะงักไปนิด เหมือนเจอคนท้าทาย “โอเค ห้าโมง”
“ดี” เธอเก็บปากกาใส่กระเป๋า ก่อนเงยหน้าขึ้น “อีกเรื่อง”
“ว่า”
“เลิกมองฉันเหมือนตัวประกอบได้แล้ว” เธอพูดช้า ๆ “ฉันเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่คลิป ไม่ใช่คำเล่าของใคร”
วายุเงียบไปครู่ ดวงตาที่ปกติกวน ๆ ค่อย ๆ จริงจังขึ้น “โอเคครับ คุณติวเตอร์”
เขาก้าวถอยไปหนึ่งก้าว แล้วทิ้งท้ายเบา ๆ “แล้ว…ขอบคุณสำหรับแผ่นปิดแผลเมื่อวาน”
“ยินดี” เธอตอบสั้น ๆ
🕔 ห้าโมงเย็น
ห้องสมุดกลางเงียบ ๆ อากาศเย็น นาฬิกาบนผนังบอกตรงเวลาเป๊ะ สายธารมาถึงก่อนสิบห้านาที เธอหยิบสมุดกับปากกาออกมา วางบนโต๊ะ แล้วเปิดหนังสือเล่มบางเกี่ยวกับการเขียนรอไว้
ห้าโมงห้า…! ยังไม่มีใครมา!
ห้าโมงสิบ…! เธอเปิดอ่านหน้าแรกของหนังสือไปเรื่อย ๆ
ห้าโมงยี่สิบ…! เสียงมอเตอร์ไซค์ดังแว่วจากข้างนอก คนในห้องหันไปมองตอนเขาเดินเข้ามาช้า ๆ
“ขอโทษ” วายุนั่งลงตรงข้าม ถอดนาฬิกาวางเหมือนยอมแพ้ “ติดธุระ”
“ตรงเวลา” สายธารชี้ไปที่นาฬิกาผนัง
“รู้แล้ว” เขายิ้มบาง ๆ “ครั้งหน้าจะพยายามเป็นคนดีขึ้น”
“ไม่ต้องเป็นคนดี แค่ตรงเวลาก็พอ” เธอเลื่อนกระดาษไปให้ “เริ่มเลย หัวข้อ สิ่งที่ฉันเชื่อ สองหน้า A4 วันนี้ลองร่าง พรุ่งนี้ฉันช่วยจัดโครง”
“สิ่งที่ฉันเชื่อ?” เขาขมวดคิ้ว “เช่นแบบ ‘ฉันเชื่อว่าคนเราไม่ควร…’ งี้ปะ”
“ใช่ หรือจะเป็น ‘ฉันเชื่อว่าความรักจริงใจมีอยู่จริง’ ก็ยังได้”
เขาหัวเราะเบา ๆ “หัวข้อหลังนี่เหมาะกับเธอมากกว่า”
“ไม่เกี่ยวกับฉัน” เธอเชิดคางนิด “มันเกี่ยวกับนาย เขียนสิ่งที่นายเชื่อจริง ๆ”
เขาถือปากกาแต่ยังไม่เขียน มองหน้าเธอครู่หนึ่ง “ถ้าสิ่งที่ฉันเชื่อมันไม่น่าอ่านล่ะ”
“หน้าที่ของฉันคือทำให้อ่านได้” เธอตอบนิ่ง ๆ “หน้าที่ของนายคือเขียนให้ตรงกับใจตัวเอง”
คำว่า “ซื่อสัตย์กับตัวเอง” ทำให้เขาเงียบไปนิดหนึ่ง สายตาเลี่ยงออกไปมองนอกหน้าต่าง แสงเย็นกำลังจางลง เขาก้มลงเขียนประโยคแรกช้า ๆ
ฉันเชื่อว่าคนเราไม่ควรถูกตัดสินจากข่าวลือ
เขาเงยหน้าขึ้น เหมือนถามเธอด้วยตา
“ต่อเลย” เธอพยักหน้า
✍️ เขาเขียนต่อ
ลายมือไม่ได้สวย แต่ชัดและตรง บางประโยคแข็ง ๆ บางประโยคเหมือนจะกวน แต่จริงกว่าที่พูดออกมา
“หยุดก่อน” สายธารเอานิ้วแตะหน้ากระดาษตรงย่อหน้าที่สาม “คำว่า แม่ง ตัดออกดีกว่า อาจารย์ไม่โอเค”
เขายกยิ้ม “ได้ ตัดคำหยาบ”
“ตรงนี้ก็ด้วย” เธอชี้อีกคำ “มันไม่จำเป็น”
“จะให้ถอดหมดเลยไหมล่ะ” เขาพูดแบบแกล้ง ๆ
“ไม่ต้องถอดหมด แค่เลือก” เธอยิ้มบาง “เลือกคำที่ยังเป็นนาย แต่ไม่ทำให้เนื้อหาพัง”
เขาหัวเราะในคอ “เธอนี่จริงจังเหมือนกันนะ”
“ฉันไม่ชอบทำงานลวก ๆ” เธอเงยหน้ามองตรง “แล้วฉันว่าจริง ๆ นายก็ไม่ใช่คนชอบทำอะไรลวก ๆ เหมือนกัน”
เขาเงียบไปนิด เหมือนโดนจับได้ “บางทีก็ชอบทำลวก ๆ มันง่ายดี”
“แต่มันไม่อยู่ได้นาน” เธอตอบทันที
✍️ เขาก้มเขียนต่อ ไม่เถียงอะไร
ผ่านไปเกือบสี่สิบนาที หน้าแรกเต็ม โครงก็ใกล้ครบ เขาเอนหลัง ยืดนิ้วมือ
“พักห้านาที” เธอพูด
“เธอนี่เหมือนครูเลย” เขาแซวขำ ๆ
“ก็โตมากับครูตั้งแต่เด็ก” เธอยิ้มบาง ๆ “แม่ชอบสอนการบ้านให้เด็กแถวบ้าน ฉันเลยติดนิสัยจัดเวลา”
“บ้านเธอเป็นยังไง” เขาถามเรื่อย ๆ แต่ตาจริงจัง
“ร้านหนังสือเล็ก ๆ อบอุ่น เงียบ ๆ คนแวะมาอ่านบ้าง ซื้อบ้าง”
“ฟังดูดี”
“บ้านนายล่ะ”
เขาหยุดนิดหนึ่ง “เสียงดัง”
เธอไม่ถามต่อ เขาก็ไม่อธิบาย ทั้งคู่ปล่อยให้คำตอบค้างอยู่แบบนั้น
📲 มือถือเขาสั่น
วายุก้มดูหน้าจอขึ้นชื่อ “ภาคิน” เขารับสั้น ๆ ฟังแล้วตอบกลับ “เดี๋ยวไป” น้ำเสียงเข้มขึ้นนิดเดียว
“ฉันไปก่อนนะ” เขารีบเก็บกระดาษ แต่ก็ทำอย่างระวัง “วันนี้โอเคเลย อย่างน้อยก็เริ่มได้แล้ว”
“พรุ่งนี้สี่โมง ที่เดิม” เธอสรุปสั้น ๆ
“ถ้าห้านาทีแรกยังไม่เห็นฉัน โทรมาด่าได้เลย” เขาวางนามบัตรกระดาษบาง ๆ มีเบอร์โทรไว้ตรงหน้า “จะได้ไม่ต้องรอเก้อ”
“ฉันไม่ด่า” เธอรับไว้ “แต่ฉันจะจับเวลา”
เขาหัวเราะเบา ๆ “เอาสิ”
ก่อนลุก เขาหยุด มองเธอแวบนึง “ถ้ามีคนถาม บอกว่าเราไม่รู้จักกัน”
“จริง ๆ เราก็ยังไม่รู้จักกันหรอก” เธอพูดตรง ๆ
“ดีแล้ว” เขายิ้ม แต่ตาไม่ได้ยิ้ม “ไว้ค่อยว่ากัน”
เขาเดินออกไปเร็ว ๆ เสียงปลายสายจากโทรศัพท์ดังแว่ว “ถึงไหนแล้ว” ก่อนประตูจะปิด
สายธารก้มอ่านกระดาษร่างอีกครั้ง เธอวงคำด้วยดินสอไปเรื่อย ๆ ทำเหมือนงานปกติ ไม่ใช่ติวให้คนที่เต็มไปด้วยข่าวลือ
เก็บของเสร็จ เธอเดินออกจากห้องสมุด ฟ้าเริ่มเข้ม เธอหยิบ
📲 มือถืออ่านข้อความจาก
📩 มินตรา : “เลิกติวยัง ถ้าเลิกแล้วรอหน้าตึก เดี๋ยวไปรับ”
📩 เธอตอบ : “กำลังออก”
ลงบันไดมา เห็นผู้ชายใส่เชิ้ตเรียบยืนพิงราว ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่ทำให้สบายใจ
“น้องคณะอักษรใช่ไหม” เสียงเขานุ่ม ๆ
สายธารชะงัก “คะ?”
“เห็นนั่งกับวายุเมื่อกี้” เขายิ้ม “สนิทกันเหรอ”
“ฉันเป็นติวเตอร์” เธอตอบสั้น ๆ
“ระวังหน่อยนะ” เขาเอียงคอ พูดเหมือนเตือนแต่ไม่ใช่หวังดี “โลกของมันไม่ค่อยสะอาดหรอก”
“โลกใครก็มีฝุ่นทั้งนั้น” เธอสบตา “ฉันทำงานเสร็จแล้ว กำลังจะกลับบ้าน แค่นั้น”
ผู้ชายคนนั้นมองเธอครู่หนึ่งเหมือนลองวัดใจ แล้วหัวเราะเบา ๆ “ฉลาดดีนะ” เขาก้าวหลบ “ขอให้โชคดีแล้วกันน้อง”
สายธารเดินผ่านไป ไม่หันกลับ เธอสงสัยว่าเขาเป็นใคร แต่ไม่คิดจะตาม สองนาทีต่อมา มินตราขี่มอเตอร์ไซค์เล็ก ๆ มาจอดรับ
“เฮ้ย เมื่อกี้เห็นผู้ชายคนนั้นปะ” มินตราพูดทันที “กฤตย์ ตัวปัญหาเลยนะ”
สายธารเว้นไปนิด “อ๋อ”
“ธาร อย่าไปยุ่งกับพวกนี้เลยนะ” มินตราถอนหายใจ “จะให้สาบานไหม”
“ไม่ต้องสาบานหรอก ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย” เธอตอบ แต่ในใจรู้ว่าชีวิตจริงมันไม่ง่ายแบบนั้น
🌒 คืนนั้น
ร้านหนังสือที่บ้านปิดไฟช้าหน่อย พ่อยังจัดชั้นหนังสือ แม่คุยกับลูกค้าขาประจำ สายธารช่วยเก็บเงินทอน วางโปสการ์ดใหม่ ๆ ใกล้แคชเชียร์ ทุกอย่างเรียบง่าย อุ่น ๆ เหมือนเคย
🛌 ก่อนนอน 💤
📖 เธอเปิดสมุดเล่มเล็ก
✍️ เขียนสั้น ๆ ตามนิสัย
🌻 “วันนี้เจอคนที่ทั้งมหาลัยพูดถึง เขาไม่ได้เหมือนข่าวลือทุกอย่าง เขียนตรง ความคิดชัด แต่ยังดื้อ มาสายยี่สิบนาที ต้องเตือนอีก”
เธอปิดสมุด วางปากกา แล้วปิดไฟไม่นาน!!
📲 โทรศัพท์สั่น
💭 มีข้อความจากเบอร์ที่เพิ่งบันทึกไว้ตอนเย็น
📩 Vayu: พรุ่งนี้สี่โมง ที่เดิมใช่ไหม
📩 Saitharn: ใช่
📩 Vayu: จะไม่สาย
เธอมองหน้าจอ แล้วพิมพ์กลับไปคำเดียว
📩 Saitharn: ดี
อีกฝั่งอ่านข้อความแต่ไม่ตอบกลับ เงียบไป สายธารวางโทรศัพท์บนหัวเตียง ใจเธอไม่ได้เต้นแรงเหมือนคืนก่อน แต่ก็ยังมีอะไรบางอย่างขยับอยู่ข้างใน เหมือนสายน้ำที่ไหลเรื่อย ๆ ไม่แรง แต่ไม่หยุด
🌃 อีกมุมของเมือง
ห้องโล่งบนคอนโดสูง วายุนั่งพิงขอบหน้าต่าง มองไฟถนนที่ต่อกันยาว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความสุดท้ายจากเธอ ก่อนเก็บใส่กระเป๋า แล้วยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง
”ภาคิน“ เดินออกมาจากครัวพร้อมกระป๋องน้ำอัดลม
“ยิ้มอะไรของมึงวะ ปกติมีเรื่องมึงไม่เคยยิ้ม อยู่ ๆ มายิ้มแบบนี้”
“ไม่มีอะไร” วายุรับกระป๋อง เปิดฝา “เรื่องเมื่อเย็นมึงจัดการยัง”
“เรียบร้อย กฤตย์มันขู่เฉย ๆ” ภาคินถอนหายใจ “แต่มึงก็เบาลงหน่อยเถอะ กูไม่อยากซ่อมคนบ่อย ๆ”
“กูไม่ได้หาเรื่อง” วายุส่ายหน้า “มันเข้ามาเอง”
ภาคินเหล่มอง “แล้วเด็กคณะอักษรเมื่อกี้ล่ะ”
วายุไม่ตอบทันที ในหัวเขาแวบขึ้นมาถึงดวงตานิ่ง ๆ ของเธอ คำพูดที่บอกให้ตัดคำหยาบออกจากงานเขียน ความเรียบง่ายที่ไม่มีใครในโลกของเขาเคยทำให้รู้สึกมาก่อน
“ผู้หญิงที่ไม่วิ่งหนีเวลามีเรื่อง…น่าสนใจดี” เขาพูดเบา ๆ “แต่กูก็บอกไปแล้วว่าอย่ามายุ่ง”
ภาคินหัวเราะ “พูดอย่างกับมึงจะทำตามคำตัวเอง”
วายุไม่เถียง เขารู้ดีว่าเขาไม่คุมพายุในตัวเองได้ทุกครั้ง แต่ก็รู้เหมือนกันว่ามีอะไรบางอย่างเริ่มเปลี่ยน เขาช้าลงนิดหนึ่ง คิดก่อนนิดหนึ่ง เหมือนเมื่อคืนที่เขาขี่รถช้ากว่าปกติ
“อย่าให้มันไปกระทบคนอื่นก็พอ” ภาคินเสียงจริงจังขึ้น “โดยเฉพาะคนที่ไม่เกี่ยว”
“กูรู้” วายุพิงหัวกับกระจก รับความเย็นซึมเข้าผิว “แต่โลกกู…มันไม่เคยเงียบ”
เขาหลับตา ปล่อยเสียงเมืองดังผ่านหู คำประโยคแรกในงานเขียนเมื่อเย็นแวบขึ้นมา คนเราไม่ควรถูกตัดสินจากข่าวลือ เขายกยิ้มมุมนิดเดียวก่อนลืมตา
💭 ข้อความใหม่เด้งขึ้น
📩 Krit: พรุ่งนี้มีเรื่องจะคุย เจอกัน
วายุไม่ตอบ เขาลบข้อความทันทีแล้วเปิดโหมดเงียบ เขาไม่อยากให้พายุจากอีกโลก พัดเข้าไปถึงโต๊ะมุมหน้าต่างในห้องสมุดคนนั้น เขาไม่กล้าสัญญาอะไร แต่เขาตั้งใจว่าจะเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อน อย่างเช่น…มาตรงเวลา
🔆 เช้าวันใหม่
ฟ้าใส อากาศดี สายธารเดินเข้ามหาลัยพร้อมถุงผ้า แวะซื้อขนมปังสองชิ้นกับน้ำเปล่า ก่อนขึ้นบันไดไปเข้าคลาสเช้า หน้าห้องเรียนเธอเห็นประกาศจากฝ่ายวิชาการติดบอร์ด โครงการติวข้ามคณะ รุ่นใหม่ รายชื่อเธอโผล่อยู่ ข้าง ๆ มีชื่อ วายุ ภาควิศวกรรมเครื่องกล
เธอหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง “หนีไม่พ้นจริง ๆ”
📮เสียงไลน์ดังขึ้น
📩 มินตรา: “เย็นนี้ซ้อมละครคณะนะ อย่าลืม”
📩 สายธาร: “โอเค พรุ่งนี้ฉันติวสี่โมง”
📩 มินตรา: “กับใครคงไม่ต้องถาม…”
📩 สายธาร: “เลิกแซว”
เธอเก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้าห้องเรียน ใจไม่ได้คิดอะไรพิเศษ แค่ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดี เหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าคนตรงข้ามโต๊ะจะเป็นใคร
แต่ในใจลึก ๆ เธอยอมรับว่า คืนแรกที่เจอเขามันไม่เหมือนใคร นี่คือจุดเริ่มที่เธอไม่ได้เลือกเองทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้คิดจะหนี ถ้าโลกของเขาเป็นพายุ เธอก็จะเป็นน้ำ ไหลไปในทางของตัวเอง ไม่บุ่มบ่าม ไม่หวือหวา แต่คงเส้นคงวา
ส่วนวายุ เขาอาจยังไม่รู้ ว่าพายุใหญ่บางครั้งก็หยุดได้เพราะเจอสิ่งเล็ก ๆ ที่เย็นพอ
และสิ่งเล็ก ๆ นั้น…ก็กำลังนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะมุมหน้าต่างในห้องสมุด
“อย่ามีเรื่องก็พอ” 👊⏳
﹙ ❤︎ ﹚⠀୨୧ __ 。゚✿ ꙳⋆ᯭ ⋆⑅˚₊ 。ཻ♡